ญี่ปุ่น ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เจ้าระเบียบ และรักษาสิทธิส่วนบุคคลทั้งของตัวเราและของผู้อื่นเป็นอย่างมาก อะไรที่จะเป็นการรบกวนผู้อื่น คนญี่ปุ่นเค้าจะไม่ทำเด็กขาด ส่วนนักท่องเที่ยวอย่างเรา เมื่อเดินทางไปญี่ปุ่น ก็ต้องทำตามกฎกติกาของบ้านเมืองเค้า เรามี 12 ข้อที่ควรรู้มาบอก เมื่อจะไปญี่ปุ่นจะได้ทำตัวถูก
1. ควรเผื่อเวลาเดินทางเอาไว้บ้าง ไม่ควรเร่งรีบจนเกินไป เพราะการวิ่งขึ้นรถไฟอาจก่อให้เกิดอันตราย และทำให้รถไฟออกช้า
2. ที่นั่งบนรถไฟจะมีที่นั่งสำรองไว้ให้คนชรา หรือสตรีมีครรภ์ ควรแบ่งปันให้กับผู้ที่จำเป็น
3. ใช้โทรศัพท์มือถืออย่างมีมารยาทในรถไฟ ถ้าจะให้ดีควรปิดมือถือ หรือเปิดเป็นระบบสั่น
4. หากเรามีกระเป๋าใบใหญ่ ให้กอดไว้ข้างหน้า จะได้ไม่เป็นการเกะกะและรบกวนคนข้างๆ
5. ในวันฝนตก ให้เก็บร่มให้เรียบร้อย ตอนจะกางก็กางเบาๆ จะได้ไม่กระเด็นไปโดนผู้อื่น
6. อย่าปล่อยให้กลิ่นและเศษอาหาร สร้างความเดือนร้อนต่อคนข้างๆ
7. ลากกระเป๋าเดินทางอย่างระมัดระวัง เพราะบางทีอาจจะไปโดนคนอื่นโดยไม่รู้ตัว
8. เมื่อถึงฤดูหนาว หรือเวลาอากาศเปลี่ยนแปลง หากเราเป็นหวัดหรือไม่สบาย ก็ควรจะปิดปาก เวลาไอจามจะได้ไม่โดนคนอื่น
9. บางทีเราอาจกำลังฟังเพลงอยู่ ไม่ควรเปิดเพลงเสียงดังจนรบกวนผู้อื่น ทางที่ดีใช้หูฟังเปิดเบาๆ ก็พอ
10. ไม่ควรเอาของพะรุงพะรังของเรา ไปวางบนที่นั่ง ซึ่งที่ตรงนั้นคนอื่นสามารถนั่งได้อีกหนึ่งที่ นำมาวางไว้กับตัวจะดีกว่า
11. แม้ว่าเราจะเหนื่อยล้าจากการทำงานแค่ไหน ก็อย่าลืมใส่ใจรอบข้าง ใส่ใจความกว้างของที่นั่งเพื่อไม่ให้คนรอบข้างเดือดร้อน
12. แบ่งปันทางขึ้นรถไฟ ไม่ควรไปยืนเกะกะตรงทางขึ้นรถไฟ ทำให้คนอื่นไม่สามารถขึ้นลงได้
ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะ เพราะจริงๆ แล้วก็น่าจะเป็นมารยาทพื้นฐานโดยทั่วไปที่เราควรจะมีในทุกๆ ที่อยู่แล้ว ใส่ใจคนรอบข้างสักนิด จะได้เที่ยวอย่างราบรื่นและสนุกมากยิ่งขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก สถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
Fellow-Traveller (เพื่อนเดินทาง) @ เพื่อนที่รวมเดินทางไปตามที่ต่างๆ ด้วยกัน แหล่งรวมข้อมูลท่องเที่ยวจากเว็บทั่วโลก
Friday, July 31, 2015
ไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว จะแพ็คเกจทัวร์ (Package Tour) หรือ ทัวร์ดี (Full Tour)
สงสัยกันมั้ย เวลาสอบถามข้อมูลจากบริษัททัวร์ ถามหาแพคเก็จ เค้ากลับตอบมาว่าไม่มีแพคเก็จ มีแต่โปรแกรมทัวร์ อ้าว..แล้วมันไม่ใช่ตัวเดียวกันหรอกเหรอ มันต่างกันยังไงล่ะ วันนี้เรามีคำตอบ
