Friday, August 19, 2016

ย่านเมืองเก่านารามาชิ (Naramachi)

ย่านเมืองเก่านารามาชิ (Naramachi)

เขตเมืองเก่าที่มีบ้านเรือนแบบเดิมๆ มีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย



บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com 
ความลับที่สุดของผิวหน้าวัย 50 ปี ที่มีใบหน้าเหมือนสาวอายุ 30 ปี ด้วยวิธีที่ง่ายๆโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม

พิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายแห่งนารา (Nara City Museum of Photography)

พิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายแห่งนารา (Nara City Museum of Photography)

จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการถ่ายภาพและภาพถ่ายสวยงาม



บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com 
ความลับที่สุดของผิวหน้าวัย 50 ปี ที่มีใบหน้าเหมือนสาวอายุ 30 ปี ด้วยวิธีที่ง่ายๆโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม

หอประชุมเมืองนารา (Nara Century Hall)

หอประชุมเมืองนารา (Nara Century Hall)

สถานที่จัดแสดงงานนิทรรศการ การแสดงดนตรี นาฏศิลป์ประจำเมือง บริเวณด้านหน้าเป็นที่จัดตลาดนัดประจำเทศกาลต่างๆ



บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com 
ความลับที่สุดของผิวหน้าวัย 50 ปี ที่มีใบหน้าเหมือนสาวอายุ 30 ปี ด้วยวิธีที่ง่ายๆโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม

โมชิโดโนะ ช้อปปิ้ง สตรีท (Mochiidono Shopping Street)

โมชิโดโนะ ช้อปปิ้ง สตรีท (Mochiidono Shopping Street)

ถนนช้อปปิ้งกลางใจเมือง เป็นแหล่งร้านค้าอีกแห่งของเมือง



บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com 
ความลับที่สุดของผิวหน้าวัย 50 ปี ที่มีใบหน้าเหมือนสาวอายุ 30 ปี ด้วยวิธีที่ง่ายๆโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม

ถนนซันโจ-โดริ (Sanjo-dori Avenue)

ถนนซันโจ-โดริ (Sanjo-dori Avenue)

แหล่งร้านค้า ร้านอาหาร มีร้านเขียนพู่กันญี่ปุ่นแบบโบราณอยู่หลายแห่ง

ถนนช้อปปิ้งฮิกะชิมูกิ (Higashimuki Shopping Street)

ถนนช้อปปิ้งฮิกะชิมูกิ (Higashimuki Shopping Street)
เป็นถนนช้อปปิ้งยาว 250 เมตร ตั้งอยู่ข้างสถานีรถไฟคินเทสึนารา(Kintetsu Nara Station) สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวง แหล่งรวบรวมร้านค้าของที่ระลึกและร้านอาหารมากมาย

ถนนช้อปปิ้งฮิกะชิมูกิ อยู่ตรงทางออกจากสถานีรถไฟใต้ดินนารา เดินขึ้นมาแล้วก็เจอเลย เป็นถนนตรงยาวแต่ไม่ลึกมาก สองข้างทางมีร้านอาหาร ร้านขนม ร้านเสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ สุดทางจะเจอร้านขนมโมจิไส้ถั่วแดงที่อร่อยมากและออกรายการทีวีมาแล้วชื่อร้าน Nakatanidou ชิ้นละ 130 เยน ถ้าเดินเที่ยววัดโทไดจิเสร็จแล้วสามารถมาเดินหาของกินอร่อยที่นี่ได้ตามสบาย



บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com 
ความลับที่สุดของผิวหน้าวัย 50 ปี ที่มีใบหน้าเหมือนสาวอายุ 30 ปี ด้วยวิธีที่ง่ายๆโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม

วัดกันโกจิ (Gango-ji)

วัดกันโกจิ (Gango-ji)
วัดเก่าแก่อีกแห่งที่เคยเป็น 1 ใน 7 ของวัดที่สำคัญที่สุดของเมืองในสมัยที่นารายังเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ตัววัดดั้งเดิมนั้นถูกไฟไหม้ลงในช่วงศตวรรษที่ 18 แต่ก็ยังมีซากปรักหักพังให้คงเห็นอยู่ทั่วไปในเขตวัด ตัววัดที่สร้างขึ้นใหม่ได้ทำเลียนแบบของเดิมมากที่สุด จุดเด่นของวัดแห่งนี้ คือ รูปปั้นหินต่างๆ ที่แทรกอยู่ในบริเวณของวัด ที่เป็นทั้งรูปปั้นของพระ รูปปั้นอสุรกาย รวมไปถึงรูปปั้นมนุษย์ในอากัปกิริยาพิสดารมากมาย

เขตโบราณสถานปราสาทเฮอิโจเคียว (Heijokyo Palace Site)

เขตโบราณสถานปราสาทเฮอิโจเคียว (Heijokyo Palace Site)
เขตปราสาทโบราณอายุกว่า 1300 ปี แม้ว่าตัวปราสาทของจริงจะไม่หลงเหลือให้เห็นแล้ว แต่ก็ได้มีการจำลองตัวปราสาทขึ้นมาในบริเวณฐานที่ตั้งเดิม นอกจากนั้นยังส่วนของพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของปราสาทและราชวงศ์ในยุคนั้น รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ โบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่ขุดค้นพบได้ในบริเวณนี้

ศาลเจ้าฮิมุโระ (Himuro Shrine)

ศาลเจ้าฮิมุโระ (Himuro Shrine)

ที่ตั้ง
ศาลเจ้าเก่าแก่อายุกว่าพันปี ตั้งอยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของเมืองนารา ภายในศาลเจ้ามีปลาที่แช่แข็งไว้ในแท่นน้ำแข็งเพื่อบูชาเทพเจ้า นอกจากนั้นศาลเจ้าแห่งนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องเป็นสถานที่ชมซากุระบานในช่วงต้นฤดูร้อนของเมืองนารา (ราวปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน) อีกด้วย

วัดยาคุชิจิ (Yakushi-ji)

วัดยาคุชิจิ (Yakushi-ji)

วัดเก่าแก่ประจำเมืองอีกวัด เป็น 1 ใน 7 วัดสำคัญของเมืองนาราในสมัยที่ยังเป็นเมืองหลวง มีงานสถาปัตยกรรมแบบจีนที่สวยแปลกตา วัดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิในอดีตเพื่ออุทิศแก่พระชายาที่ล้มป่วยของพระองค์ น่าเสียดายว่าตัววัดดั้งเดิมถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ในราวปี พ.ศ. 2513 เหลือเพียงเจดีย์ทางด้านทิศตะวันออกที่ยังคงอยู่ตั้งแต่สมัยก่อตั้ง ทั้งนี้การบูรณะได้พยายามสร้างให้ใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด

วัดโทโชไดจิ (Toshodai-ji)

วัดโทโชไดจิ (Toshodai-ji)

วัดเก่าแก่ที่อายุกว่า 1300 ปีที่ถูกสร้างขึ้นโดยพระจีน ท่านกันจิ้น (Ganjin) ที่เข้ามาเผยแพร่พุทธศาสนาในเมืองนี้ วัดแห่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นวิทยาลัยสงฆ์ ใช้ศึกษาพระธรรมและฝึกฝนการทำสมาธิ นอกจากนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกแห่งเมืองนาราที่ยูเนสโกขึ้นทะเบียนความเก่าแก่ ความสวยงาม และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโลก

ศาลเจ้าคาสุกะ ไทชา (Kasuka Taisha Shrine)

ศาลเจ้าคาสุกะ ไทชา (Kasuka Taisha Shrine)

ที่ตั้ง
ศาลเจ้าเก่าแก่ของเมืองและเป็นศาลเจ้าที่มีคนมากราบไหว้มากที่สุดในเมืองนารา ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยเดียวกับการสร้างวัดโกโฟกุจิ แต่ได้รับการบูรณะสืบต่อกันเรื่อยมา จุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้ คือ แนวตะเกียงที่เรียงรายอยู่ในบริเวณศาลเจ้าที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนและเพื่อระลึกถึงนักรบในอดีต นอกจากนั้นยังมีหอที่เก็บรักษาสมบัติและโบราณวัตถุของศาลเจ้าไว้อีกด้วย

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเมืองนารา (Nara National Museum)

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเมืองนารา (Nara National Museum)

ที่ตั้ง
พิพิธภัณฑ์ด้านพุทธศาสนาเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์อันดับต้นๆ ของโลกที่มีคอลเลคชั่นของพุทธศิลปะที่ดีที่สุด มีส่วนของห้องโถงแห่งขุมทรัพย์ (Treasure Hall) ที่จัดแสดงคัมภีร์โบราณ โบราณวัตถุล้ำค่า และภาพวาดเก่าแก่ ในช่วงปลายเดือนตุลาคม-เดือนพฤศจิกายนของทุกปีจะมีการจัดแสดงสมบัติล้ำค่าของวัดโทไดจิให้ประชาชนทั่วไปได้ชม หลังจากนั้นสมบัติเหล่านี้จะถูกนำไปเก็บรักษาไว้จนกว่าจะถึงช่วงเวลาการจัดนิทรรศการในปีต่อไป

วัดโกโฟกุจิ Kofoku-ji)

วัดโกโฟกุจิ Kofoku-ji)

ที่ตั้ง
วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 1253 โดยตระกูลของเจ้าผู้ครองนครในอดีต แต่เดิมนั้นเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ มีสิ่งปลูกสร้างมากมายราว 150 -175 หลัง แต่ปัจจุบันหลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่หลังเทานั้น โดยยังมีอาคารเก่า 3 ชั้นและเจดีย์ขนาดใหญ่ 5 ชั้นที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดของญี่ปุ่น นอกจากนั้นภายในวัดยังมีส่วนของพิพิธภัณฑ์ที่จัดเก็บพระพุทธรูปโบราณ เศียรพระเก่าแก่และรูปปั้นที่สร้างขึ้นมาพร้อมกับวัดตั้งแต่สมัยอดีตกาล

สวนนารา (Nara Park)

สวนนารา (Nara Park)

ที่ตั้ง
สวนสาธารณะริมเขาขนาดใหญ่อันเป็นที่ตั้งของวัดและศาลเจ้าสำคัญ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2423 เป็นเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงกวางในธรรมชาติ กวางในสวนนี้เป็นมิตรกับผู้คน สามารถซื้ออาหารให้กวางที่มีขายในบริเวณสวนได้ นอกจากนั้นยังมีโรงน้ำชาแบบพื้นเมืองให้บริการในบริเวณสวนอีกด้วย

วัดโทไดจิ (Todai-ji) เมืองนารา

วัดโทไดจิ (Todai-ji)

ที่ตั้ง
วัดเก่าแก่ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่หลวงพ่อโต (Daibutsu) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก บริเวณทางเข้าวัดมีประตูไม้โบราณแกะสลักเป็นรูปยักษ์จำลอง นันไดมง (Nandai-mon) เฝ้าวัดขนาดใหญ่ทั้งสองด้าน และภายในบริเวณยังมีพระพุทธรูปยากูชิ เนียวไร (Yakushi Nyorai) ซึ่งเป็นพระแห่งการรักษาพยาบาลและยา นอกจากนั้นวัดแห่งนี้ยังมีตัวอุโบสถที่เป็นเรือนไม้สักที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย


Friday, August 12, 2016

โปเกม่อน (Pokémon – Pocket Monsters)

