Thursday, September 1, 2016

ตลาดข่านเอลคาลีลี

ตลาดข่านเอลคาลีลี ตลาดสำคัญทางการค้าขายของพื้นเและสินค้าที่ระลึกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงไคโร ท่านสามารถเลือกซื้อของพื้นเมืองสวยๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำหอมที่ทำด้วยมือ สินค้าต่างๆ เครื่องทองรูปพรรณและเพชรพลอยลวดลายแบบอาหรับ พรม และของที่ระลึกพื้นเมือง


บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com

ปีรามิดขั้นบันได

ปีรามิดขั้นบันได เป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ ใช้เป็นสถานที่ฝังพระศพของกษัตริย์ซอเซอร์ และเป็นต้นแบบของปีรามิดในยุคต่อมา


บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com

เมืองเมมฟิส

เมืองเมมฟิส ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าแก่แห่งแรกในยุคอียิปต์โบราณกว่า 5,000 ปี เป็นเมืองที่ได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ว่ามีความสำคัญในการรวมอียิปต์บน และอียิปต์ล่างให้เป็นหนึ่งเดียวโดยกษัตริย์เมนาปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ที่ 1 ที่นี่ท่านจะได้ชม รูปแกะสลักขนาดยักษ์ ด้วยหินอลาบาสเตอร์ของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ฝีมือการแกะสลักเป็นเยี่ยม ระหว่างทางท่านจะได้เห็นต้นอินทผาลัมขึ้นสวยงามเป็นทิวแถว เดินทางต่อไปยังเมืองโบราณที่ใกล้กันอีกเมืองคือ ซัคคาร่า


บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com

โรงงานผลิตหัวน้ำหอม

โรงงานผลิตหัวน้ำหอม ซึ่งกล่าวกันว่าการทำน้ำหอมนี้มีสืบทอดมาตั้งแต่สมัย พระนางคลีโอพัตรา และที่นี้ยังเป็นศูนย์กลางแหล่งผลิตหัวน้ำหอมขนาดใหญ่ให้กับยี่ห้อแบรนด์เนมดังๆ หลายยี่ห้ออีกด้วย



บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com

เมืองกีซ่า มหาปิรามิด

เมืองกีซ่า 
มหาปิรามิด ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมศพของกษัตริย์คีออปส์ (CHEOPS) หรือ คูฟู ซึ่งพระองค์เป็นผู้สร้างขึ้นเองเมื่อก่อนคริสตกาลประมาณ 25,800 ปี นับอายุจนถึงปัจจุบันก็กว่า 4,500 ปี ถือเป็นปิรามิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 30 ปี และกำลังแรงงานกว่าแสนคน ตัดจากแท่งหินขนาดใหญ่มาก หิน แต่ละก้อนวางชิดติดกันแบบแนบสนิทมาก แม้แต่กระดาษก็สอดไม่ผ่าน ชม ตัวสฟิงซ์ ที่แกะสลักจากเนินหินธรรมชาติ มีส่วนหัวเป็นพระพักตร์ของฟาโรห์และลำตัวเป็นสิงโต


บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com

ระบำหน้าท้อง (Belly Dance)

ระบำหน้าท้อง (Belly Dance) อันเลื่องชื่อและการ แสดงพื้นเมืองต่างๆประกอบดนตรี


บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com

เสาปอมเปย์

เสาปอมเปย์ เป็นสิ่งสำคัญโบราณในสมัยโรมันปกครองอียิปต์ เป็นเสาแกรนิตสูง 27 เมตร ปอมเปย์ เป็นชื่อเพื่อนสนิทของ จูเลียส ซีซ่า ผู้นำที่ยิ่งใหญ่แห่งโรมัน ซึ่งภายหลังทั้งสองได้กลายเป็นศัตรูกันและปอมเปย์ได้หลบหนีมายังเมืองอเล็กซานเดรียในอียิปต์ และได้ถูกชาวอิยิปต์ฆ่าเสียชีวิต ปัจจุบันนี้เหลือเพียงแค่เสาโบราณแบบกรีก ตั้งอยู่อย่างโด่ดเด่น และสฟิงซ์อีกสองตัว


บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com

หลุมฝังศพใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกยุคกลาง

หลุมฝังศพใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกยุคกลาง สุสานของขาวโรมันในอดีตมีกว่า 50,000 ศพ สุสานใต้ดินแห่งนี้มีสามชั้น ชั้นที่ 1 มีไว้สำหรับลำเลียงโลงและศพ ชั้นที่ 2 เป็นที่ฝังศพ และชั้นที่ 3 ใช้เป็นที่รวมญาติเพื่อระลึกถึงผู้ตาย โดยมีการเลี้ยงสังสรรค์กันทั้งวัน ซึ่งเล่ากันว่าตอนที่นักโบราณคดีค้นพบที่นี่เป็นครั้งแรก บนโต๊ะยังมีขวดไวน์และจานวางอยู่


บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com

เมืองอเล็กซานเดรีย

เมืองอเล็กซานเดรีย ซึ่งเป็นเมืองสำคัญในสมัยโรมันปกครองอียิปต์ เดิมทีเป็นหมู่บ้านประมงเล็กๆ ที่ชื่อว่า ราคอนดาห์ เมื่อ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล จนเมื่อ 332 ปี ก่อนคริสตกาลหรือประมาณ 2,300 กว่าปีก่อนพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชมาพบ จึงให้มีการปรับปรุงขยายเมืองเพื่อเป็นเมืองหลวงและตั้งชื่อให้คล้องจองกับชื่อของพระองค์ เมืองอเล็กซานเดรียนี้ยังเป็นสถานที่สำคัญในตำนานรักอันยิ่งใหญ่ของ ราชินีเลอโฉมชื่อก้องโลก พระนางคลีโอพัตรา และนายทหารโรมัน มาร์ค แอนโทนี และปัจจุบันเมืองนี้ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ เป็นเมืองพักผ่อนตากอากาศที่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก



บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com

เมืองอเล็กซานเดรีย

เมืองอเล็กซานเดรีย นำท่านถ่ายรูปคู่กับ ป้อมปราการซิทาเดล (CITADEL) ซึ่งในอดีตนั้นเป็นที่ตั้งของ ประภาคารฟาโรส ถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ปัจจุบันเหลือเพียงส่วนที่เป็นฐานและได้มีรับการทะนุบำรุงต่อเติมจากสุลต่านเกย์ตเบย์ โดยรวบรามซากเดิมบางส่วนเข้ามา


บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอียิปต์

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอียิปต์ อันเลื่องชื่อ เป็นสถานที่ที่รวมศิลปะวัตถุโบราณมากมายที่สุด (ค่าบัตรเข้าชมมัมมี่ของพระมหากษัตริย์ทั้ง 11 พระองค์ ไม่ได้รวมอยู่ในรายการ หากท่านสนใจเข้าชมกรุณาติดต่อที่หัวหน้าทัวร์ ค่าเข้าชมประมาณ 100 อิยิปต์ปอนด์ หรือ ประมาณ 20 USD) ชม โลงศพทองคำแท้พร้อมหน้ากากทองคำ ของฟาโรห์ตุตันคาเมนอันดังก้องโลก และสมบัติส่วนตัวอีกมากมายของพระองค์ อาทิเช่น เตียงบรรทม พัด ของเล่นต่างๆ รถศึกและเก้าอี้บรรลังก์ทองคำ ซึ่งภาพบนพนักเก้าอี้ที่โรแมนติกมากเป็นภาพของฟาโรห์ตุตันคาเมนประทับอยู่บนเก้าอี้และมีพระมเหสีของพระองค์กำลังทาน้ำมันหอมให้ ทั้งคู่ใส่รองเท้าแตะคนละข้างอันแสดงถึงความรักความเผื่อแผ่อันลึกซึ้ง นอกจากนี้ท่านยังจะได้ชมสมบัติอันล้ำค่าอื่นๆ อีกจำนวนมากเช่น แหวน สร้อยข้อมือ สร้อยคอ ฝีมือประณีต สิ่งของทั้งหมดล้วนมีอายุเก่าแก่กว่า 3,000 ปี


บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com

กระดาษปาปีรุส

กระดาษปาปีรุส ซึ่งเป็นกระดาษชนิดแรกของโลกทำจาก ต้นกก (Papyrus) ใช้บันทึกข้อความสรรเสริญเทพเจ้าและเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในสมัยอียิปต์โบราณ นำท่านชม สุเหร่าแห่งโมฮัมหมัดอาลี ซึ่งเริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1830 และเสร็จในปี ค.ศ. 1857 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวกรีก ในแบบตามอย่างออตโตมัน หรือ ตุรกีในปัจจุบัน ภายในมีนาฬิกาบนลานในสุเหร่าซึ่งเป็นของขวัญในการแลกเปลี่ยนกับอนุสาวรีย์ปลายแหลมโอบิลิสก์ของรามเซสที่สอง เพื่อสร้างสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างอียิปต์ฝรั่งเศส

 ที่มา
กระดาษแผ่นแรกของโลกผลิตโดยชาวอียิปต์โบราณ  ต้นกำเนิดและวัตถุประสงค์ค่อนข้างศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพบูชา เป็นการบันทึกจารึกบทสวด คำสรรเสริญเทพเจ้าและคำสาบานที่ถูกบันจุไว้ในพีระมิดของชาวอียิปต์ ในยุคของฟาโรห์และสันณิฐานว่าจะราวๆประมาณ 3,000 ปีที่ผ่าน คำว่า Papyrus น่าจะเป็นการทับศัพท์กับภาษาโปรตุเกส ที่ว่า Paper นั่นเอง

ต้นปาปิรุส เป็นหญ้าที่อายุยืนชนิดหนึ่ง (Perennial Grass) อยู่ในตระกูลต้นอ้อและต้นกก ชอบดินชื้นแฉะ ลำต้นสีเขียว สูงประมาณ 1-5 เมตรสมีความยืดหยุ่นและคงต่อสภาพอากาศที่แห้งแล้งของอียิปต์ได้ดี และได้มีการจารึกด้วยอักษรฮีโรกราฟิก หรือที่เรียกว่า อักษรภาพของชาวอียิปต์


การผลิตกระดาษปาปิรุส  ทำได้โดยการ ตัดลำต้นปาปิรุสที่แก่จัด ออกเป็นท่อนๆ จากนั้นนำมีดมา    ปอกเปลือกสีเขียวทิ้งจนแผ่ให้เห็นเยื่อไม้สีเหลืองด้านใน  จากนั้นฝานตามความยาวเป็นแผ่นบาง ๆ แล้ว  นำไปแช่น้ำไว้ 6 – 7 วัน พอผ่านไป 1 สัปดาห์แผ่นบางนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แล้วนำมาวางเอาลูก  กลิ้งยาง รีดไปรีดมาจนแห้ง เสร็จแล้วก็นำมาสานเรียงตั้งและขวางอย่างละหนึ่ง พอสานเสร็จ ทิ้งไว้ 1  สัปดาห์แล้วนำไปตากแดดอีก 1 วัน จึงจะได้




บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com 
ความลับที่สุดของผิวหน้าวัย 50 ปี ที่มีใบหน้าเหมือนสาวอายุ 30 ปี ด้วยวิธีที่ง่ายๆโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม

เมืองไคโร ท่องเที่ยวอียิปต์

เมืองไคโร (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง)
กรุงไคโร สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอิยิปต์ที่แออัดอยู่ในเมืองหลวงถึง 15 ล้านคน ซึ่งถือว่าเมืองที่ติดอันดับในความแออัดของชุมชนอันดับต้นๆ ของโลก



บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com 
ความลับที่สุดของผิวหน้าวัย 50 ปี ที่มีใบหน้าเหมือนสาวอายุ 30 ปี ด้วยวิธีที่ง่ายๆโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม

สายการบิน Emirates Airline (EK)

สายการบิน Emirates Airline (EK)
เรื่องราวของสายการบินเอมิเรตส์เริ่มต้นขึ้นในปี 1985 เมื่อตอนที่เราเริ่มดำเนินงานโดยมีเครื่องบินให้บริการเพียงแค่สองลำเท่านั้น ปัจจุบัน เราให้บริการด้วยฝูงบินของเครื่องบินแอร์บัส A380 และโบอิ้ง 777 ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อมอบความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าของเราด้วยเครื่องบินลำตัวกว้างรุ่นใหม่ล่าสุดและทรงสมรรถนะที่สุด 

เราได้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้เดินทางทั่วโลกด้วยเครือข่ายจุดหมายปลายทางทั่วโลกที่กำลังเติบโตของเรา ความบันเทิงบนเที่ยวบินระดับชั้นนำในอุตสาหกรรม อาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากในภูมิภาค และบริการระดับเวิลด์คลาส โปรดอ่านต่อไปเพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม http://www.emirates.com


ความยั่งยืน

ในปี 2020 ดูไบคาดว่าจะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวถึง 20 ล้านคน และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 
300,000 ล้านดีแรห์มต่อปี สายการบินเอมิเรตส์จะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเป้าหมายนี้ 
เช่นเดียวกับ dnata ผู้ให้บริการทางอากาศซึ่งก่อตั้งขึ้นในประเทศของเราเอง 
จากจุดเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตอนนี้ได้เติบโตขึ้นและมีบทบาทอยู่ในระดับโลก

สำหรับเราการเติบโตไม่ใช่เรื่องของตัวเลขเท่านั้น เราตั้งใจที่จะดำเนินธุรกิจในระยะยาว 
 และเราตระหนักว่าด้วยขนาดของสิ่งที่เราทำ เราสามารถสร้างความแตกต่างให้กับเศรษฐกิจ 
ชุมชน และสิ่งแวดล้อมได้ เราตั้งใจมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงผลกระทบที่เรามีต่อเศรษฐกิจ 
สิ่งแวดล้อม และสังคมในวิถีทางที่เปี่ยมด้วยความหมาย




บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com 
ความลับที่สุดของผิวหน้าวัย 50 ปี ที่มีใบหน้าเหมือนสาวอายุ 30 ปี ด้วยวิธีที่ง่ายๆโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม

Friday, August 19, 2016

ย่านเมืองเก่านารามาชิ (Naramachi)

ย่านเมืองเก่านารามาชิ (Naramachi)

เขตเมืองเก่าที่มีบ้านเรือนแบบเดิมๆ มีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย



บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com 
ความลับที่สุดของผิวหน้าวัย 50 ปี ที่มีใบหน้าเหมือนสาวอายุ 30 ปี ด้วยวิธีที่ง่ายๆโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม

พิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายแห่งนารา (Nara City Museum of Photography)

พิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายแห่งนารา (Nara City Museum of Photography)

จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการถ่ายภาพและภาพถ่ายสวยงาม



บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com 
ความลับที่สุดของผิวหน้าวัย 50 ปี ที่มีใบหน้าเหมือนสาวอายุ 30 ปี ด้วยวิธีที่ง่ายๆโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม

หอประชุมเมืองนารา (Nara Century Hall)

หอประชุมเมืองนารา (Nara Century Hall)

สถานที่จัดแสดงงานนิทรรศการ การแสดงดนตรี นาฏศิลป์ประจำเมือง บริเวณด้านหน้าเป็นที่จัดตลาดนัดประจำเทศกาลต่างๆ



บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com 
ความลับที่สุดของผิวหน้าวัย 50 ปี ที่มีใบหน้าเหมือนสาวอายุ 30 ปี ด้วยวิธีที่ง่ายๆโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม

โมชิโดโนะ ช้อปปิ้ง สตรีท (Mochiidono Shopping Street)

โมชิโดโนะ ช้อปปิ้ง สตรีท (Mochiidono Shopping Street)

ถนนช้อปปิ้งกลางใจเมือง เป็นแหล่งร้านค้าอีกแห่งของเมือง



บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com 
ความลับที่สุดของผิวหน้าวัย 50 ปี ที่มีใบหน้าเหมือนสาวอายุ 30 ปี ด้วยวิธีที่ง่ายๆโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม

ถนนซันโจ-โดริ (Sanjo-dori Avenue)

ถนนซันโจ-โดริ (Sanjo-dori Avenue)