แพคเก็จทัวร์ เค้าจะมีตั๋ว ที่พักให้เราเลือก สามารถเลือกได้ว่าจะเดินทางวันไหน พักโรงแรมอะไร ซึ่งราคาก็จะขึ้นอยู่กับเวลาเดินทางและโรงแรมที่เราเลือก นอกจากนี้ก็จะมีออปชั่นเสริม อย่างซิตี้ทัวร์ มีบัตรรับประทานอาหาร หรือบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ แล้วแต่ว่าแพคเก็จนั้นจะเป็นอะไร แล้วเราเลือกจะไปที่ไหน โดยเราเดินทางกันเอง เป็นการเที่ยวพักผ่อนแบบสบายๆ ไม่ต้องรวมกับคนอื่นๆ ให้วุ่นวาย สามารถแพลนการเที่ยวได้ให้เหมาะสมกับเราเอง
โปรแกรมทัวร์ ก็จะมีโปรแกรมมาให้พร้อมหมดแล้ว เราจ่ายเงินเพียงแค่ครั้งเดียว ทางทัวร์จะดำเนินการให้เราเสร็จสรรพ มีตารางการเดินทางให้เราเรียบร้อย ว่าวันที่ 1 2 3 จะไปเที่ยวที่ไหน พักตรงไหน กินอะไร เรียกได้ว่าไม่ต้องคิดอะไรแล้ว เพราะคิดมาให้เรียบร้อยแล้ว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่เคยเดินทางเอง แล้วไม่รู้ว่าจะไปอย่างไร แต่ก็สามารถเที่ยวได้โดยมีคนดูแล
แยกกันได้หรือยัง คราวนี้ไม่งงแล้วใช่มั้ยจ๊ะ
แล้วจะเลือกแบบไหน ให้เหมาะกับครอบครัวของเราดี
ก่อนอื่น ต้องดูก่อนว่า สมาชิกในครอบครัวมีใครบ้าง สามารถเดินทางได้มากแค่ไหน มีข้อจำกัดอะไรหรือเปล่า
ถ้ามีเด็กเล็กๆ เด็กเป็นอะไรที่พ่อแม่และผู้ปกครองควบคุมได้ค่อนข้างยาก ยิ่งไปต่างประเทศ ต้องขึ้นเครื่องบิน เดินทางเป็นเวลานานๆ เด็กจะรับได้แค่ไหน เกิดงอแงขึ้นมาจะรับมือยังไงไม่ให้รบกวนผู้อื่น และเที่ยวกันอย่างราบรื่น ไม่หมดสนุกไปซะก่อน ถ้าคิดว่าเราสามารถดูแลเด็กเล็กได้เป็นอย่างดี ก็สามารถไปกับทัวร์ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นการรบกวนผู้อื่น แต่หากคิดว่าไปกันเองสบายใจกว่า ก็ให้เลือกเป็นแพคเก็จ
เด็กโตขึ้นมาหน่อย หรือเป็นวัยรุ่น เค้าสามารถสนุกและตื่นเต้นไปกับเราได้ทุกที่ หรือบางทีเค้าอาจจะอยากเที่ยวเองก็ได้ เพราะฉะนั้นต้องดูด้วยว่าเด็กๆ ของคุณเป็นแบบไหน สามารถไปกับทัวร์ได้หรือเปล่า หรือว่าอยากจะไปเที่ยวกันเองเฉพาะคนในครอบครัว อันนี้ก็ต้องแล้วแต่เราแล้วล่ะว่าจะเลือกแบบไหน
นอกจากจะพาเด็กๆ ไปแล้ว เราก็อยากจะพาพ่อแม่ หรือผู้ใหญ่เดินทางไปเที่ยวกับเราด้วย ต้องดูว่าท่านมีอายุมากแล้วหรือเปล่า สามารถเดินทางไหวมั้ย มีปัญหาเรื่องสุขภาพอะไรหรือเปล่า จะได้ดูว่าโปรแกรมทัวร์ต่างๆ ที่เราจะเดินทางไป เอื้ออำนวยกับสภาพร่างกายด้วย หากเป็นโปรแกรมไปเที่ยวสบายๆ ไม่ต้องเดินทางมาก ก็สามารถไปกับทัวร์ได้ เพราะมีคนดูแลเราระหว่างเดินทาง และไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะต้องเดินทางอยางไร หรือไปไหนดี เพราะมีให้เรียบร้อย หรืออยากเดินทางไปแบบไม่ต้องเร่งรีบ ก็ซื้อแพคเก็จเดินทางไปกันเองได้