โปเกม่อน (Pokémon – Pocket Monsters) เป็นเกมและการ์ตูนที่มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวครั้งแรกในรูปแบบของเกมตลับในเครื่องเล่นเกมบอยเมื่อปี ค.ศ. 1996 หรือ 20 ปีที่แล้ว โดยจำลองเกมเป็นโลกของสัตว์ประหลาด (มอนสเตอร์) ในรูปร่างต่างๆ ทั้งน่ารักและน่าเกรงขาม เพื่อให้ผู้เล่นเกมได้สวมบทเป็นเทรนเนอร์ไปค้นหา ตามจับมาเลี้ยง และนำโปเกม่อนมาประลองความสามารถกัน ความสำเร็จของเกมโปเกม่อนทำให้มีทั้งการ์ตูนอะนิเมะ=ชั่น หนังสือการ์ตูน ของเล่น และมีเกมส์โปเกม่อนต่อสู้ (แบบเกมตลับ) ตามออกมาอีกหลายเวอร์ชั่น และจนถึงเกมภาคปัจจุบัน (Pokémon XY) ก็รวมแล้วมีโปเกม่อนทั้งหมดมากกว่า 700 ชนิดแล้ว

Pokémon GO ถือว่าเป็นเกมโปเกม่อนเกมแรกที่เล่นได้ในสมาร์ทโฟนอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะจำลองให้ผู้เล่นเกมเป็นเทรนเนอร์ตามจับโปเกม่อนคล้ายกับเกมตลับของต้นฉบับ แต่สร้างความแตกต่างให้มากกว่าด้วยรูปแบบการเล่นผ่านการเดินบนแผนที่จริงด้วยระบบ GPS และตามหาโปเกม่อนที่ซ่อนตัวอยู่ในโลกจริง ผู้เล่นสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อตามจับโปเกม่อน แข่งขันกับผู้อื่นผ่านระบบยิม (Gym) แบบออนไลน์ และใช้ระบบ AR (Augmented Reality) เพื่อให้โปเกม่อนออกมาโลดแล่นอยู่ในโลกจริงผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือของคุณได้แบบแปลกใหม่



แอร์ฟรานซ์ (Air France)

แอร์ฟรานซ์ (Air France)

กาตาร์แอร์เวย์ (Qatar Airways)

กาตาร์แอร์เวย์ (Qatar Airways)

คาเธ่ย์แปซิฟิค (Cathay Pacific)

คาเธ่ย์แปซิฟิค (Cathay Pacific)

เอมิเรตส์แอร์ไลน์ (Emirates Airlines)

เอมิเรตส์แอร์ไลน์ (Emirates Airlines)

เขตศิลปะโลเวนเบรา อารีล (Lowenbrau Areal)

เขตศิลปะโลเวนเบรา อารีล (Lowenbrau Areal)

แหล่งอาร์ตแกลอรี่และพิพิธภัณฑ์ศิลปะมากมาย

ไพร์ม ทาวเวอร์ (Prime Tower)

ไพร์ม ทาวเวอร์ (Prime Tower)

ตึกที่สูงที่สุดของเมือง ด้านบนมีร้านอาหารให้บริการ

สวนซูริกฮอร์น (Zurichhorn Park)

สวนซูริกฮอร์น (Zurichhorn Park)

สวนสาธารณะขนาดใหญ่ริมทะเลสาบซูริค เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง มีมุมของสวนจีนที่ได้รับการตกแต่งสไตล์จีนที่เมืองคุนหมิงได้จัดทำให้เป็นของขวัญในฐานะเมืองคู่แฝด

ตลาดคันเซิลอี (Kanzlei)

ตลาดคันเซิลอี (Kanzlei)

ตลาดศิลปะและตลาดของโบราณอีกแห่งของเมือง

ตลาดเบอร์คิเพลซ (Burkiplatz)

ตลาดเบอร์คิเพลซ (Burkiplatz)

แหล่งสินค้าราคาถูกและเป็นตลาดของเก่ายอดนิยม เปิดในวันเสาร์

น้ำตกไรน์ (Rhine Falls)

น้ำตกไรน์ (Rhine Falls)

น้ำตกที่สูงที่สุดในยุโรป

ทะเลสาบซูริค (Zurich Lake)

ทะเลสาบซูริค (Zurich Lake)

แหล่งพักผ่อนในเมือง มีทางเดินเลียบริมทะเลสาบ เป็นจุดปั่นจักรยานและจุดเดินชมวิวยอดนิยม มีท่าเรือที่ให้บริการเรือเช่าชมวิวรอบๆ ทะเลสาบ

จุดชมวิวภูเขายูเอทลิเบิร์ก (Uetliberg Mountain)

จุดชมวิวภูเขายูเอทลิเบิร์ก (Uetliberg Mountain)

ภูเขาสูงริมเมืองที่มีความสูงกว่า 2,857 ฟุต เป็นจุดชมวิวเมืองสวยงามและสามารถมองเห็นเทือกเขาแอลป์ได้จากบริเวณจุดชมวิวแห่งนี้ด้วย

พิพิธภัณฑ์ศิลปะไรท์เบิร์ก (Rietberg Musuem)

พิพิธภัณฑ์ศิลปะนานาชาติแห่งเดียวในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่มีการจัดแสดงงานศิลปะจากทวีปเอเชีย อเมริกา แอฟริกาและโอเชียเนีย

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ (Swiss National Museum)

จัดแสดงประวัติศาสตร์ของประเทศตั้งแต่ก่อนยุคประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ออกแบบและจัดสร้างโดยสถาปนิกชื่อก้องของประเทศกุสตาฟ กอลล์ (Gustav Gall)

เขตนีเดอร์ดอร์ฟ (Niederdorf)

เขตหมู่บ้านโบราณอีกแห่งของเมือง เป็นเขตปลอดรถ เหมาะแก่การเดินชมอาคารบ้านเรือนสไตล์ยุโรปโบราณ นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งของเก่าชั้นเยี่ยม มีร้านค้าจำพวกงานฝีมือและงานศิลปะอยู่เป็นจำนวนมาก ที่สำคัญเป็นแหล่งรวมหนังสือเก่าหายากและสตูดิโอศิลปะของศิลปินท้องถิ่น และหากเหนื่อยกับการเดินชมเมืองก็สามารถเลือกนั่งพักจิบกาแฟยามบ่ายพร้อมขนมหวานพื้นเมืองแสนอร่อยในร้านกาแฟและร้านขนมอบที่มีอยู่แทบจะทุกหัวถนนในเขตนี้

หอดูดาวยูเรเนีย (Sternwarte Urania)

หอดูดาวเก่าแก่ที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1907 ภายในมีกล้องดูดาวขนาดใหญ่สำหรับการสำรวจท้องฟ้าและดาราศาสตร์ ซึ่งยังใช้การได้สมบูรณ์ บริเวณด้านบนมีบริการร้านอาหารและเครื่องดื่ม และมีจุดชมวิวเมืองมุมสูงชั้นเยี่ยม หอดูดาวแห่งนี้มีทัวร์พาชมเป็นประจำระหว่างวันพฤหัสบดี-วันเสาร์

สวนสัตว์ซูริค (Zurich Zoo)


สวนสัตว์ขนาดใหญ่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการจัดแสดงและอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ต่างๆ ในระบบใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด (Ecosystem) ตั้งแต่สัตว์ที่อาศัยในเทือกเขาสูงเขตหนาวไปจนถึงสัตว์ป่าเขตร้อนในแอฟริกา และยังมีการจัดแสดงช้างไทยใน “สวนช้างแก่งกระจาน”

ป้อมปราการลินเดนฮอฟ (Lindenhof)

ป้อมปราการลินเดนฮอฟ (Lindenhof)
ป้อมปราการโรมันโบราณบนเนินเขาใจกลางเมืองบริเวณริมแม่น้ำลิมมัท (Limmat River) ป้อมแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าที่มีประวัติยาวนานนับย้อนไปถึงสมัยที่โรมันครองเมืองราวศตวรรษที่ 4 และได้สร้างพระราชวังขึ้นเพื่อเป็นที่พำนักของผู้ครองนครในช่วงศตวรรษที่ 9 ต่อมาได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นป้อมปราการประจำเมืองในช่วงหลัง ในปัจจุบันเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ จุดนับพบ และจุดชมวิวเมืองชั้นเยี่ยมจุดหนึ่ง

เขตเมืองเก่า (Old Town)

เขตเมืองเก่า (Old Town)
เป็นเขตบ้านเมืองและหมู่บ้านยุโรปโบราณยุคเมดิอิวัล (Medieval) ที่อนุรักษ์ไว้ อาคารในแถบนี้มีอายุนับย้อนไปได้ถึง 2,000 ปีเลยทีเดียว ที่น่าสนใจ คือ อาคารสมัยใหม่ที่ผุดขึ้นในบริเวณใกล้เคียงนั้นถูกออกแบบและจัดวางได้อย่างลงตัวกับอาคารบ้านเรือนแบบเก่าๆ เหล่านี้ นอกจากจะได้มาเดินชมความสวยงามของบ้านเรือนโบราณแบบในเทพนิยายแล้ว ย่านนี้ยังเป็นแหล่งร้านค้า งานฝีมือ และร้านอาหารอีกด้วย

ถนนบานโฮฟซตราสเซอ (Bahnhofstrasse)

ถนนบานโฮฟซตราสเซอ (Bahnhofstrasse)
ถนนการค้าเก่าแก่ที่รุ่งเรืองมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เป็นถนนสายช้อปปิ้งหลักของเมืองที่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าและร้านค้ามากมายตลอดสองฝั่งทาง โดยเฉพาะร้านแบรนด์เนมระดับโลกดังๆ ที่มารวมตัวกันอยู่บนถนนเส้นนี้จนขึ้นชื่อว่าเป็น “ถนนช้อปปิ้งที่แพงที่สุดในโลก” ที่น่าสังเกตอีกอย่าง คือ ถนนเส้นนี้มีร้านขายนาฬิกาเป็นจำนวนมาก ประมาณว่าแทบจะเป็นแหล่งรวมนาฬิกาชั้นนำของโลกเลยก็ว่าได้ สมกับคำเล่าลือที่ว่า “จะหานาฬิกาดีๆ ต้องมาที่สวิตเซอร์แลนด์”

ห้องแสดงภาพศิลปะคุนสท์เฮาส์ (Kunsthaus)

ห้องแสดงภาพศิลปะคุนสท์เฮาส์ (Kunsthaus)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่มีคอลเลคชั่นศิลปะมากที่สุดของเมือง มีการจัดแสดงผลงานของศิลปินระดับโลก เช่น ปิกาสโซ่ โมเนต์ และชาร์กัลล์ นอกจากนั้นยังเป็นที่จัดแสดงงานศิลปะชื่อดังมากมายทั้งในระดับประเทศและระดับสากลที่สำคัญ

โบสถ์หอคอยคู่กรอสมุนเตอร์ (Grossmunster)

โบสถ์หอคอยคู่กรอสมุนเตอร์ (Grossmunster)
โบสถ์หอคอยคู่สูงระฟ้า เป็นโบสถ์สำคัญและเก่าแก่ของเมืองที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1100 ภายในมีงานประติมากรรมและสถาปัตยกรรมการตกแต่งที่สวยงาม รวมทั้งยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ที่สำคัญอีกอย่าง คือ โบสถ์แห่งนี้เป็นที่เก็บรักษาพระคัมภีร์โบราณทางคริสต์ศาสนา นอกจากนั้นนักท่องเที่ยวยังสามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงจากด้านบนสุดของหอคอยได้อีกด้วย

หอนาฬิกาแห่งโบสถ์เซนต์ ปีเตอร์ (St. Peter)

หอนาฬิกาแห่งโบสถ์เซนต์ ปีเตอร์ (St. Peter)

หอนาฬิกาที่มีหน้าปัดนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ยาวถึง 8.7 เมตร และระฆังทั้ง 5 ใบที่ตีบอกเวลานั้นก็ใช้ทำการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1880 นอกจากนั้นโบสถ์แห่งนี้ยังเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง มีประวัติการก่อสร้างย้อนไปถึงสมัยศตวรรษที่ 8 และได้รับการบูรณะเรื่อยมา ตัวอาคารทั้งภายในและภายนอกมีงานสถาปัตยกรรมการออกแบบตกแต่งแนวโกธิคโบราณผสมบาโรค

โบสถ์ฟราวมุนสเตอร์ (Fraumunster)