แหล่งร้านค้า ร้านอาหาร มีร้านเขียนพู่กันญี่ปุ่นแบบโบราณอยู่หลายแห่ง

ถนนช้อปปิ้งฮิกะชิมูกิ (Higashimuki Shopping Street)

ถนนช้อปปิ้งฮิกะชิมูกิ (Higashimuki Shopping Street)
เป็นถนนช้อปปิ้งยาว 250 เมตร ตั้งอยู่ข้างสถานีรถไฟคินเทสึนารา(Kintetsu Nara Station) สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวง แหล่งรวบรวมร้านค้าของที่ระลึกและร้านอาหารมากมาย

ถนนช้อปปิ้งฮิกะชิมูกิ อยู่ตรงทางออกจากสถานีรถไฟใต้ดินนารา เดินขึ้นมาแล้วก็เจอเลย เป็นถนนตรงยาวแต่ไม่ลึกมาก สองข้างทางมีร้านอาหาร ร้านขนม ร้านเสื้อผ้า ของใช้ต่างๆ สุดทางจะเจอร้านขนมโมจิไส้ถั่วแดงที่อร่อยมากและออกรายการทีวีมาแล้วชื่อร้าน Nakatanidou ชิ้นละ 130 เยน ถ้าเดินเที่ยววัดโทไดจิเสร็จแล้วสามารถมาเดินหาของกินอร่อยที่นี่ได้ตามสบาย



บอกลาผิวแห้งเหี่ยว ริ้วรอย สิว กะฝ้า จุดด่างดำ ก่อนวัยได้ที่เซียร์โว www.ciervoworld.com
Say goodbye to wrinkles, acne, dry skin and dark spot at Ciervo www.ciervoworld.com 
ความลับที่สุดของผิวหน้าวัย 50 ปี ที่มีใบหน้าเหมือนสาวอายุ 30 ปี ด้วยวิธีที่ง่ายๆโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม

วัดกันโกจิ (Gango-ji)

วัดกันโกจิ (Gango-ji)
วัดเก่าแก่อีกแห่งที่เคยเป็น 1 ใน 7 ของวัดที่สำคัญที่สุดของเมืองในสมัยที่นารายังเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ตัววัดดั้งเดิมนั้นถูกไฟไหม้ลงในช่วงศตวรรษที่ 18 แต่ก็ยังมีซากปรักหักพังให้คงเห็นอยู่ทั่วไปในเขตวัด ตัววัดที่สร้างขึ้นใหม่ได้ทำเลียนแบบของเดิมมากที่สุด จุดเด่นของวัดแห่งนี้ คือ รูปปั้นหินต่างๆ ที่แทรกอยู่ในบริเวณของวัด ที่เป็นทั้งรูปปั้นของพระ รูปปั้นอสุรกาย รวมไปถึงรูปปั้นมนุษย์ในอากัปกิริยาพิสดารมากมาย

เขตโบราณสถานปราสาทเฮอิโจเคียว (Heijokyo Palace Site)

เขตโบราณสถานปราสาทเฮอิโจเคียว (Heijokyo Palace Site)
เขตปราสาทโบราณอายุกว่า 1300 ปี แม้ว่าตัวปราสาทของจริงจะไม่หลงเหลือให้เห็นแล้ว แต่ก็ได้มีการจำลองตัวปราสาทขึ้นมาในบริเวณฐานที่ตั้งเดิม นอกจากนั้นยังส่วนของพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของปราสาทและราชวงศ์ในยุคนั้น รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ โบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่ขุดค้นพบได้ในบริเวณนี้

ศาลเจ้าฮิมุโระ (Himuro Shrine)

ศาลเจ้าฮิมุโระ (Himuro Shrine)

ที่ตั้ง
ศาลเจ้าเก่าแก่อายุกว่าพันปี ตั้งอยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของเมืองนารา ภายในศาลเจ้ามีปลาที่แช่แข็งไว้ในแท่นน้ำแข็งเพื่อบูชาเทพเจ้า นอกจากนั้นศาลเจ้าแห่งนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องเป็นสถานที่ชมซากุระบานในช่วงต้นฤดูร้อนของเมืองนารา (ราวปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน) อีกด้วย

วัดยาคุชิจิ (Yakushi-ji)

วัดยาคุชิจิ (Yakushi-ji)

วัดเก่าแก่ประจำเมืองอีกวัด เป็น 1 ใน 7 วัดสำคัญของเมืองนาราในสมัยที่ยังเป็นเมืองหลวง มีงานสถาปัตยกรรมแบบจีนที่สวยแปลกตา วัดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิในอดีตเพื่ออุทิศแก่พระชายาที่ล้มป่วยของพระองค์ น่าเสียดายว่าตัววัดดั้งเดิมถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ในราวปี พ.ศ. 2513 เหลือเพียงเจดีย์ทางด้านทิศตะวันออกที่ยังคงอยู่ตั้งแต่สมัยก่อตั้ง ทั้งนี้การบูรณะได้พยายามสร้างให้ใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด

วัดโทโชไดจิ (Toshodai-ji)

วัดโทโชไดจิ (Toshodai-ji)

วัดเก่าแก่ที่อายุกว่า 1300 ปีที่ถูกสร้างขึ้นโดยพระจีน ท่านกันจิ้น (Ganjin) ที่เข้ามาเผยแพร่พุทธศาสนาในเมืองนี้ วัดแห่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นวิทยาลัยสงฆ์ ใช้ศึกษาพระธรรมและฝึกฝนการทำสมาธิ นอกจากนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกแห่งเมืองนาราที่ยูเนสโกขึ้นทะเบียนความเก่าแก่ ความสวยงาม และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโลก

ศาลเจ้าคาสุกะ ไทชา (Kasuka Taisha Shrine)

ศาลเจ้าคาสุกะ ไทชา (Kasuka Taisha Shrine)

ที่ตั้ง
ศาลเจ้าเก่าแก่ของเมืองและเป็นศาลเจ้าที่มีคนมากราบไหว้มากที่สุดในเมืองนารา ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยเดียวกับการสร้างวัดโกโฟกุจิ แต่ได้รับการบูรณะสืบต่อกันเรื่อยมา จุดเด่นของศาลเจ้าแห่งนี้ คือ แนวตะเกียงที่เรียงรายอยู่ในบริเวณศาลเจ้าที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนและเพื่อระลึกถึงนักรบในอดีต นอกจากนั้นยังมีหอที่เก็บรักษาสมบัติและโบราณวัตถุของศาลเจ้าไว้อีกด้วย

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเมืองนารา (Nara National Museum)

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเมืองนารา (Nara National Museum)

ที่ตั้ง
พิพิธภัณฑ์ด้านพุทธศาสนาเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์อันดับต้นๆ ของโลกที่มีคอลเลคชั่นของพุทธศิลปะที่ดีที่สุด มีส่วนของห้องโถงแห่งขุมทรัพย์ (Treasure Hall) ที่จัดแสดงคัมภีร์โบราณ โบราณวัตถุล้ำค่า และภาพวาดเก่าแก่ ในช่วงปลายเดือนตุลาคม-เดือนพฤศจิกายนของทุกปีจะมีการจัดแสดงสมบัติล้ำค่าของวัดโทไดจิให้ประชาชนทั่วไปได้ชม หลังจากนั้นสมบัติเหล่านี้จะถูกนำไปเก็บรักษาไว้จนกว่าจะถึงช่วงเวลาการจัดนิทรรศการในปีต่อไป

วัดโกโฟกุจิ Kofoku-ji)

วัดโกโฟกุจิ Kofoku-ji)

ที่ตั้ง
วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 1253 โดยตระกูลของเจ้าผู้ครองนครในอดีต แต่เดิมนั้นเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ มีสิ่งปลูกสร้างมากมายราว 150 -175 หลัง แต่ปัจจุบันหลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่หลังเทานั้น โดยยังมีอาคารเก่า 3 ชั้นและเจดีย์ขนาดใหญ่ 5 ชั้นที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดของญี่ปุ่น นอกจากนั้นภายในวัดยังมีส่วนของพิพิธภัณฑ์ที่จัดเก็บพระพุทธรูปโบราณ เศียรพระเก่าแก่และรูปปั้นที่สร้างขึ้นมาพร้อมกับวัดตั้งแต่สมัยอดีตกาล

สวนนารา (Nara Park)

สวนนารา (Nara Park)

ที่ตั้ง
สวนสาธารณะริมเขาขนาดใหญ่อันเป็นที่ตั้งของวัดและศาลเจ้าสำคัญ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2423 เป็นเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงกวางในธรรมชาติ กวางในสวนนี้เป็นมิตรกับผู้คน สามารถซื้ออาหารให้กวางที่มีขายในบริเวณสวนได้ นอกจากนั้นยังมีโรงน้ำชาแบบพื้นเมืองให้บริการในบริเวณสวนอีกด้วย

วัดโทไดจิ (Todai-ji) เมืองนารา

วัดโทไดจิ (Todai-ji)

ที่ตั้ง
วัดเก่าแก่ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่หลวงพ่อโต (Daibutsu) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก บริเวณทางเข้าวัดมีประตูไม้โบราณแกะสลักเป็นรูปยักษ์จำลอง นันไดมง (Nandai-mon) เฝ้าวัดขนาดใหญ่ทั้งสองด้าน และภายในบริเวณยังมีพระพุทธรูปยากูชิ เนียวไร (Yakushi Nyorai) ซึ่งเป็นพระแห่งการรักษาพยาบาลและยา นอกจากนั้นวัดแห่งนี้ยังมีตัวอุโบสถที่เป็นเรือนไม้สักที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย


Friday, August 12, 2016

โปเกม่อน (Pokémon – Pocket Monsters)

โปเกม่อน (Pokémon – Pocket Monsters) เป็นเกมและการ์ตูนที่มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวครั้งแรกในรูปแบบของเกมตลับในเครื่องเล่นเกมบอยเมื่อปี ค.ศ. 1996 หรือ 20 ปีที่แล้ว โดยจำลองเกมเป็นโลกของสัตว์ประหลาด (มอนสเตอร์) ในรูปร่างต่างๆ ทั้งน่ารักและน่าเกรงขาม เพื่อให้ผู้เล่นเกมได้สวมบทเป็นเทรนเนอร์ไปค้นหา ตามจับมาเลี้ยง และนำโปเกม่อนมาประลองความสามารถกัน ความสำเร็จของเกมโปเกม่อนทำให้มีทั้งการ์ตูนอะนิเมะ=ชั่น หนังสือการ์ตูน ของเล่น และมีเกมส์โปเกม่อนต่อสู้ (แบบเกมตลับ) ตามออกมาอีกหลายเวอร์ชั่น และจนถึงเกมภาคปัจจุบัน (Pokémon XY) ก็รวมแล้วมีโปเกม่อนทั้งหมดมากกว่า 700 ชนิดแล้ว