ทั้งหมดที่ว่ามานี้ ไม่ได้มีข้อกำหนดตายตัว ว่าเราจะไปแบบโปรแกรมทัวร์ หรือซื้อแพคเก็จไปเอง ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ในครอบครัวของเราด้วย ว่ามีความเหมาะสมมากแค่ไหน จะได้ไปเที่ยวต่างประเทศกันแบบครอบครัวอบอุ่น เที่ยวสนุก มีความสุขกลับมากันทุกคน
แพคเก็จทัวร์ เค้าจะมีตั๋ว ที่พักให้เราเลือก สามารถเลือกได้ว่าจะเดินทางวันไหน พักโรงแรมอะไร ซึ่งราคาก็จะขึ้นอยู่กับเวลาเดินทางและโรงแรมที่เราเลือก นอกจากนี้ก็จะมีออปชั่นเสริม อย่างซิตี้ทัวร์ มีบัตรรับประทานอาหาร หรือบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ แล้วแต่ว่าแพคเก็จนั้นจะเป็นอะไร แล้วเราเลือกจะไปที่ไหน โดยเราเดินทางกันเอง เป็นการเที่ยวพักผ่อนแบบสบายๆ ไม่ต้องรวมกับคนอื่นๆ ให้วุ่นวาย สามารถแพลนการเที่ยวได้ให้เหมาะสมกับเราเอง
โปรแกรมทัวร์ ก็จะมีโปรแกรมมาให้พร้อมหมดแล้ว เราจ่ายเงินเพียงแค่ครั้งเดียว ทางทัวร์จะดำเนินการให้เราเสร็จสรรพ มีตารางการเดินทางให้เราเรียบร้อย ว่าวันที่ 1 2 3 จะไปเที่ยวที่ไหน พักตรงไหน กินอะไร เรียกได้ว่าไม่ต้องคิดอะไรแล้ว เพราะคิดมาให้เรียบร้อยแล้ว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่เคยเดินทางเอง แล้วไม่รู้ว่าจะไปอย่างไร แต่ก็สามารถเที่ยวได้โดยมีคนดูแล
แยกกันได้หรือยัง คราวนี้ไม่งงแล้วใช่มั้ยจ๊ะ
แล้วจะเลือกแบบไหน ให้เหมาะกับครอบครัวของเราดี
ก่อนอื่น ต้องดูก่อนว่า สมาชิกในครอบครัวมีใครบ้าง สามารถเดินทางได้มากแค่ไหน มีข้อจำกัดอะไรหรือเปล่า
ถ้ามีเด็กเล็กๆ เด็กเป็นอะไรที่พ่อแม่และผู้ปกครองควบคุมได้ค่อนข้างยาก ยิ่งไปต่างประเทศ ต้องขึ้นเครื่องบิน เดินทางเป็นเวลานานๆ เด็กจะรับได้แค่ไหน เกิดงอแงขึ้นมาจะรับมือยังไงไม่ให้รบกวนผู้อื่น และเที่ยวกันอย่างราบรื่น ไม่หมดสนุกไปซะก่อน ถ้าคิดว่าเราสามารถดูแลเด็กเล็กได้เป็นอย่างดี ก็สามารถไปกับทัวร์ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นการรบกวนผู้อื่น แต่หากคิดว่าไปกันเองสบายใจกว่า ก็ให้เลือกเป็นแพคเก็จ
เด็กโตขึ้นมาหน่อย หรือเป็นวัยรุ่น เค้าสามารถสนุกและตื่นเต้นไปกับเราได้ทุกที่ หรือบางทีเค้าอาจจะอยากเที่ยวเองก็ได้ เพราะฉะนั้นต้องดูด้วยว่าเด็กๆ ของคุณเป็นแบบไหน สามารถไปกับทัวร์ได้หรือเปล่า หรือว่าอยากจะไปเที่ยวกันเองเฉพาะคนในครอบครัว อันนี้ก็ต้องแล้วแต่เราแล้วล่ะว่าจะเลือกแบบไหน
นอกจากจะพาเด็กๆ ไปแล้ว เราก็อยากจะพาพ่อแม่ หรือผู้ใหญ่เดินทางไปเที่ยวกับเราด้วย ต้องดูว่าท่านมีอายุมากแล้วหรือเปล่า สามารถเดินทางไหวมั้ย มีปัญหาเรื่องสุขภาพอะไรหรือเปล่า จะได้ดูว่าโปรแกรมทัวร์ต่างๆ ที่เราจะเดินทางไป เอื้ออำนวยกับสภาพร่างกายด้วย หากเป็นโปรแกรมไปเที่ยวสบายๆ ไม่ต้องเดินทางมาก ก็สามารถไปกับทัวร์ได้ เพราะมีคนดูแลเราระหว่างเดินทาง และไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะต้องเดินทางอยางไร หรือไปไหนดี เพราะมีให้เรียบร้อย หรืออยากเดินทางไปแบบไม่ต้องเร่งรีบ ก็ซื้อแพคเก็จเดินทางไปกันเองได้