โบสถ์ฟราวมุนสเตอร์ (Fraumunster)
โบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 9 หรือราวปี ค.ศ. 853 ขึ้นชื่อเรื่องงานกระจกสี (Stain Glass) อันสวยงามโดดเด่น ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินเลื่องชื่อในอดีต มาร์ค ชากัลล์ (Marc Chagall) และออร์แกนโบราณขนาดมหึมาภายในโบสถ์ ข้อสำคัญสำหรับการไปเข้าชม คือ โบสถ์แห่งนี้ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปด้านในแต่สามารถซื้อโปสการ์ดที่ระลึกได้

เมืองซูริค (Zurich) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

นครซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

เมืองซูริค (Zurich) เมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์และยังเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศและของทวีปยุโรป ซูริคขึ้นชื่อเรื่องมนต์เสน่ห์ของเมืองยุโรปโบราณที่มีงานสถาปัตยกรรมแบบเก่ากระจัดกระจายอยู่รายล้อมเมือง ในขณะเดียวกันก็เป็นเมืองที่มีความเจริญทางเทคโนโลยีสมัยใหม่และถูกยกให้เป็นหนึ่งในอันดับต้นๆ ของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลกอีกด้วย

การเดินทางในเมืองและระหว่างเมือง มีบริการขนส่งสาธารณะหลายประเภทให้เลือก เช่น รถราง รถบัส รถไฟ รวมไปถึงเรือเฟอร์รี่ เรือชมวิวและริเวอร์ บัส (River Bus) ที่ให้บริการทั้งนั่งชมวิวและข้ามฟาก นอกจากนั้นการเช่ารถขับก็เป็นทางเลือกยอดนิยมที่สะดวกสบาย เพราะถนนขับง่ายและสามารถไปเที่ยวได้หลายแห่งทั้งในเมือง นอกเมืองและเมืองใกล้เคียง สนใจค้นหาและเปรียบเทียบราคารถเช่า

ที่พัก/โรงแรมซูริค ที่พักในซูริกมีหลายแบบตั้งแต่โรงแรมหรูหรา บูทีค โฮเท็ล (Boutique Hotel) เบด แอนด์ เบรคฟาสต์ (Bed and Breakfast) ไปจนถึงที่พักราคาประหยัด (Budget Accommodation) โดยที่พักเหล่านี้จะกระจายอยู่ในแหล่งต่างๆ ทั้งภายในเมืองและชานเมือง สนใจค้นหาและเปรียบเทียบราคาโรงแรมและที่พักซูริค

ฤดูกาลท่องเที่ยว ซูริคเที่ยวได้ทั้งปี แต่ในฤดูร้อนกลางปีราวเดือนกรกฎาคม-เดือนกันยายนจะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวค่อนข้างหนาแน่น เพราะอากาศอบอุ่นมากที่สุด ทั้งนี้หากอยากไปชมดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิเริ่มเข้าหน้าร้อน ก็ควรมาเยือนช่วงเดือนเมษายน-เดือนมิถุนายน และถึงแม้ว่าในช่วงฤดูหนาวที่มีอุณหภูมิขั้นติดลบแต่ก็มีนักท่องเที่ยวอีกมากมายที่นิยมไปชมความงามของการตกแต่งและเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่กันที่ซูริค




The Basilica Cathedral of Lima

The Basilica Cathedral of Lima เป็นโบสถ์คาทอลิคที่สร้างตั้งแต่ ค.ศ.1535 นำท่านผ่านชมย่านที่พักอาศัยชานเมืองแถวมิราโฟลเรสและซานอิสโตรซึ่งมีชื่อเสียงด้านความงามของบ้านและสวน

ทำเนียบรัฐบาล (Lima Parliament)

ทำเนียบรัฐบาล (Lima Parliament) ซึ่งเด่นสง่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล

จตุรัส อาร์มาส (Plaza De Armas)

จตุรัส อาร์มาส (Plaza De Armas)

กรุงลิมา (Lima)

กรุงลิมา (Lima) เมืองหลวงที่ยังคงรักษาความเป็นละตินอเมริกาไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุดเมืองหนึ่ง เมืองลิมาตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ.1535 โดยชาวสเปนชื่อฟรานซิสโก ปิซาโร และ ในปี ค.ศ.1991 องค์การยูเนสโก้ได้ประกาศให้ลิมาเป็นเมืองมรดกทางวัฒนธรรม

สนามบินลิมา ประเทศเปรู

สนามบินลิมา ประเทศเปรู

จตุรัสอาร์ม (Arms Square) หรือที่รู้จักในนาม จตุรัสนักรบ (Square of the warrior)

จตุรัสอาร์ม (Arms Square) หรือที่รู้จักในนาม จตุรัสนักรบ (Square of the warrior) จตุรัสแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ โบสถ์ลาคัมปาเนีย (Church of la Compania de Jesus) โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1576 และได้รับการยกย่องว่าเป็นโบสถ์ที่สร้างแบบสถาปัตยกรรมโคโลเนียล บาโร๊คที่สวยงามคู่เมืองคูซโก้มานาน

เมืองคูซโก้

เมืองคูซโก้ เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 1983 นำท่านชมกำแพงหิน หรือที่รู้จักในนาม 12 Side Stone ที่สร้างขึ้นโอบล้อมเมืองเก่าคูซโก้ กำแพงนี้สร้างจากภูมิปัญญาของชาวอินคาโบราณ โดยการนำหินก้อนใหญ่มาเรียงกันสร้างเป็นกำแพงเมืองขนาดใหญ่ นับได้ ว่าเป็นอีกสิ่งมหัศจรรย์ของเมืองเก่าคูซโก้

โชว์พื้นเมืองของชาวอินคา

โชว์พื้นเมืองของชาวอินคา

นครโบราณของอาณาจักรอินคา มาชูปิคชู (Machu Picchu)

นครโบราณของอาณาจักรอินคา มาชูปิคชู (Machu Picchu) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ใหม่ล่าสุดของโลกโดยรถไฟไต่ขึ้นเทือกเขาแอนดิสอันยิ่งใหญ่ ระหว่างทางท่านจะได้ชมความสวยงามและความลึกลับของบรรยากาศโดยรอบที่เข้ากับสถานที่ ข้างทางเป็นแม่น้ำ อูรูบัมบา (Urubamba) ไหลแรงคดเคี้ยวขนานไปกับทางรถไฟสู่ปลายทางที่สถานีเมืองอควาส์ กาเลียนเต้ส์ (Aquas Calientes) จากนั้นเดินทางโดยรถบัสสู่มาชูปิคชู (Machu Picchu) นครที่หายสาบสูญไปของอาณาจักรอินคา บนยอดเขาสูงที่ถูกหมอกปกคลุมอยู่เสมอ จนถึงปี 1911 นครแห่งนี้จึงปรากฏสู่สายตาชาวโลกในลักษณะสภาพบ้านเมือง บ้านเรือน พระราชวัง วิหาร ซึ่งยังคงสภาพเดิมที่ดีราวกับได้รับการอนุรักษ์ดูแลไว้อย่างน่าอัศจรรย์ นครโบราณแห่งนี้ถูกค้นพบโดยฮิรัม บิงแฮม ซึ่งตั้งใจจะหาเมืองโบราณสองเมืองที่ปรากฎชื่ออยู่ในเอกสารโบราณ แต่กลับมาพบเมืองที่ไม่ปรากฎอยู่ในเอกสารใดทั้งสิ้น จึงได้ตั้งชื่อเมืองตามชื่อภูเขาอันเป็นที่ตั้ง คือ Machu Picchu ซึ่งมีความหมายว่า Old Mountain และข้างๆ ยังมียอดเขา Huayna Picchu  หรือ New Mountain ตัวโบราณสถานมาชู ปิคชูนั้น ซ่อนอยู่บนยอดเขาสูงเสียดฟ้า และ ณ ที่แห่งนี้คือเมืองที่ไม่กี่ร้อยปีมานี้ยังมีผู้คนอาศัย ก่อนจะถูกทิ้งร้างไปเมื่อสเปนเข้ามาในศตวรรษที่ 15

หุบเขาซาเครท (Sacred Valley)

หุบเขาซาเครท (Sacred Valley) อันเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ ที่จะเปิดให้ท่านเดินทางไปชมสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างมาชู ปิคชู

กำแพงซัคเซฮัวมัน (Sacsayhuaman)

กำแพงซัคเซฮัวมัน (Sacsayhuaman) ที่สร้างขึ้นพื่อป้องกันการรุกรานของศัตรูและป้องกันแผ่นดินไหว สิ่งเหล่านี้ได้แสดงถึงความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของชาวอินคาอย่างน่าประหลาดใจ

วิหารโคริคันชา

วิหารโคริคันชา หรือที่รู้จักในนาม วิหารพระอาทิตย์ (Qoriqancha, The Sun Temple) ที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพเจ้าดวงอาทิตย์

เมืองคูซโก้ เมืองหลวงของอาณาจักรอินคา

เมืองคูซโก้ เมืองหลวงของอาณาจักรอินคา ที่แพร่ขยายอำนาจจนกินพื้นที่ 2 ใน 3 ของอเมริกาใต้ ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 3,400 เมตร และเป็นแหล่งอารยธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ลึกลับน่าทึ่ง เป็นชุมชนเก่าแก่ของจักรวรรดิอินคาอันรุ่งเรือง ซึ่งยังคงทิ้งร่องรอยความเจริญไว้ให้เห็นเป็นซากปรักหักพักโบราณและโบราณวัตถุต่างๆ

Huaca Hualiamarca ปิระมิดดินขนาดใหญ่

Huaca Hualiamarca ซึ่งเป็นปิระมิดดินขนาดใหญ่

วิหารปาชาคามา

วิหารปาชาคามา ภายในวิหารและโบราณสถานโดยรอบที่ได้ขุดค้นพบในเมืองนี้ และชมความยิ่งใหญ่ของเมืองโบราณแห่งอาณาจักรอินคาอีกแห่งหนึ่ง

เมืองโบราณปาชาคามา (Pachacamac Ruins)

เมืองโบราณปาชาคามา (Pachacamac Ruins) ซึ่งมีความหมายว่า ผู้สร้างโลก เป็นเมืองโบราณที่สร้างขึ้นและสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นระหว่างปี 800-1450 ก่อนคริสตกาล ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงลิมา ในอดีตปกครองโดยอาณาจักรอินคา บริเวณโดยรอบเป็นที่ตั้งของปิระมิดหลากหลายรูปแบบที่ได้มีการขุดค้นพบขึ้น และส่วนที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์ที่สุดคือ วิหารปาชาคามา

พิพิธภัณฑ์ทองคำ (Gold Museum)

พิพิธภัณฑ์ทองคำ (Gold Museum) ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรวบรวมศิลปะวัตถุซึ่งทำด้วยทองคำของชาวเปรูมาตั้งแต่อดีตกาล

สนามบินลิมา ประเทศเปรู

สนามบินลิมา ประเทศเปรู

กรุงลิมา ประเทศเปรู

กรุงลิมา ประเทศเปรู

สนามบินซานเตียโก (SCL)

สนามบินซานเตียโก (SCL)

หุบเขาคาซาบลังกา (Casablanca Valley)

หุบเขาคาซาบลังกา (Casablanca Valley) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมของชิลี ณ ที่แห่งนี้ ท่านจะได้ลิ้มชิมรสไวน์ หลากหลายรูปแบบที่ผลิตและส่งออกนอกประเทศ ได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่เมืองซานเตียโก

หุบเขาคูลาคาฟว์ (Curacavi Valley)

หุบเขาคูลาคาฟว์ (Curacavi Valley) อันเป็นที่ตั้งของไร่องุ่นพันธุ์ดีที่ใช้ในการผลิตไวน์อันเลื่องชื่อของประเทศชิลี ซึ่งเป็นอีกอุตสาหกรรมที่ทำรายได้มหาศาลให้กับประเทศชิลี ตลอดเส้นทางเรียบชายฝั่งทะเลมุ่งสู่ไร่องุ่นและโรงบ่มไวน์อันเลื่องชื่อ ท่านจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพ ท้องทะเลสลับกับชายฝั่งเทือกเขาสูง นับเป็นอีกทัศนียภาพที่สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวที่ได้มาเยือน