Pokémon GO ถือว่าเป็นเกมโปเกม่อนเกมแรกที่เล่นได้ในสมาร์ทโฟนอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะจำลองให้ผู้เล่นเกมเป็นเทรนเนอร์ตามจับโปเกม่อนคล้ายกับเกมตลับของต้นฉบับ แต่สร้างความแตกต่างให้มากกว่าด้วยรูปแบบการเล่นผ่านการเดินบนแผนที่จริงด้วยระบบ GPS และตามหาโปเกม่อนที่ซ่อนตัวอยู่ในโลกจริง ผู้เล่นสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อตามจับโปเกม่อน แข่งขันกับผู้อื่นผ่านระบบยิม (Gym) แบบออนไลน์ และใช้ระบบ AR (Augmented Reality) เพื่อให้โปเกม่อนออกมาโลดแล่นอยู่ในโลกจริงผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือของคุณได้แบบแปลกใหม่



แอร์ฟรานซ์ (Air France)

แอร์ฟรานซ์ (Air France)

กาตาร์แอร์เวย์ (Qatar Airways)

กาตาร์แอร์เวย์ (Qatar Airways)

คาเธ่ย์แปซิฟิค (Cathay Pacific)

คาเธ่ย์แปซิฟิค (Cathay Pacific)

เอมิเรตส์แอร์ไลน์ (Emirates Airlines)

เอมิเรตส์แอร์ไลน์ (Emirates Airlines)

เขตศิลปะโลเวนเบรา อารีล (Lowenbrau Areal)

เขตศิลปะโลเวนเบรา อารีล (Lowenbrau Areal)

แหล่งอาร์ตแกลอรี่และพิพิธภัณฑ์ศิลปะมากมาย

ไพร์ม ทาวเวอร์ (Prime Tower)

ไพร์ม ทาวเวอร์ (Prime Tower)

ตึกที่สูงที่สุดของเมือง ด้านบนมีร้านอาหารให้บริการ

สวนซูริกฮอร์น (Zurichhorn Park)

สวนซูริกฮอร์น (Zurichhorn Park)

สวนสาธารณะขนาดใหญ่ริมทะเลสาบซูริค เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง มีมุมของสวนจีนที่ได้รับการตกแต่งสไตล์จีนที่เมืองคุนหมิงได้จัดทำให้เป็นของขวัญในฐานะเมืองคู่แฝด

ตลาดคันเซิลอี (Kanzlei)

ตลาดคันเซิลอี (Kanzlei)

ตลาดศิลปะและตลาดของโบราณอีกแห่งของเมือง

ตลาดเบอร์คิเพลซ (Burkiplatz)

ตลาดเบอร์คิเพลซ (Burkiplatz)

แหล่งสินค้าราคาถูกและเป็นตลาดของเก่ายอดนิยม เปิดในวันเสาร์

น้ำตกไรน์ (Rhine Falls)

น้ำตกไรน์ (Rhine Falls)

น้ำตกที่สูงที่สุดในยุโรป

ทะเลสาบซูริค (Zurich Lake)

ทะเลสาบซูริค (Zurich Lake)

แหล่งพักผ่อนในเมือง มีทางเดินเลียบริมทะเลสาบ เป็นจุดปั่นจักรยานและจุดเดินชมวิวยอดนิยม มีท่าเรือที่ให้บริการเรือเช่าชมวิวรอบๆ ทะเลสาบ

จุดชมวิวภูเขายูเอทลิเบิร์ก (Uetliberg Mountain)

จุดชมวิวภูเขายูเอทลิเบิร์ก (Uetliberg Mountain)

ภูเขาสูงริมเมืองที่มีความสูงกว่า 2,857 ฟุต เป็นจุดชมวิวเมืองสวยงามและสามารถมองเห็นเทือกเขาแอลป์ได้จากบริเวณจุดชมวิวแห่งนี้ด้วย

พิพิธภัณฑ์ศิลปะไรท์เบิร์ก (Rietberg Musuem)

พิพิธภัณฑ์ศิลปะนานาชาติแห่งเดียวในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่มีการจัดแสดงงานศิลปะจากทวีปเอเชีย อเมริกา แอฟริกาและโอเชียเนีย

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ (Swiss National Museum)

จัดแสดงประวัติศาสตร์ของประเทศตั้งแต่ก่อนยุคประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ออกแบบและจัดสร้างโดยสถาปนิกชื่อก้องของประเทศกุสตาฟ กอลล์ (Gustav Gall)

เขตนีเดอร์ดอร์ฟ (Niederdorf)

เขตหมู่บ้านโบราณอีกแห่งของเมือง เป็นเขตปลอดรถ เหมาะแก่การเดินชมอาคารบ้านเรือนสไตล์ยุโรปโบราณ นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งของเก่าชั้นเยี่ยม มีร้านค้าจำพวกงานฝีมือและงานศิลปะอยู่เป็นจำนวนมาก ที่สำคัญเป็นแหล่งรวมหนังสือเก่าหายากและสตูดิโอศิลปะของศิลปินท้องถิ่น และหากเหนื่อยกับการเดินชมเมืองก็สามารถเลือกนั่งพักจิบกาแฟยามบ่ายพร้อมขนมหวานพื้นเมืองแสนอร่อยในร้านกาแฟและร้านขนมอบที่มีอยู่แทบจะทุกหัวถนนในเขตนี้

หอดูดาวยูเรเนีย (Sternwarte Urania)