ทั้งหมดที่ว่ามานี้ ไม่ได้มีข้อกำหนดตายตัว ว่าเราจะไปแบบโปรแกรมทัวร์ หรือซื้อแพคเก็จไปเอง ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ในครอบครัวของเราด้วย ว่ามีความเหมาะสมมากแค่ไหน จะได้ไปเที่ยวต่างประเทศกันแบบครอบครัวอบอุ่น เที่ยวสนุก มีความสุขกลับมากันทุกคน
กวางเจาเทรดแฟร์ ทัวร์กวางเจาเทรดแฟร์ ครั้งที่ 118 Canton Fair or China Import and Export Fair 2015 (เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม - 4 พฤศจิกายน 2558)
กวางเจาเทรดแฟร์ ทัวร์กวางเจาเทรดแฟร์ ครั้ง 118
Canton Fair or China Import and Export Fair 2015
งานกวางเจาเทรดแฟร์ (Chinese Import and Export Commodities Fair หรือ Guangzhou Fair หรือ Canton Fair) จัดขึ้นโดยกรมการค้าต่างประเทศ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าเพื่อการส่งออกและนำเข้าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน และเรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดของเอชียเลยด้วย
กวางเจาเทรดแฟร์ หรือ กวางเจาแฟร์เป็นงานที่เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตทั้งรายเล็กรายใหญ่ ได้พบกับผู้ประกอบการ ที่มีนักลงทุนและนักธุรกิจมากมายทั่วโลกต่างให้ความสนใจ ยิ่งช่วงหลังมานี้ประเทศจีนได้เปิดประเทศมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้มาเที่ยวกวางเจา นิยมมางานกวางเจาเทรดแฟร์กันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการมาเที่ยวกวางเจาเพื่อเลือกซื้อสินค้าจากจีนที่เป็นแหล่งวัตถุดิบที่มีราคาถูกกว่าที่อื่นมาก
เป็นงานแสดงสินค้าที่ได้รับความนิยมจากชาวไทยที่มาเที่ยวกวางเจามากที่สุด เพราะได้ชมการแสดงสินค้านานาชาติจากทั่วโลก โดยในงานมีสินค้าทุกประเภทให้ได้เลือกชมอย่างมากมาย อาทิเช่น เทคโนโลยี รวมถึงอุตสาหกรรมต่างๆ
กวางเจาเทรดแฟร์ ทัวร์กวางเจาเทรดแฟร์ ครั้ง 118 จัดเมื่อไหร่บ้าง
กวางเจาเทรดแฟร์ ได้จัดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.2500 หลังจากนั้นได้จัดเป็นประจำเรื่อยๆมา โดยจะจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 3 เฟส เพื่อให้ครอบคลุมทุกประเภทธุรกิจ
ครั้งแรกของปี จัดขึ้นในช่วงกลางเดือนเมษายน ถึงต้นเดือนพฤษภาคม
ครั้งที่สองของปี จัดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม ถึงต้นเดือนพฤศจิกายน (ครั้งที่ 118 เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม - 4 พฤศจิกายน 2558)
แต่ละเฟสในงานกวางแฟร์มีอะไรบ้าง?