นาฬิกาดอกไม้ (Flower Clock)

นาฬิกาดอกไม้ (Flower Clock) เปรียบได้กับสัญลักษณ์ของเมืองแห่งสวนนี้

เมืองบัลปาราอีโซ (Valparaiso)

เมืองบัลปาราอีโซ (Valparaiso) เป็นหนึ่งในเมืองท่าที่สำคัญที่สุดและศูนย์กลางวัฒนธรรมที่เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นเรื่อยๆ ของประเทศชิลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ เป็นเมืองหลักของแคว้นบัลปาราอีโซ ในขณะที่ซานเตียโกเป็นเมืองหลวงของประเทศ ในปีค.ศ.2003 รัฐสภาชิลีได้มีมติประกาศให้บัลปาราอีโซเป็น เมืองหลวงทางวัฒนธรรมของชิลี และเป็นที่ตั้งของสำนักงานกระทรวงวัฒนธรรมแห่งใหม่ของประเทศ บัลปาราอีโซมีบทบาทสำคัญทางภูมิศาสตร์การเมืองในครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยเป็นที่พักกลางทางของเรือที่เดินทางระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิก กับ มหาสมุทรแอตแลนติก ผ่านทางช่องแคบแมกเกนแลน ชาวยุโรปได้อพยพเข้ามาอย่างมาก บัลปาราอีโซในขณะนั้นได้รับการขนานนามจากกะลาสีจากชาติต่างๆ ว่าเป็น ซานฟราสซิสโกน้อย หรือ อัญมณีแห่งแปซิฟิก ซึ่งช่วงนี้เองที่ถือเป็นยุคทองของเมือง จนกระทั่งการเปิดใช้คลองปานามา และความซบเซาของการเดินเรือได้ทำให้ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเมืองชะงักลง

เมืองบัลปาราอีโซ เป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 2007 เนื่องจากเป็นเมืองที่สะท้อนให้เห็นถึงยุคทองทางการค้าในสมัยศตวรรษที่ 19

Wednesday, August 10, 2016

หมู่บ้านโอรองโก (Orongo Ceremonial Village)

หมู่บ้านโอรองโก (Orongo Ceremonial Village) หมู่บ้านที่ใช้จัดพิธีการเลือกหัวหน้าเผ่า ผู้ครองเกาะ โดยการที่ชายหนุ่มที่มีความแข็งแกร่งกระโดดลงหน้าผา และ ว่ายน้ำข้ามไปยังเกาะนก เพื่อไปนำไข่นกแล้วว่ายน้ำกลับมายังเกาะอีสเตอร์ เป็นพิธีการเลือกผู้นำของชาวลาปานุยมาช้านาน

ปากปล่องภูเขาไฟราโนเกา (Rano KAu Volcano)

ปากปล่องภูเขาไฟราโนเกา (Rano KAu Volcano)

โมอาย Ahus Nau Nau และ โมอาย Ature Huke และชมโมอาย Pukau

โมอาย Ahus Nau Nau และ โมอาย Ature Huke และชมโมอาย Pukau ลักษณะคล้ายหมวกเป็นชิ้นต่างหากอยู่บนศีรษะ ซึ่งแตกต่างจากโมอายโดยทั่วไปที่นิยมแกะสลักจากหินก้อนเดียว

ปากปล่องภูเขาไฟ ที่ใหญ่ที่สุดแห่งเกาะอีสเตอร์

ปากปล่องภูเขาไฟ ที่ใหญ่ที่สุดแห่งเกาะอีสเตอร์ จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ โมอาย อาฮูตองการิกิ (Ahu Tongariki) ซึ่งเป็นโมอายที่โดดเด่นที่สุดบนเกาะอีสเตอร์

ตอนใต้ของเกาะอีสเตอร์ - ทุ่งโมอาย ณ เหมืองหิน ราโน ราราคู (Rano Raraku)

ตอนใต้ของเกาะอีสเตอร์ ความมหัศจรรย์ของทุ่งโมอาย ณ เหมืองหิน ราโน ราราคู (Rano Raraku) ซึ่งเป็นที่ที่พบโมอายอยู่กว่า 400 ตัว อยู่ในกระบวนการแกะสลักซึ่งใกล้เสร็จสมบูรณ์ จากการค้นพบรูปปั้นที่ยังแกะสลักอยู่ครึ่งๆกลางๆนั้น ทำให้มีการสันนิษฐานว่าเหมืองหินได้ถูกทิ้งร้างไปอย่างกะทันหัน นอกจากนั้นในการค้นพบโมอายเกือบทั้งหมดอยู่ในสภาพล้มนอน เชื่อว่าชาวพื้นเมืองบนเกาะเป็นผู้ทำให้มันล้ม ลักษณะที่เด่นชัดของโมอาย คือส่วนหัว แต่ก็มีโมอายหลายตัวซึ่งมีส่วนหัวไหล่ แขน และลำตัว ซึ่งเป็นโมอายที่พบหลังจากถูกฝังมานานนับปี ความหมายและวัตถุประสงค์ของการสร้างโมอายนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดและมีการสันนิษฐานกันไปต่างๆนานา ข้อสันนิษฐานที่แพร่หลายมากคือโมอายถูกแกะสลักโดยชาวโพลิเนเชียน (Polynesian) ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะนี้เมื่อกว่า 1,000 ปีมาแล้ว ข้อสันนิษฐานเชื่อว่าพวกโพลิเนเชียนอาจสร้างโมอายขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนถึงบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ หรืออาจจะเป็นผู้ซึ่งมีความสำคัญ ณ สมัยนั้นหรืออาจจะเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะของครอบครัว อิสระให้ท่านเก็บภาพความน่าอัศจรรย์ของทุ่งโมอายนับร้อยตัว

โมอาย 7 ตัว

โมอาย 7 ตัว หรือที่รู้จักกันในนาม อาฮู อากิวี (Ahu Akivi) สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ โฮตู มาตูอา (King Hotu Matua) จากนั้นนำท่านสู่บริเวณที่เชื่อว่าเป็นที่ทำหมวกของโมอาย หรือที่รู้จักในนาม ปูนาเปา (Puna Pau Quarry) ซึ่งเป็นอีกชิ้นส่วนที่สำคัญของโมอายที่สร้างเหมือนมีหมวกบนหัว

เกาะอีสเตอร์

เกาะอีสเตอร์ เป็นเกาะขนาดเล็กที่ถือว่าตั้งอยู่โดดเดี่ยวแห่งหนึ่งของโลก โดยเกาะนั้นมีพื้นที่เพียง 160 ตารางกิโลเมตร มีความยาว 25 กิโลเมตร แต่ถึงแม้ว่าเกาะจะมีขนาดเล็ก แต่ประวัติศาสตร์ของเกาะอีสเตอร์นั้นยิ่งใหญ่เกินขนาดของเกาะเป็นหลายเท่าตัวเลยโดยสิ่งก่อสร้างที่ถือว่าเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์ของเกาะแห่งนี้ คือ รูปสลักหินขนาดยักษ์ หรือที่รู้จักในนาม โมอาย (Moai)  แม้ว่าจะไม่มีใครรู้ที่มาของชาวพื้นเมืองบนเกาะ แต่ชาวพื้นเมืองก็ได้สร้างรูปสลักยักษ์ขึ้น ซึ่งสร้างจากหินและกากแร่ภูเขาไฟหรือหินบะซอลต์ซึ่งรูปสลักในยุกแรกจะเป็นรูปสลักคนนั่งคุกเข่าในช่วงประมาณ ค.ศ.380 ในยุคถัดมาเริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1100 จะสลักเป็นรูปที่เรียกว่า โมอาย (Moai) ซึ่งเป็นที่โดดเด่นทั่วไปบนเกาะ โมอาย เป็นรูปปั้นหินซึ่งมีรูปร่างคล้ายมนุษย์และส่วนศีรษะมีขนาดใหญ่เด่นชัด โมอายถูกพบมากกว่า 600 ตัว กระจายอยู่ทั่วเกาะอีสเตอร์ในอุทยานแห่งชาติลาปานุย ประเทศชิลี โมอายเกือบทั้งหมดที่พบนั้นถูกแกะสลักมาจากหินก้อนเดียว แต่ก็มีบางตัวซึ่งมี Pukau ลักษณะคล้ายหมวกเป็นชิ้นต่างหากอยู่บนศีรษะ โมอายเกือบทั้งหมดถูกแกะสลักมาจากเหมืองหินที่ราโน ราราคู (Rano Raraku) ซึ่งเป็นที่ที่พบโมอายอยู่กว่า 400 ตัว อยู่ในกระบวนการแกะสลักซึ่งใกล้เสร็จสมบูรณ์ นำท่านเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติลาปานุย ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี 1995

สนามบิน อีสลา เดอ ปาชัวร์ บนเกาะอีสเตอร์

สนามบิน อีสลา เดอ ปาชัวร์ บนเกาะอีสเตอร์

พระราชวังโมนิดา (La Moneda Palace)

พระราชวังโมนิดา (La Moneda Palace) ซึ่งปัจจุบันคือ ทำเนียบประธานาธิบดีของประเทศชิลี และใช้เป็นสถานที่ราชการของกระทรวงต่างๆของประเทศชิลี นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมและถ่ายรูปบริเวณลานด้านหน้า พระราชวังแห่งนี้ออกแบบโดย โจแอนควิน โทเอากา สถาปนิกชาวอิตาเลียน สร้างขึ้นในปี 1784-1805 ในแบบสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิค และมีเสาโรมันขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านเป็นซุ้มประตู ความสวยงามและเก่าแก่ของพระราชวังแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้

มหาวิหารแห่งซานเตียโก (Cathedral of Santiago)

มหาวิหารแห่งซานเตียโก (Cathedral of Santiago) เป็นมหาวิหารที่สร้างด้วยศิลปะนีโอคลาสสิคสร้างตั้งแต่ปี 1748 แล้วเสร็จในปี 1800 นำท่านเข้าชมความงดงามภายในมหาวิหารแห่งนี้

จตุรัสพลาซ่า เดอะ อาร์ม (Plaza De Arm)

จตุรัสพลาซ่า เดอะ อาร์ม (Plaza De Arm) อันเป็นจตุรัสที่ตั้งของสถาปัตยกรรมโบราณต่างๆมากมาย

ศาลาว่าการเมือง (Santiago city hall)

ศาลาว่าการเมือง (Santiago city hall)

เบอร์นาโด โอ ฮิกกิ้น อเวนิว (Bernardo O Higgins Avenue)

เบอร์นาโด โอ ฮิกกิ้น อเวนิว (Bernardo O Higgins Avenue) หรือที่ชาวชิลีรู้จักในนาม La Alameda หมายถึงถนนที่เต็มไปด้วยต้นปอปล่า นับเป็นถนนสายหลักของเมืองซานเตียโก และเป็นย่านเมืองเก่าที่ยังคงความคลาสสิค

เมืองซานเตียโก (Santiago) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศชิลี

เมืองซานเตียโก (Santiago) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศชิลี ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 520 เมตร (1,700 ฟุต) ในหุบเขาตอนกลางของประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นซานเตียโกเมโทรโพลิแทน กว่าสามศตวรรษที่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องได้เปลี่ยนให้ซานเตียโกเป็นเขตนครหลวงที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในละตินอเมริกา พร้อมๆ กับการพัฒนาเขตชานเมืองอย่างกว้างขวาง ศูนย์การค้าหลายสิบแห่ง และสถาปัตยกรรม ที่น่าประทับใจ รวมทั้งมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของละตินอเมริกา เช่น ซานเตียโกเมโทร (Santiago Metro) และระบบใหม่ โกสตาเนรานอร์เต (Costanera Norte) เป็นระบบขนส่งของย่านกลางกรุง เชื่อมระหว่างด้านตะวันออกสุดไปด้านตะวันตกสุดของเขตเมืองภายในเวลา 15 นาที