หอดูดาวเก่าแก่ที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1907 ภายในมีกล้องดูดาวขนาดใหญ่สำหรับการสำรวจท้องฟ้าและดาราศาสตร์ ซึ่งยังใช้การได้สมบูรณ์ บริเวณด้านบนมีบริการร้านอาหารและเครื่องดื่ม และมีจุดชมวิวเมืองมุมสูงชั้นเยี่ยม หอดูดาวแห่งนี้มีทัวร์พาชมเป็นประจำระหว่างวันพฤหัสบดี-วันเสาร์

สวนสัตว์ซูริค (Zurich Zoo)


สวนสัตว์ขนาดใหญ่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการจัดแสดงและอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ต่างๆ ในระบบใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด (Ecosystem) ตั้งแต่สัตว์ที่อาศัยในเทือกเขาสูงเขตหนาวไปจนถึงสัตว์ป่าเขตร้อนในแอฟริกา และยังมีการจัดแสดงช้างไทยใน “สวนช้างแก่งกระจาน”

ป้อมปราการลินเดนฮอฟ (Lindenhof)

ป้อมปราการลินเดนฮอฟ (Lindenhof)
ป้อมปราการโรมันโบราณบนเนินเขาใจกลางเมืองบริเวณริมแม่น้ำลิมมัท (Limmat River) ป้อมแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าที่มีประวัติยาวนานนับย้อนไปถึงสมัยที่โรมันครองเมืองราวศตวรรษที่ 4 และได้สร้างพระราชวังขึ้นเพื่อเป็นที่พำนักของผู้ครองนครในช่วงศตวรรษที่ 9 ต่อมาได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นป้อมปราการประจำเมืองในช่วงหลัง ในปัจจุบันเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ จุดนับพบ และจุดชมวิวเมืองชั้นเยี่ยมจุดหนึ่ง

เขตเมืองเก่า (Old Town)

เขตเมืองเก่า (Old Town)
เป็นเขตบ้านเมืองและหมู่บ้านยุโรปโบราณยุคเมดิอิวัล (Medieval) ที่อนุรักษ์ไว้ อาคารในแถบนี้มีอายุนับย้อนไปได้ถึง 2,000 ปีเลยทีเดียว ที่น่าสนใจ คือ อาคารสมัยใหม่ที่ผุดขึ้นในบริเวณใกล้เคียงนั้นถูกออกแบบและจัดวางได้อย่างลงตัวกับอาคารบ้านเรือนแบบเก่าๆ เหล่านี้ นอกจากจะได้มาเดินชมความสวยงามของบ้านเรือนโบราณแบบในเทพนิยายแล้ว ย่านนี้ยังเป็นแหล่งร้านค้า งานฝีมือ และร้านอาหารอีกด้วย

ถนนบานโฮฟซตราสเซอ (Bahnhofstrasse)

ถนนบานโฮฟซตราสเซอ (Bahnhofstrasse)
ถนนการค้าเก่าแก่ที่รุ่งเรืองมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เป็นถนนสายช้อปปิ้งหลักของเมืองที่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าและร้านค้ามากมายตลอดสองฝั่งทาง โดยเฉพาะร้านแบรนด์เนมระดับโลกดังๆ ที่มารวมตัวกันอยู่บนถนนเส้นนี้จนขึ้นชื่อว่าเป็น “ถนนช้อปปิ้งที่แพงที่สุดในโลก” ที่น่าสังเกตอีกอย่าง คือ ถนนเส้นนี้มีร้านขายนาฬิกาเป็นจำนวนมาก ประมาณว่าแทบจะเป็นแหล่งรวมนาฬิกาชั้นนำของโลกเลยก็ว่าได้ สมกับคำเล่าลือที่ว่า “จะหานาฬิกาดีๆ ต้องมาที่สวิตเซอร์แลนด์”

ห้องแสดงภาพศิลปะคุนสท์เฮาส์ (Kunsthaus)

ห้องแสดงภาพศิลปะคุนสท์เฮาส์ (Kunsthaus)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่มีคอลเลคชั่นศิลปะมากที่สุดของเมือง มีการจัดแสดงผลงานของศิลปินระดับโลก เช่น ปิกาสโซ่ โมเนต์ และชาร์กัลล์ นอกจากนั้นยังเป็นที่จัดแสดงงานศิลปะชื่อดังมากมายทั้งในระดับประเทศและระดับสากลที่สำคัญ

โบสถ์หอคอยคู่กรอสมุนเตอร์ (Grossmunster)

โบสถ์หอคอยคู่กรอสมุนเตอร์ (Grossmunster)
โบสถ์หอคอยคู่สูงระฟ้า เป็นโบสถ์สำคัญและเก่าแก่ของเมืองที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1100 ภายในมีงานประติมากรรมและสถาปัตยกรรมการตกแต่งที่สวยงาม รวมทั้งยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ที่สำคัญอีกอย่าง คือ โบสถ์แห่งนี้เป็นที่เก็บรักษาพระคัมภีร์โบราณทางคริสต์ศาสนา นอกจากนั้นนักท่องเที่ยวยังสามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงจากด้านบนสุดของหอคอยได้อีกด้วย

หอนาฬิกาแห่งโบสถ์เซนต์ ปีเตอร์ (St. Peter)

หอนาฬิกาแห่งโบสถ์เซนต์ ปีเตอร์ (St. Peter)