ภานในงานกวางเจาแฟร์นั้นได้แบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 เฟส ซึ่งในแต่ละเฟสมีระยะเวลาแสดงสินค้า 5 วัน เมื่อจบเฟสก็จะปิดเป็นเวลาถึง 3 วันเพื่อให้เฟสต่อไปได้มีเวลาเตรียมตัวจัดบูธ
Phase 1 : 15 - 19 ตุลาคม 2558
- Large Machinery & Equipment (เครื่องจักรกลขนาดใหญ่และอุปกรณ์)
- Small Machinery ( เครื่องจักรกลขนาดเล็ก )
- Bicycles ( รถจักรยาน )
- Motorcycles ( รถมอเตอร์ไซด์ )
- Vehicle Spare Parts (อะไหล่ยานพาหนะ )
- Chemical Products (เคมีภัณฑ์,วัสดุเคมี)
- Hardwares (อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์,ฮาร์ดแวร์ )
- Tools ( เครื่องมือ , อุปกรณ์ )
- Vehicles ( ยานพาหนะ , เครื่องมือลำเลียง )
- Construction Machinery ( เครื่องจักรก่อสร้าง )
- Electrical Appliances ( เครื่องใช้ไฟฟ้าบ้าน )
- Consumer Electronics ( เครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภค )
- Computer & Communication Products
- ( อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และติดต่อสื่อสาร)
- Lighting ( อุปกรณ์เกี่ยวกับแสงสว่าง )
- Building & decorative Material ( วัสดุและเครื่องมือก่อสร้างและตกแต่ง )
- Sanitary & Bathroom Equipments
- ( เครื่องมืออุปกรณ์ทำความสะอาด )
- Importing Products ( สินค้านำเข้า )
Phase 2 : 23 - 27 ตุลาคม 2558
- Kitchen &Tableware ( เครื่องครัวและภาชนะใส่อาหาร )
- General Ceramics ( ผลิตภัณฑ์เซรามิค )
- Arts Ceramics ( เซรามิคสำหรับศิลปะ )
- Home Decorations ( อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน )
- Glass Arts ( เครื่องแก้วศิลปะ )
- Furniture ( เฟอร์นิเจอร์ )
- Weaving , Rattan & lron Arts ( เครื่องเรือนที่ทำจากหวาย / เหล็ก )
- Gardening Products ( อุปกรณ์ทำสวน )
- Stone and lron Products ( อุปกรณ์เกี่ยวกับหินและเหล็ก )
- Household ltems ( ของใช้ในครัวเรือน )
- Personal Care Products ( ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขอนามัย )
- Toiletries ( ผลิตภัณฑ์ภายในห้องน้ำ )
- Clock , Watch & Optical ( นาฬิกาและแว่นตา )
- Instruments ( เครื่องดนตรี )
- Toys ( ของเล่น )
- Gifts & Premiums ( สินค้าพรีเมี่ยม )
- Festival ltems ( สินค้ากับเทศกาล )
Phase 3 : 31 ตุลาคม - 4 พฤศจิกายน 2558
- Men’s & Ladie’s Wear ( เสื้อผ้าสำหรับบุรุษและสตรี )
- Kids’Wear ( เสื้อผ้าสำรับเด็ก )
- Underwear ( ชุดชั้นใน )
- Sports & Casual Wear ( ชุดกีฬาและลำลอง )
- Furs , Leathers , Downs & Downs Products
- ( ผลิตภัณฑ์ขนสัตว์และหนังสัตว์ )
- Fashion Accessories & Fittings
- ( สินค้าแฟชั่นและอุปกรณ์ตกแต่ง )
- Home Textiles ( สินค้าสิ่งทอภายในบ้าน )
- Textile Raw Materials & Fabrics
- ( สิ่งทอ ผ้าไหม ผ้าฝ้าย และอุปกรณ์ )
- Carpets & Tapestries( พรมและผ้าม่าน )
- Food ( ผลิตภัณฑ์อาหาร )
- Native Products ( สินค้าพื้นเมือง )
- Madicines & Health Products ( ผลิตภัณฑ์ยาและสุขภาพ )
- Medical Devices , Disposables & Dressings ( ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยา )
- Sports , Travel & Recreation Products ( ผลิตภัณฑ์กีฬา , ท่องเที่ยว )
- Office Supplies ( อุปกรณ์สำนักงาน )
- Shoes ( รองเท้า )