สนามบินซานเตียโก

สนามบินซานเตียโก

สนามบินปุนตาอาเรนัส

สนามบินปุนตาอาเรนัส

เมืองปุนตาอาเรนัส (Punta Arenas) เมืองหลวงแคว้นมากายาเนสและลาอันตาร์ตีกาชีเลนา

เมืองปุนตาอาเรนัส (Punta Arenas) เมืองหลวงแคว้นมากายาเนสและลาอันตาร์ตีกาชีเลนา แคว้นใต้สุดของชิลี เป็นเมืองใหญ่ที่สุดทางซีกโลกใต้บนเส้นรุ้งที่ 46 เดิมได้เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการเป็น มากายาเนส ในปี ค.ศ.1927 แต่เปลี่ยนกลับมาใช้ ปุนตาอาเรนัส เหมือนเดิมในปี ค.ศ.1938 และตั้งแต่ปี ค.ศ.1977 เป็นหนึ่งในสองเมืองของชิลีที่เป็นเมืองท่าปลอดภาษี เมืองตั้งอยู่ข้างช่องแคบแมกเกนแลน มีความสำคัญด้านภูมิศาสตร์ของเมืองทำให้เมืองมีความสำคัญด้านการทหารในคาบสมุทรแอนตาร์กติก ในศตวรรษที่ 20 และ 21

ทะเลสาบอาร์เจนติน่า (Argentine Lake)

ทะเลสาบอาร์เจนติน่า (Argentine Lake) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอาร์เจนติน่า และตื่นตาตื่นใจกับธารน้ำแข็งที่มีความยาวกว่า 50 กิโลเมตร กว้างประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้

ล่องเรือชมธารน้ำแข็งอัปซาลา (Upsala Glacier)

ล่องเรือชมธารน้ำแข็งอัปซาลา (Upsala Glacier) เป็นธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ถือเป็น 1 ใน 10 สถานที่ในโลกที่เหมาะจะดูธารน้ำแข็ง และเป็นธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดเป็นอันดับสองในอเมริกาใต้

เปอร์โต บานเดอร่า (Puerto Bandera)

เปอร์โต บานเดอร่า (Puerto Bandera) หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในจังหวัดซานตาครูซ ซึ่งอยู่ห่างจากเอล คาฟาเต้ไปประมาณ 47 กิโลเมตร

Mirado Del Lado Hotel

Mirado Del Lado Hotel

ธารน้ำแข็ง เปริโต มอเรโน (Perito Moreno Glacier)

ธารน้ำแข็ง เปริโต มอเรโน (Perito Moreno Glacier) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติลอสกลาซิอาเรส (Parque Nacional Los Glaciares) เป็นหนึ่งในหลายๆธารน้ำแข็งที่สวยงามของประเทศอาร์เจนติน่า นอกจากนั้น ภูเขาธารน้ำแข็ง เปริโต มอเรโน ยังได้รับการรับรองจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก ในปี ค.ศ.1981 อีกด้วย นำท่าน ชมธารน้ำแข็ง เปริโต มอเรโน เป็นธารน้ำแข็งที่เลื่องชื่อมาก ก่อตัวเป็นแนวกำแพงสูงขนาดความกว้าง 5 กิโลเมตร และสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 74 เมตร (240 ฟุต) จากระดับผิวน้ำ เป็นธารน้ำแข็งที่มีการเติบโต และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาหลายพันปีก่อน พื้นที่อุทยานฯ แห่งนี้ ถูกปกคลุมด้วยธารน้ำแข็งทั้งหมด แต่ด้วยอุณหภูมิที่อุ่นขึ้น จึงทำให้ก้อนน้ำแข็งละลาย และเหลืออยู่ให้เห็นในปัจจุบัน มีการแตกลั่นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวตลอดทั้งวัน เนื่องจากก้อนน้ำแข็งมหึมาที่ตกลงในทะเลสาบก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ซัดชายฝั่งอย่างรุนแรง อีกทั้งธารน้ำแข็งจะขยายตัวในทุกๆรอบสี่ปี เนื่องจากธารน้ำแข็งไปปิดทางออกของน้ำ ระดับน้ำในทะเลสาบจึงมักเพิ่มสูงขึ้นจนถึงระดับที่ทำให้กำแพงน้ำแข็งทลาย กลายเป็นฉากอันน่าตื่นตาตื่นใจ และกินเวลาหลายชั่วโมงจึงจะยุติ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนส่วนใหญ่ จึงต่างเดินทางมาเพื่อมาจดจ่อรอชม และฟังเสียงก้อนน้ำแข็งยักษ์หล่นลงสู่ ทะเลสาบ Argentino อันเป็นไฮไลท์ของโปรแกรมที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง จนได้เวลาอันสมควร นำท่าน ชมเมืองเอล คาลาฟาเต้ ซึ่งปัจจุบันมีประชากร ประมาณ 3,000 คน ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามทางตอนใต้ของ Lago Argentino สภาพทั่วไป ถูกโอบล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี และเทือกเขาสูงใหญ่ สองฟากฝั่งของถนนสายหลักในหมู่บ้าน เรียงรายไปด้วยโรงแรม ร้านขายของที่ระลึกที่ท่านสามารถเดินเที่ยวเล่นได้อย่างสบาย ชมย่านใจกลางเมืองเก่าที่มีอาคาร และสถาปัตยกรรมแบบเฉพาะตัวในช่วงยุคบุกเบิก

เมือง เอล คาลาฟาเต้ (El Calafate) ประเทศ อาร์เจนติน่า

เมือง เอล คาลาฟาเต้ (El Calafate)
เมืองที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทางใต้ของทะเลสาบอาร์เจนติโน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองซานตา ครูซ ประเทศ อาร์เจนติน่า

สนามบิน เอล คาลาฟาเต้ เมือง เอล คาลาฟาเต้ (El Calafate)

สนามบิน เอล คาลาฟาเต้ เมือง เอล คาลาฟาเต้ (El Calafate)

ที่ฝังศพของเอวิต้า เปรอง (Tomb of Evita Peron) หรือ เอวา เปรอง

ที่ฝังศพของเอวิต้า เปรอง (Tomb of  Evita Peron) หรือ เอวา เปรอง อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศอาร์เจนตินา ผู้ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้นายพลฮวน เปรอง ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งอาร์เจนตินา ด้วยคำแนะนำต่างๆของเธอ เอวิต้า เปรอง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2495 ด้วยโรคมะเร็งมดลูก ด้วยวัยเพียง 33 ปีเท่านั้น ซึ่งสร้างความเศร้าเสียใจกับประชาชนชาวอาร์เจนตินาเป็นอย่างมาก ประวัติชีวิตของเอวามีคนนำไปทำหนังสือ ละครเวที และสร้างเป็นภาพยนตร์หลายเรื่อง เรื่องหนึ่งที่ฮอลิวู้ดได้เคยนำมาทำเป็นภาพยนตร์นำแสดงโดย มาร์ดอนน่า และเพลงที่รู้จักกันทั่วโลก อย่าง Don’t Cry for me Argentina

เสาโอบิลิกส์ (Obelisk El Obelisco)

เสาโอบิลิกส์ (Obelisk El Obelisco) สร้างขึ้น ในปี 1936 ณ ส่วนกลางของถนนแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่ธงอาร์เจนตินาถูกเชิญสู่ยอดเสาเป็นครั้งแรก เป็นที่จัดประชุมทางการเมือง งานดนตรี และเป็นสถานที่ฉลองชัยชนะของทีมฟุตบอลอาร์เจนตินา

ถนน 9 กรกฎาคม (Avenida 9 de Julio)

ถนน 9 กรกฎาคม (Avenida 9 de Julio) ซึ่งชาวอาร์เจนตินาอ้างว่าถนนสายนี้เป็นถนนที่กว้างที่สุดในโลก

มหาวิหารโรเซอร์เรตต้า (The Metropolitan Cathedral)

มหาวิหารโรเซอร์เรตต้า (The Metropolitan Cathedral) สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1677 และได้พังทลายลงในปี 1753 ต่อมาได้มีการบูรณะสร้างโบสถ์แห่งนี้ขึ้นมาใหม่โบสถ์แห่งนี้เป็นที่ฝังศพของ นายพลโฮเซ่ เดอ ซานมาร์ติน นักปฎิวัติผู้ยิ่งใหญ่และผู้นำอิสรภาพสู่อาร์เจนตินา จากนั้นนำท่านเดินทางสู่จตุรัสคองเกรส ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐสภาแห่งชาติ (Parliament House)

ทำเนียบประธานาธิบดี หรือที่มีชื่อเรียกว่า คาซา โรซาดา (Casa Rosada)

ทำเนียบประธานาธิบดี หรือที่มีชื่อเรียกว่า คาซา โรซาดา (Casa Rosada) แปลว่าบ้านสีชมพูหรือบ้านสีกุหลาบเพราะใช้หินสีชมพูก่อสร้าง ตั้งตระหง่านอยู่หน้า จัตุรัสมาโย (Plaza De Mayo) อิสระให้ท่านเก็บภาพความงามของเมืองและสถาปัตยกรรม อาคารสำนักงานต่างๆที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะยุโรป


กรุงบัวโนสไอเรส (Buenos Aires) เมืองหลวงของอาร์เจนตินา

กรุงบัวโนสไอเรส (Buenos Aires) เมืองหลวงของอาร์เจนตินา เมืองใหญ่อันดับสองของอเมริกาใต้ รองจาก นครเซาเปาโลของบราซิล ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทางใต้ของแม่น้ำริโอเดอลาพลาตา (Rio de la Plata) ถือว่าเป็นอีกเมืองที่ได้รับวัฒนธรรมยุโรปเป็นอย่างมาก จนได้รับการขนานนามว่า ปารีสแห่งอเมริกาใต้ เมืองนี้มีความเจริญและมีความทันสมัยมากที่สุดแห่งหนึ่งในแถบลาตินอเมริกา

น้ำตกอิกวาสุ (ฝั่งบราซิล)

น้ำตกอิกวาสุ (ฝั่งบราซิล) ซึ่งเป็นฝั่งที่ท่านสามารถมองเห็นน้ำตกได้ทั่วถึงและงดงามที่สุด ท่านจะได้สัมผัสกับความงามแสนมหัศจรรย์ของธรรมชาติ น้ำตกทรงเกือกม้าที่เกิดจากแม่น้ำริโออิกวาสุทั้งสายไหลมาจากหน้าผาเบื้องบนตกลงสู่หุบเหวย่อยๆ กว่า 30 แห่ง พลังน้ำตกที่ตกลงมากระทบก้อนหินเบื้องล่างก่อให้เกิดละอองน้ำกระเซ็นกระจายไปทั่วปรากฏเป็นรุ้งกินน้ำสีสวยสดใส

น้ำตกอิกวาสุ ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกอิกวาสุ (ฝั่งอาร์เจนตินา)

น้ำตกอิกวาสุ ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกอิกวาสุ (ฝั่งอาร์เจนตินา) เพื่อให้ท่านได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่และความงดงามของน้ำตกอิกวาสุ (1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ทางธรรมชาติ)

เขื่อนอิไตปู (Taipu Dam)

เขื่อนอิไตปู (Taipu Dam) เขื่อนคอนกรีตขนาดใหญ่ ซึ่งในอดีตนั้นจัดว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนที่เขื่อนในประเทศจีนจะมีการก่อสร้างเสร็จ เขื่อนอิไตปูสร้างในปี ค.ศ.1984 แล้วเสร็จในปี ค.ศ.1988 รวมระยะเวลาการก่อสร้าง 4 ปี คำว่า อิไตปู มาจากภาษากวารานิของชาวอินเดียนแดงชนเผ่าดั้งเดิม แปลว่า เสียงเพลงจากก้อนหิน เขื่อนอิไตปู กั้นแม่น้ำปารานาบริเวณเขตแดนระหว่างประเทศบราซิลกับประเทศปารากวัย ซึ่งนอกจากเป็นผนังกั้นน้ำและผลิตกระแสไฟฟ้าแล้ว ยังเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างสองประเทศอีกด้วย ตัวเขื่อนมีขนาดความสูง 180 เมตร ความยาวกว่า 8 กิโลเมตร ใช้คอนกรีตในการก่อสร้างกว่า 28 ล้านตัน และใช้เหล็กมากขนาดที่ว่าใช้สร้างหอไอเฟลได้ถึง 380 หอเลยทีเดียว ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไม่น้อย เนื่องจากความอลังการของเขื่อนแห่งนี้

Rafain Palace Hotel

Rafain Palace Hotel

ล่องเรือเจทมาคูโค (Macuco Safari Boat)

ล่องเรือเจทมาคูโค (Macuco Safari Boat) ชมความสวยงามของแม่น้ำอิกวาสุ และชมความงดงามของน้ำตกแห่งนี้แบบใกล้ชิด

น้ำตกอิกวาสุ (Iguaza Fall)

น้ำตกอิกวาสุ (Iguaza Fall) ซึ่งเป็นคำมาจากภาษากวารานี (Guarani) ชาวอินเดียแดง เผ่าดั้งเดิม แปลว่า สายน้ำอันยิ่งใหญ่ ค้นพบโดยนักสำรวจชาวสเปนชื่อ AI VARO NUNES CABEZA DE VECA เมื่อปี ค.ศ. 1542 น้ำตกอิกวาสุตั้งอยู่บริเวณรอยต่อพรมแดนระหว่างประเทศบราวิลกับประเทศอาร์เจนติน่า เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และขึ้นชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลกโดยใหญ่กว่าน้ำตกไนแองการ่า ประมาณ 30 เท่า อย่างไรก็ตามขนาดของน้ำตกใกล้เคียงกับน้ำตกวิกตอเรีย ในทวีปแอฟริกา น้ำตกอิกวาสุเกิดจากแม่น้ำอิกวาสุซึ่งไหลมาจากที่ราบสูงปารานา ตกจากขอบที่ราบสูงขนาดใหญ่ลงสู่พื้นที่ราบต่ำกว่า จึงกลายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่เป็นแนวยาวกว่า 4 กิโลเมตร สูงกว่า 269 ฟุต ประกอบด้วยน้ำตกใหญ่น้อยอีกกว่า 275 แห่ง ในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนมีนาคมปริมาณน้ำมีมากถึงกว่า 13.6 ล้านลิตรต่อวินาที แต่ในช่วงฤดูร้อน คือระหว่างเมษายนถึงเดือนตุลาคม ปริมาณน้ำจะลดลงเหลือ 2.3 ล้านลิตรต่อวินาที บริเวณรอบๆ น้ำตกจะเกิดละอองน้ำอยู่ตลอดเวลาและมีเสียงดังไปไกลกว่า 24 กิโลเมตร

สนามบิน อิกวาสุ

สนามบิน อิกวาสุ

แซมโบโดรม (Sambodrome)

แซมโบโดรม (Sambodrome) ซึ่งเป็นสถานที่จัดการแข่งขันขบวนคาร์นิวัล อันยิ่งใหญ่งดงามตระการตา ให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศเทศกาลคาร์นิวัลแบบใกล้ชิด

ยอดเขาคอร์โควาโด (Corcovado Mountain)

ยอดเขาคอร์โควาโด (Corcovado Mountain) อันเป็นที่ตั้งของรูปปั้นของพระเยซู ชื่อ Christ of Redeemer ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และ ได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ รูปปั้นพระเยซูที่มีความสูงประมาณ 700 เมตรนี้ ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาคอร์โควาโด เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นเมืองและชายหาดที่สวยที่สุด นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถรางไปบนยอดเขาเพื่อมองรูปปั้นอันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบราซิลและคริสต์ศาสนิกชนทั่วโลกได้อย่างใกล้ชิด ชาวบราซิลมักจะกล่าวอ้างว่า พระเจ้าเป็นชาวบราซิล ซึ่งอาจเป็นเพราะรูปปั้นพระเยซู ที่ยืนเพ่งมองมายังเมืองราวกับว่า ริโอ อยู่ในความคุ้มครองของพระองค์ (การขึ้นสู่ยอดเขาขึ้นกับสภาพอากาศ)

ฟลาเมนโกพาร์ค (Flamengo Park)

ฟลาเมนโกพาร์ค (Flamengo Park) สะพาน Neteroi ก่อนลัดเลาะไปตามชายฝั่งทะเล ผ่านชายหาดที่มีชื่อเสียงก้องโลก จนถึงหาดโคปาคาบานา (Copacabana Beach) ที่มีความยาวกว่า 4 กิโลเมตร

สนามกีฬามารากาน่า (Maracana stadium)

สนามกีฬามารากาน่า (Maracana stadium) ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเหมือนวิหารของฟุตบอลบราซิล เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับ 3 ของเมือง และเป็นสถานที่ที่ชาวเมืองภาคภูมิใจมาก มีเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของฟุตบอลบราซิลเกิดขึ้นที่นี่มากมาย เช่น การยิงประตูที่ 1,000 ของเปเล่ ตำนานลูกหนังแซมบ้า และยังเป็นสนามที่เขาลงเล่นให้ทีมชาติเป็นนัดแรกด้วย สนามนี้ถูกใช้เป็นที่จัดพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ รวมถึงจะใช้จัดพิธีเปิดและปิดกีฬาโอลิมปิก 2016

เมืองริโอ เดอจาเนโร

เมืองริโอ เดอจาเนโร ซึ่งเป็นประตูสู่บราซิล ได้ชื่อว่า เป็นเมืองที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

เคเบิ้ลคาร์สู่ยอดเขาชูการ์โลฟ (Sugar Loaf Mountain)

เคเบิ้ลคาร์สู่ยอดเขาชูการ์โลฟ (Sugar Loaf  Mountain) ยอดเขาที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากหาดโคปาคาบานา ในเมืองริโอ เดอ จาเนโร มีความสูง 1,400 เมตร ซึ่งสูงตระหง่านอยู่ที่ปลายแหลมสุดของปากอ่าว กวานาบารา และตั้งโดดเด่นคู่กับภูเขาคอร์โควาโด ท่านสามารถชมทิวทัศน์และภาพอันงดงามของเมืองริโอ เดอจาเนโร จากมุมสูงของยอดเขาชูการ์โลฟ

สนามบิน ริโอเดอจาเนโร กรุงริโอเดอจาเนโร

สนามบิน ริโอเดอจาเนโร กรุงริโอเดอจาเนโร

เมืองเซาเปาโล เมืองหลวงของรัฐเซาเปาโล ประเทศบราซิล

เมืองเซาเปาโล เมืองหลวงของรัฐเซาเปาโล ประเทศบราซิล เมืองนี้เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลกตามจำนวนประชากร ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของบราซิล นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีความมั่งคั่งที่สุดในประเทศ ชื่อเซาเปาโลเป็นภาษาโปรตุเกส มีความหมายว่า นักบุญพอล ทั้งนี้เมืองเซาเปาโลได้ชื่อว่า นิวยอร์กแห่งละตินอเมริกา เนื่องจากเป็นเมืองธุรกิจ ศูนย์กลางการค้าและการลงทุน นำท่านผ่านชมและแวะถ่ายรูปกับสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ทำเนียบผู้ว่าการรัฐ มหาวิทยาลัยของรัฐที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ย่านธุรกิจการค้า โรงพยาบาลอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ซึ่งได้รับการยอมรับว่า เป็นโรงพยาบาลที่ดีและทันสมัยที่สุดในอเมริกาใต้

Santa Casa da Misericordia

Santa Casa da Misericordia ซึ่งเป็นที่พำนักของขุนนางในสมัยก่อน

โบสถ์เซาฟรานซิสโก (Sao Francisco Church)

โบสถ์เซาฟรานซิสโก (Sao Francisco Church)

เซา ฟรานซิสโก้ สแควร์ (Sao Francisco Square)

เซา ฟรานซิสโก้ สแควร์ (Sao Francisco Square) ซึ่งเป็นเมืองตั้งอยู่ในเขต เซา คลิสโตโว (Sao Cristovao) ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ.2010 เมืองแห่งนี้มีลักษณะโดดเด่นของสถาปัตยกรรมแบบบาโร๊ค และบ้านเรือนที่สร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18-19 สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินชีวิตและศิลปะวัฒนธรรมของชาวบราซิลในอดีต ซึ่งเป็นเมืองตั้งอยู่ในเขต เซา คลิสโตโว (Sao Cristovao) ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ.2010 เมืองแห่งนี้มีลักษณะโดดเด่นของสถาปัตยกรรมแบบบาโร๊ค และบ้านเรือนที่สร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18-19 สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินชีวิตและศิลปะวัฒนธรรมของชาวบราซิลในอดีต

จตุรัสเซ (Se Square)

จตุรัสเซ (Se Square) ซึ่งเป็นจตุรัสใจกลางเมืองเซาเปาโล และ เป็นที่ตั้งของโบสถ์ประจำเมืองเป็นโบสถ์สไตล์โกธิคสวยงามมาก นอกจากนี้ยังเป็นจตุรัสที่ตั้งของโรงละคร ศูนย์กลางสถานีรถไฟใต้ดินของเมืองเซาเปาโล

สนามบินซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

สนามบินซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

สนามบินเซาเปาโล (GRU) ประเทศบราซิล

สนามบินเซาเปาโล (GRU) ประเทศบราซิล

Saturday, August 6, 2016

9 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งพม่า

9 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งพม่า

1.พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง
พระเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ศูนย์กลางความศรัธาที่พุทธศาสนิกชนชาวพม่าต้องมาสักการะสักครั้งในชีวิต ถือเป็นศาสนสถานอันเป็นที่สุด แห่งหนึ่งของอุษาคเนย์ ที่อร่ามไปด้วยทองคำและยอดเพชร 76 กะรัตที่เปล่งประกาย

2.พระมหาธาตุเจดีย์ชเวสิกอง
อีกหนึ่งในมหาสักการะสถานศักดิ์สิทธิ์ของพม่าอยู่ทีพุกาม ทีสร้างขึ้นต้งแต่สมัยพระเจ้าอโนรธา ที่ประดิษฐานพระพระบรมสารีริกธาตุส่วนหน้าผาก และเขี้ยวแก้วที่อัญเชิญมาจากศรีลังกา เจดีที่งามสง่าด้วยสีทองและ ภายในบริเวณยังมีหอนัตที่ชาวพม่านับถือด้วย

3.พระมหามัยมุนี
พระมหามัยมุณี พระพุทธรูปเนื้อนิ่มที่เชื่อว่าพระพุทธเจ้าทรงประธานลมหายใจให้นั้น คือ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวพม่า ใครได้ชื่อว่ามีโอกาสปิดทองสักการะ หรือร่วมพิธีล้างหน้าพระอันศีกดิ์สิทธิ์ที่เมืองมัณฑะเลย์ว่าได้บุญกุศลบารมียิ่งถือว่าไม่ควรพลาดหากมาเที่ยวพม่า

4.พระธาตุอินทร์แขวน หรือ พระธาตุเจดีย์ไจก์ถิโย
พระธาตุอินทร์แขวน หรือ ไจก์ทิโย ที่เชื่อว่าพระอินทร์มาเนรมิตไว้ในรัฐมอญ เป็นเจดีย์ที่สร้างบนก้อนหินฉาบด้วยสีทองอร่ามบนเชาสูงกว่า 1200 เมตร ที่ดูหมิ่นเหม่ แต่กลับตั้งอยู่มั่นคงดังปาฎิหาริย์ เป็นปลายทางจาริกแสวงบุญสำคัญของชาวพม่าที่ เชื่อว่าได้กุศลเท่ากับการนมัสการเจดีย์จุฬมณีบนสรวงสวรรค์