- Cases & Bags ( เครื่องหนัง , กระเป๋า )
ข้อกำหนดวัตถุประสงค์ของการเข้าชมงาน
เนื่องจากงานกวางเจาเทรดแฟร์ เป็นงานขนาดใหญ่ เพราะฉะนั้นการวางแผนก่อนการเดินทางจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อให้การเที่ยวชมงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรกำหนดวัตถุประสงค์ในการเข้าชมงาน ดังนี้
ต้องการเยี่ยมชมประเภทไหนบ้าง
ต้องการไปติดต่อเจรจา
ไปสำรวจตลาด
หาสินค้าเข้ามาขาย
รวบรวมข้อมูลโดยการเก็บโบรชัวร์สินค้าเพื่อใช้นำไปประกอบการพิจารณา
รู้จักกับผู้ประกอบการเพื่อสอบถามข้อมูลในภายหลัง
การเตรียมตัวเพื่อไปงานกวางเจาเทรดแฟร์
1. ระยะเวลาในการเข้าชมงาน
เนื่องจากเป็นงานที่ใหญ่และครอบคลุมพื้นที่มาก ควรกำหนดระยะเวลาไว้อย่างน้อย 3 วัน ต่อการเยี่ยมชมงาน 1 เฟส เพื่อจะได้ชมงานให้ครบทั้งหมด หากต้องการท่องเที่ยวต่อควรเผื่อเวลาเพิ่มเติม
2. ตรวจสอบตารางเวลาของเครื่องบินที่จะเดินทาง
ขอให้ตรวจสอบเวลาที่แน่นอน เป็นการวางแผนในการเข้าชมงานได้ เช่น เดินทางถึงตอนเช้าก็จะได้เวลาเต็มวัน เดินทางถึงตอนเย็นก็จะได้พักผ่อนก่อนที่จะไปเข้าชมงานในวันรุ่งขึ้น
การลงทะเบียนเข้างานกวางเจาเทรดแฟร์
1. ลงทะเบียนผ่านทาง เว็บไซต์และสิ่งพิมพ์ (E-invitation Card)
สามารถสมัครกับระบบ BEST (Buyer E-Service Tool) ผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งจะได้รับ Username และ Password กลับมาภายใน 1 สัปดาห์ จากนั้นก็เพียงแค่เข้าไปดาวน์โหลดบัตรเข้าชมงาน แล้วพิมพ์ใส่กระดาษก็ใช้เข้างานได้แล้ว และสามารถถ่ายสำเนาแล้วใช้ร่วมกันกับคนอื่นในคณะได้
2. ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์เพื่อขอบัตรเข้างานแบบเป็นทางการ (Paper Invitation Card)
เป็นแบบกระดาษการ์ดทั่วไป เป็นบัตรที่ใช้สำหรับผู้ที่ต้องการขอยื่นวีซ่า โดยวิธีการสมัครก็สมัครผ่านทางเว็บไซต์หมือนกับตอนขอ E-card แล้วทางผู้จัดงานจะส่งทางไปรษณีย์ให้กับผู้ซื้อ บัตร 1 ใบสามารถใช้ร่วมกันได้เพียง 3 คนเท่านั้น ไม่สามารถถ่ายสำเนาได้ ซึ่งการลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ทั้งสองแบบ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
3. ลงทะเบียนด้วยตนเองที่หน้างาน
จะมีจุดลงทะเบียนที่จัดไว้ให้หลายจุด ในบริเวณรอบๆ ศูนย์แสดงสินค้า เช่น โรงแรม ห้างสรรพสินค้า แต่ค่อนข้างเสียเวลา เพราะต้องไปเข้าคิวรอ โดยเปิดให้ลงทะเบียนระหว่างเวลา 9.30 – 15.30 น. เท่านั้น และยังต้องเสียเงินค่าเข้า 200 หยวน พร้อมทั้งนำพาสปอร์ตไปประกอบการลงทะเบียนด้วย
4. ติดต่อผ่านตัวแทน หรือไปกับคณะทัวร์
สามารถติดต่อตัวแทนแล้วให้แจ้งวัตถุประสงค์ในการเข้าไปดูงาน หรือจะให้ง่ายกว่านั้นก็ไปกับคณะทัวร์ ซึ่งจะจัดโปรแกรมทัวร์ไว้ให้แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาลงทะเบียนหรือเตรียมตัวให้วุ่นวาย พร้อมออกเดินทางได้เลย เนื่องจากกรุ๊ปทัวร์จะดำเนินการเรื่องตั๋วเครื่องบิน ที่พัก วีซ่า บัตรเข้างาน และอาหารการกินให้อย่างครบถ้วน รวมทั้งมีล่ามช่วยเหลือในการติดต่อสื่อสาร
เที่ยวเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ไม่ง้อทัวร์ 8 วัน 6 คืน!!!!!!!
เที่ยวเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ไม่ง้อทัวร์ 8 วัน 6 คืน!!!!!!!
โปรแกรมทัวร์
เร็วๆนี้
โปรแกรมทัวร์
เร็วๆนี้
Subscribe to:
Posts (Atom)