5.พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอร์ หรือ พระธาตุมุเตา
พระมหาธาตุเจีย์ชเวมอดอร์หรือพระธาตุมุเตาแห่งเมืองหงสาวดี เจดีย์ทรงมอญเก่าแก่กว่าสองพันปีอันเป็นที่เคารพบูชา แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำให้พระธาตุทลายลงแต่มีการสร้างขึ้นมาทดแทน และที่มีชิ้นส่วนของเจดีย์เก่านั้นยังเป็นจุดอธิฐานศักดิ์สิทธิ์ด้วย

6.พระบัวเข็ม วัดผ่องเตาอู
วัดที่สำคัญที่สุดแห่งรัฐฉาน ซึ่งประดิษฐานพระบัวเข็มอันศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นเสมือนศูนย์กลางทางจิตใจ ของชาวอินทา มีพระบัวเข็มอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าองค์ ที่มองเห็นรูปร่างเพียงก้อนทองกลมๆ จากปริมาณทองคำที่เกาะหนา ด้วยศรัทธาที่ท่วมท้นของชาวพม่า

7.เทพทันใจ วัดโบตะเตาว์
ทหารหนึ่งพันนายมารอรับพระเกศาธาตุ ที่นี่จึงเป็นที่มาของชื่อ วัดโบตะเตาว์  ริมแม่น้ำย่างกุ้ง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า  ที่นี่มีพระพุทธรูปทองคำนันอูที่งดงามที่นำกลับคืนมาจากอังกฤษ และนัตโบโบยีที่เรียกกันว่าเป็นเทพทันใจ ที่เลื่องลือในความศักดิ์สิทธิ์มาถึงชาวไทยเรา ที่ขอพรใดได้สมปรารถนา

8.เจดีย์เยเลพญา
เยเลพญา หรือเจดีย์กลางน้ำแห่งเมืองสิเรียม ที่อยู่ห่างเมืองย่างกุ้งออกไปราวหนึ่งชัวโมง สร้างขึ้นมานับแต่สมัยมอญเรืองอำนาจ อยู่บนเกาะกลางน้ำที่ผู้ศรัทธาเดินทางไปเพื่อขอพรให้รุ่งเรืองทางด้านของชีวิตและธุรกิจการค้า

9.มหาคิรีนัต
มหาคิรีนัต คือ เทือกเขาสูงตะหง่านนอกเมืองพุกามออกไปราวหนึ่งชั่วโมงครึ่ง คือที่สถิตย์ของนัตทั้ง 37 ตนตามความเชื่อของชาวพม่า อันเป็นวิณญาณศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่นับถือกับอย่างแพร่หลายก่อนที่ศาสนาพุทธ จะมาก่อนจะเข้ามาเผยแพร่ด้วย



Credit : ข้อมูลท่องเที่ยว Mthai
Credit Picture : uasean.com / travel.mthai.com / board2.trekkingthai.com

10 สถานที่น่าท่องเที่ยว ประเทศนิวซีแลนด์ (10 place sightseeing in New Zealand)

10 สถานที่น่าท่องเที่ยว ประเทศนิวซีแลนด์

นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางระบบนิเวศสูงมากแห่งหนึ่งของโลก เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับนักผจญภัยและนักสำรวจธรรมชาติ ระบบนิเวศของที่นี่มีตั้งแต่ ภูเขาไฟ ทะเลทราย ภูเขาน้ำแข็ง ป่าทึบ ไปถึงเขตบ่อน้ำร้อน ซึ่งแต่ละที่ยังคงความสมบูรณ์ทางธรรมชาติไว้แบบที่หาที่ไหนไม่ได้ในโลก ทั้งนี้เป็นเพราะรัฐบาลของประเทศนิวซีแลนด์เอง ให้ความสำคัญกับเรื่องการรักษาธรรมชาติมาก นอกจากนั้นยังมีเมืองสวยๆที่มีความเจริญ แต่ยังผสมผสานเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเอาไว้เป็นอย่างดี

ต่อไปนี้เป็น 10 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศนิวซีแลนด์ ที่ใครจะไปเที่ยวนิวซีแลนด์ห้ามพลาดเป็นอันขาด

1. แหลม Coromendel

แหลม Coromendel อยู่ทางเกาะเหนือฝั่งตะวันออก ที่หาดแห่งนี้มีชื่อเสียงมาจากความสวยงามของหาดที่ขาวสะอาด มีทัศนียภาพของทะเลที่สวยงาม ไม่เพียงแค่ชายหาดเท่านั้นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือน Coromendel ป่าไม้ของที่นี่ยังเป็นที่นิยมของนักผจญภัยท่องป่า ดูธรรมชาติเช่นกัน หากมาเที่ยว Coromendel แนะนำให้เริ่มจากเมือง Thames เมืองเล็กๆแสนสวยริมหาด ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกี่ยวกับการทำเหมืองทอง นอกจากนั้นอย่าลืมที่จะแวะไปที่หาดที่มีน้ำทะเลร้อนๆด้วยหละ เพราะที่หาดนี้ ไม่เหมือนกับหาดอื่นๆ ตรงที่คุณสามารถคุดทรายทำเป็นบ่อน้ำร้อนย่อมๆลงไปแช่เองได้เลย

2. อุทยานแห่งชาติ Abel Tasman

Abel Tasman อุทยานแห่งชาติยอดนิยมของนักสำรวจธรรมชาติและนักปีกเขา ไม่ต้องพูดถึงนกหายากหลากหลายสายพันธุ์ซึ่งสามารถชมได้ที่นี่ที่เดียว ตั้งอยู่บนปลายสุดทางเหนือของเกาะตอนใต้ของประเทศนิวซีแลนด์ อุทยานแห่งชาติแห่งนี้มีขนาดใหญ่และเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักปีนเขาเลยหละ คุณต้องนั่งเรือหรือเครื่องบินขนาดเล็กมาที่นี่เท่านั้น (ไม่มีทางสัญจรโดยรถ) แต่เชื่อเถอะว่าวิวของการแล่นเรือมาที่นี่ช่างสวยงามจริงๆ เพราะระหว่างการนั่งเรือมาที่นี่ คุณจะได้เห็นวิวสวยๆ ของเขตภูเขา , แพนกวิ้นสีน้ำเงิน , นก wekas , นกกระยาง , นกพิราบเมืองหนาว , และนกหายากอื่นๆ อีกมากมาย และสิ่งสำคัญที่ อุทยาน Abel Tasman ไม่ต้องพูดถึงความสวยงามของอุทยานแห่งชาติแห่งนี้เลยเพราะมองไปทางไหนเหมือนเราชมวิวบนภาพวาดแห่งความสวยงามของธรรมชาติอยู่ตลอดเวลาซึ่งเป็นธรรมชาติ 100%

3. Sky Tower ของเมือง Auckland

Sky Tower เป็นหอคอยที่ใช้สำหรับการโทรคมนาคมและชมวิวของเมืองอ็อคแลนด์ เมืองที่ใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ ด้วยความสูง 328 เมตร ทำให้มันเป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ และเป็นแลนด์มาร์คของเมืองอ็อคแลนด์อีกด้วย เมื่อคุณอยู่บนหอคอย Sky Tower คุณสามารถมองไปได้ไกลถึงประมาณ 80 กิโลเมตร เรียกว่าเกือบทั่วทั้งเมืองเลยทีเดียว แถมภัตตาคารบนหอแห่งนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารเลิศรสอีกด้วย และหากใครต้องการความท้าท้ายคุณสามารถเดินชมวิวบนหอคอยจริง ๆ ที่ Sky Tower ได้อีกด้วย

4. เทศกาล Art Deco - เมือง Napier

Napier เป็นเมืองเล็กๆในอาณาเขตของอ่าว Hawke ซึ่งอยู่ทางชายหาดด้านตะวันออกของเกาะตอนเหนือของนิวซีแลนด์ เมือง Napier มีชื่อเสียงโด่งดังจากสถาปัตยกรรมต่างๆของเมืองที่แปลกตาไม่เหมือนที่ไหนๆ ทั้งนี้เป็นเพราะเมื่อปี 1931 เมือง Napier ได้ประสบแผ่นดินไหว ทำให้ต้องทำการบูรณะก่อสร้างเมืองขึ้นใหม่ ประจวบกับในช่วงปี 1931 เป็นยุคของสถาปัตยกรรมแบบ Art Deco (ความน่าเสียดาย สถาปัตแบบ Art Deco อยู่ได้ไม่นาน ก็หมดความนิยม) ทำให้เมืองนี้มีสถาปัตยกรรมแบบ Art Deco ที่ไม่มีที่ไหนเขาสร้างกัน ซึ่งในทุกๆเดือน กุมภาพันธ์ จะมีสัปดาห์แห่ง Art Deco จัดขึ้นทุกปี ซึ่งเทศกาลนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือนเมืองแสนสวยแห่งนี้ได้ปีละหลายหมื่นคน

5. เมือง Kaikoura ประเทศนิวซีแลนด์



เมือง Kaikoura อยู่ริมฝั่งเล็กๆแห่งนี้อยู่ทางเกาะตอนใต้ของนิวซีแลนด์ เป็นสวรรค์ของผู้ที่ชื่นชอบอาหารทะเลอย่างแท้จริง ที่นี่คุณจะได้เห็นสัตว์น้ำทะเลหายากมากมาย เช่น แมวน้ำ ปลาโลมา วาฬเสปิร์ม นกทะเลขนาดยักษ์ (albatross) ส่วนผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยก็สามารถเข้าไปเดินสำรวจป่า Kaikoura ป่าที่ไม่ถูกรุกรานจากโลกภายนอกและมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติแบบที่เรียกว่า หาได้น้อยมากแล้วในปัจจุบัน



6. ภูเขาน้ำแข็ง Franz Josef

ภูเขาน้ำแข็ง Franz Josef ตั้งอยู่ใน อุทยานแห่งชาติ Westland ทางเกาะใต้ฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาน้ำแข็งที่สามารถเดินทางไปได้ง่ายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก (ที่อื่นคุณอาจจะต้องตะลุยหิมะขั่วโลก เพื่อเข้าไปชม) ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังใต้ภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาแห่งนี้ได้เลย หรือจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ชมก็สวยงามไม่แพ้กัน บวกกันกับ เทือกเขา Fox ที่อยู่ใกล้ๆ ทำให้สถานที่แห่งนี้มีความสวยงามแบบหาที่ไหนไม่ได้ในโลก และเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวอันดับต้นๆของประเทศนิวซีแลนด์เลย

7. Rotorua ดินแดนแห่งบ่อน้ำร้อน

Rotorua เป็นที่รู้จักกันดีในนามดินแดดบ่อน้ำร้อนแห่งนิวซีแลนด์ (Thermal Wonderland of New Zealand) รอบๆตัวเมืองมีบ่อน้ำพุร้อนและบ่อน้ำร้อนอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งบ่อน้ำร้อนเหล่านี้เกิดจากเกิด ประทุของน้ำในชั้นใต้พื้นผิวดิน ทำให้เกิดการก่อตัวของน้ำพุและโคลนร้อนในจุดใหม่ๆอยู่ตลอด และสีสันต่างกันไป บ่อน้ำร้อนสีเขียวบ้าง ส้มบ้าง เหลืองบ้าง ตามเวลาที่เกิด ซึ่งสวยงามแปลกตาหาชมที่ไหนไม่ได้

8. อุทยานแห่งชาติ Tongariro

อุทยานแห่งชาติ Tongariro เป็นอุทยานแห่งชาติที่แรกของประเทศนิวซีแลนด์ รู้จักกันดีเพราะความหลากหลายของระบบนิเวศ ตั้งแต่ แอ่งน้ำสีฟ้าสดใส , ภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ , ทุ่งสมุนไพร , ป่าที่อุดมสมบูรณ์ , ที่ราบทะเลทราย  ถ้ามาเยือนที่นี่แนะนำให้เริ่มการเดินทางที่ จุดรวมนักเดินทาง Whakapapa ต่อด้วยการปีนเขาที่น้ำตก Taranaki หลังจากปีนเขาคุณยังจะได้พบกับ ดินแดนเขตทะเลทราย รวมทั้งป่าทึบ แถมด้วยการเดินทางผ่านเส้นทางที่มีการระเบิดของภูเขาไฟที่เกิดการประทุขึ้นในยุคดึกดำบรรพ์ (20,000 ปีที่ผ่านมา)

9.  เขตหมู่เกาะ Bay of Islands

Bay of Islands เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งของนิวซีแลนด์ ด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยกว่า 144 เกาะในบริเวณ แต่ละเกาะก็มีแต่หาดสวยๆ บรรยากาศดีๆทั้งนั้น แถมยังมีสัตว์น้ำนานาชนิด ทั้ง ปลาวาฬ นกเพนกวิ้น ปลาโลมา และอีกมากมาย จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่ Bays of Islands จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวประเทศนิวซีแลนด์ ที่มีนักท่องเที่ยวที่มีฐานะมากมายมาแล่นเรือยอร์ชกัน (นอกจากนี้ในบริเวณ Bays of Islands ยังเป็นที่ที่จัดการแข่งขันตกปลาระดับโลกอีกด้วย)

10. Milford Sound

Milford Sound เป็นหนึ่งในสถานท่องเที่ยวที่นิยมมากที่สุดของประเทศนิวซีแลนด์ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอุทยานแห่งชาติ Fiordland ที่อยู่ทางใต้ของเกาะตอนใต้ของประเทศ ที่นี่คุณจะได้เห็นวิวภูเขาที่เรียงต่อกันไปมา น้ำทะเลสีน้ำเงินเข้ม และน้ำตกที่ไหลลงมาจากภูเขา ราวกับเป็นฉากในภาพยนต์ Lord of the Ring ทำให้ Milford Sound นั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวของประเทศนิวซีแลนด์ที่น่าไปเยือนมากที่สุด ยิ่งถ้าคุณชอบธรรมชาติ และการเดินทางผจญภัยด้วยแล้วหละก็ ที่นี่เป็นสถานที่ที่คุณต้องมาให้ได้ซักครั้งในชีวิต



Credit ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว : amazingthaisea.com

Friday, August 5, 2016

ถนนคู่รัก The Lover’s Road

ถนนคู่รัก The Lover’s Road ซึ่งเป็นถนนเลียบชายหาดที่แสนจะโรแมนติกซึ่งทางรัฐบาล  เมืองจูไห่ได้ทำไว้ขึ้นเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และยังเป็นที่นิยมของบรรดาคู่รักทั้งหลาย แวะถ่ายรูป
กับสาวงามหวีหนี่ จูไห่ฟิชเชอร์เกิร์ล สาวงามกลางทะเลสัญลักษณ์ของเมืองจูไห่ บริเวณอ่าวเซียงหู เป็นรูป    แกะสลักสูง 8.7 เมตร ถือไข่มุกอยู่ริมทะเลจากนั้นนำท่านช้อปปิ้ง ร้านหยก สมบัติล้ำค่าของชาวจีน ใครได้ครอบครองจะมีสุขภาพแข็งแรงและโชคดี  โดยหยกธรรมชาติจะมีหลายสีคือ สีขาว สีเขียว สีน้ำตาล สีเหลืองและสีม่วง

สวน หยวนหมิงใหม่

สวน หยวนหมิงใหม่ จึงถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งจำลองมาจากสถานที่ ในประวัติศาสตร์ มีคุณค่าทั้งในแง่วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธุรกิจการท่องเที่ยว สวนนี้ได้เปิดให้บุคคลเข้าชมตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1997 เป็นต้นมา มีภูเขาโอบรอบทั้ง 3 ด้าน ด้านหน้าเป็นพื้นที่ราบสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ สร้างขึ้นเท่าของจริง ในอดีตทุกชิ้น มีมากกว่า 100 ชิ้น อาทิ เสาหินคู่ สะพานข้ามธารทอง ประตูต้ากง ตำหนักเจิ้งต้ากวางหมิง สะพานเก้าเลี้ยว

พระราชวังหยวนหมิง

พระราชวังหยวนหมิง พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นแทนพระราชวังเก่าหยวนหมิง ณ กรุงปักกิ่ง พระราชวังแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง ณ ใจกลางของ ภูเขาชิลิน ในเมือง จูไห่ ทำให้สวนแห่งนี้โอบล้อมด้วย ขุนเขาที่เขียวชอุ่ม และ มีพื้นที่ครอบคลุมทะเลสาบขนาดมหึมา 80,000 ตารางเมตร ซึ่งมีขนาดเท่ากับสวนเดิมในกรุงปักกิ่ง สิ่ง ที่ทำให้สวน หยวน หมิงแห่งใหม่ มีความแตกต่างกับสวนเก่าที่ปักกิ่ง คือการเพิ่มเติมและตกแตกสวนที่เป็นศิลปะ แบบตะวันตกผสมกับศิลปะจีน

ตลาดกงเป๋ย แหล่งช้อปปิ้งศูนย์การค้าติดแอร์ 5,000 กว่า

ตลาดกงเป๋ย แหล่งช้อปปิ้งศูนย์การค้าติดแอร์ 5,000 กว่า ร้านค้า มีสินค้าให้ท่านเลือกมากมาย เช่น สินค้าก๊อปปี้แบรนด์เนมชั้นนำต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า นาฬิกา ของเด็กเล่น ที่นี่มีให้ท่านได้เลือกซื้อหมด สินค้าของที่นี่มีเกือบทุกอย่าง ในการเลือกซื้อสินค้าของที่นี่จะต้องเลือกดูให้ดี ให้ละเอียดก่อน เพราะสินค้าส่วนมากจะเป็นของก๊อปปี้ และของจีน

วัดผู่ถ่อ สักการะองค์เจ้าแม่กวนอิม

วัดผู่ถ่อ สักการะองค์เจ้าแม่กวนอิม เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเขา มีความยิ่งใหญ่และอลังการมาก เมื่อทุกท่านไหว้พระเสริมสิริมงคลให้กับตัวท่านเอง

เดอะเวเนเชี่ยน โรงแรมคาสิโนสุดหรูของมาเก๊า

เดอะเวเนเชี่ยน โรงแรมคาสิโนสุดหรูของมาเก๊า มีห้องรับรองนักท่องเที่ยวกว่า 1000 ห้อง พิเศษ...หากใครอย่างอย่างสัมผัสบรรยายกาศแบบอิตาลี ต้องลองล่องเรือ กอนโดล่า

มีบ่อนคาสิโนที่นังเสี่ยงโชคจากทั้วโลกมาลองเสี่ยงโชค นอกจากนั้นหากใครที่ไม่อยากเล่นการพนัน ภายใน เดอะเวเนเชี่ยนก็มีร้านค้าให้ช้อปปิ้งรวมถึงร้านอาหารให้เลือกของชิมลองทานอีกด้วย


เซนาโด้สแควร์ ศูนย์รวมสินค้ามากมาย

เซนาโด้สแควร์ ศูนย์รวมสินค้ามากมาย เสื้อผ้าแฟชั่นสุดชิก ลินค้าแบรนด์เนมดังจากทั่วทุกมุมโลก มากกว่า 300 ร้าน ของตกแต่ง ของโบราณ ของฝาก ของที่ระลึก เครื่องประดับ ถูกใจขาช้อปอย่างแน่นอน หรือถ้าหากใครที่อย่างนั่งชิวๆ ลองชิมอาหารก็มีภัตตาคาร กว่า 40 ร้าน เซนาโด้สแควร์มีความโดดเด่นอย่างมาก พื้นถนนปูลาดด้วยกระเบื้องเป็นลอนๆ ราวกับอยู่ในท้องทะเลกว้าง รวมไปถึงรูปทรงอาคารร้านขายสินค้าต่างๆ มองแล้วโดดเด่นสะดุดตา หากแม้ใครที่ไม่อยากช้อป แค่ได้มาถ่ายรูปก็มีความสุขแล้ว

โบสถ์เซนต์ปอล

โบสถ์เซนต์ปอล โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นราว ค.ศ.1602 ให้ครั้งแรกที่สร้างเสร็จมีความตั้งใจใช้เป็นโรงเรียนสอนทางด้านศาสนาของชาวตะวันตกในดินแดนที่ห่างไกล แต่หลังจากนั้นราว ค.ศ.1835 ได้เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่มีความรุนแรงมาก ทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวโบสถ์ทั้งหมด จนเมื่อปี ค.ศ.1991 ทางประเทศมาเก๊าได้เข้ามาทำการบูรณะใหม่คงเหลือไว้เพียงประตูหน้าและบันไดทางเข้าเพียงเท่านั้น ด้านหลังของโบสถ์จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ทางด้านศาสนา

วัดอาม่า หรือที่คนใหญ่รู้จักกันในนามของ เจ้าแม่ทับทิม

วัดอาม่า หรือที่คนใหญ่รู้จักกันในนามของ เจ้าแม่ทับทิม ภายในมีหินแกะสลักขนาดใหญ่เป็นรูปเรือสำเภา เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงว่าเจ้าแม่อาม่าขึ้นมายันมาเก๊าเมื่อครั้งอดีต บริเวณหน้าวัดมีรูปปั้นสิงโตตั้งอยู่ 2 ตัว ซึ้งวัดแห่งนี้จะมีผู้คนไปศักการะตลอดทั้งปี

องค์เจ้าแม่กวนอิม - มาเก๊า

องค์เจ้าแม่กวนอิม ตั้งอยู่บริเวณริมทะเล สร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์ทีความสูง 1.8 เมตร น้ำหนักประมาณ 1.8 ตัน ตั้งอยู่บนฐานดอกบัวขนาดใหญ่ มีความสวยสดงดงาม ยามเย็นสีทองขององค์เจ้าแม่กวนอิมจะรับกับแสงแดด มีความสวยงามมาก รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมนี้ สร้างขึ้นโดยชาวโปรตุเกสครั้งเมื่อโอกาสที่โปรตุเกสคืนฮ่องกงให้แก่ทางการจีนเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้กับคนรุ่นหลังได้ชม

มาเก๊า

ท่ามาเก๊าเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและน่าสนใจในอดีตมาเก๊าเป็นเพียงแค่ หมู่บ้านเกษตรกรรมและประมงเล็กๆ โดยมีชาวจีนกวางตุ้งและฟูเจี้ยนเป็นชนชาติ ดั้งเดิมจนมาถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 16 ชาวโปรตุเกสได้เดินเรือเข้ามายังคาบสมุทรแถบนี้เพื่อติดต่อค้าขายกับชาวจีน และมาสร้างอาณานิคมอยู่ในแถบนี้ที่สำคัญคือชาว โปรตุเกสได้นำพาเอาความเจริญรุ่งเรืองทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปวัฒนธรรม ของชาติตะวันตกเข้ามาอย่างมากมายทำให้มาเก๊ากลายเป็นเมืองที่มี่การผสมผสาน ระหว่างวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตกอย่างลงตัวจนสามารถเรียกได้ว่าเป็น “ ยุโรปใจกลางเอเชีย”

มาเก๊าอยู่ในเขตมณฑลกวางตุ้ง บนชายฝั่งทะเลด้านตะวัน ตกของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล ในอดีตมาเก๊าเป็นอาณานิคมของโปรตุเกสนาน ถึง 400 ปีวิถีชีวิตดำเนินการไปอย่างเรียบง่ายจนกระทั่งวันที่โปรตุเกสพลิกประวัติศาสตร์ด้วยการทำพิธีส่งมอบมาเก๊าคืนให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อ วันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ.1999 นับจากนั้นมาเก๊าได้กลายเป็นหนึ่งในเขตปกครองพิเศษของจีนอย่างสมบูรณ์แต่ยังคงสภาพทางการเมืองการปกครองในรูปแบบของหนึ่งประเทศสองระบบจากนั้น