หอนาฬิกาที่มีหน้าปัดนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ยาวถึง 8.7 เมตร และระฆังทั้ง 5 ใบที่ตีบอกเวลานั้นก็ใช้ทำการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1880 นอกจากนั้นโบสถ์แห่งนี้ยังเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง มีประวัติการก่อสร้างย้อนไปถึงสมัยศตวรรษที่ 8 และได้รับการบูรณะเรื่อยมา ตัวอาคารทั้งภายในและภายนอกมีงานสถาปัตยกรรมการออกแบบตกแต่งแนวโกธิคโบราณผสมบาโรค

โบสถ์ฟราวมุนสเตอร์ (Fraumunster)

โบสถ์ฟราวมุนสเตอร์ (Fraumunster)
โบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 9 หรือราวปี ค.ศ. 853 ขึ้นชื่อเรื่องงานกระจกสี (Stain Glass) อันสวยงามโดดเด่น ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินเลื่องชื่อในอดีต มาร์ค ชากัลล์ (Marc Chagall) และออร์แกนโบราณขนาดมหึมาภายในโบสถ์ ข้อสำคัญสำหรับการไปเข้าชม คือ โบสถ์แห่งนี้ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปด้านในแต่สามารถซื้อโปสการ์ดที่ระลึกได้

เมืองซูริค (Zurich) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

นครซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

เมืองซูริค (Zurich) เมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์และยังเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศและของทวีปยุโรป ซูริคขึ้นชื่อเรื่องมนต์เสน่ห์ของเมืองยุโรปโบราณที่มีงานสถาปัตยกรรมแบบเก่ากระจัดกระจายอยู่รายล้อมเมือง ในขณะเดียวกันก็เป็นเมืองที่มีความเจริญทางเทคโนโลยีสมัยใหม่และถูกยกให้เป็นหนึ่งในอันดับต้นๆ ของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลกอีกด้วย

การเดินทางในเมืองและระหว่างเมือง มีบริการขนส่งสาธารณะหลายประเภทให้เลือก เช่น รถราง รถบัส รถไฟ รวมไปถึงเรือเฟอร์รี่ เรือชมวิวและริเวอร์ บัส (River Bus) ที่ให้บริการทั้งนั่งชมวิวและข้ามฟาก นอกจากนั้นการเช่ารถขับก็เป็นทางเลือกยอดนิยมที่สะดวกสบาย เพราะถนนขับง่ายและสามารถไปเที่ยวได้หลายแห่งทั้งในเมือง นอกเมืองและเมืองใกล้เคียง สนใจค้นหาและเปรียบเทียบราคารถเช่า

ที่พัก/โรงแรมซูริค ที่พักในซูริกมีหลายแบบตั้งแต่โรงแรมหรูหรา บูทีค โฮเท็ล (Boutique Hotel) เบด แอนด์ เบรคฟาสต์ (Bed and Breakfast) ไปจนถึงที่พักราคาประหยัด (Budget Accommodation) โดยที่พักเหล่านี้จะกระจายอยู่ในแหล่งต่างๆ ทั้งภายในเมืองและชานเมือง สนใจค้นหาและเปรียบเทียบราคาโรงแรมและที่พักซูริค

ฤดูกาลท่องเที่ยว ซูริคเที่ยวได้ทั้งปี แต่ในฤดูร้อนกลางปีราวเดือนกรกฎาคม-เดือนกันยายนจะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวค่อนข้างหนาแน่น เพราะอากาศอบอุ่นมากที่สุด ทั้งนี้หากอยากไปชมดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิเริ่มเข้าหน้าร้อน ก็ควรมาเยือนช่วงเดือนเมษายน-เดือนมิถุนายน และถึงแม้ว่าในช่วงฤดูหนาวที่มีอุณหภูมิขั้นติดลบแต่ก็มีนักท่องเที่ยวอีกมากมายที่นิยมไปชมความงามของการตกแต่งและเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่กันที่ซูริค




The Basilica Cathedral of Lima

The Basilica Cathedral of Lima เป็นโบสถ์คาทอลิคที่สร้างตั้งแต่ ค.ศ.1535 นำท่านผ่านชมย่านที่พักอาศัยชานเมืองแถวมิราโฟลเรสและซานอิสโตรซึ่งมีชื่อเสียงด้านความงามของบ้านและสวน

ทำเนียบรัฐบาล (Lima Parliament)

ทำเนียบรัฐบาล (Lima Parliament) ซึ่งเด่นสง่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล

จตุรัส อาร์มาส (Plaza De Armas)

จตุรัส อาร์มาส (Plaza De Armas)

กรุงลิมา (Lima)

กรุงลิมา (Lima) เมืองหลวงที่ยังคงรักษาความเป็นละตินอเมริกาไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุดเมืองหนึ่ง เมืองลิมาตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ.1535 โดยชาวสเปนชื่อฟรานซิสโก ปิซาโร และ ในปี ค.ศ.1991 องค์การยูเนสโก้ได้ประกาศให้ลิมาเป็นเมืองมรดกทางวัฒนธรรม

สนามบินลิมา ประเทศเปรู

สนามบินลิมา ประเทศเปรู

จตุรัสอาร์ม (Arms Square) หรือที่รู้จักในนาม จตุรัสนักรบ (Square of the warrior)

จตุรัสอาร์ม (Arms Square) หรือที่รู้จักในนาม จตุรัสนักรบ (Square of the warrior) จตุรัสแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ โบสถ์ลาคัมปาเนีย (Church of la Compania de Jesus) โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1576 และได้รับการยกย่องว่าเป็นโบสถ์ที่สร้างแบบสถาปัตยกรรมโคโลเนียล บาโร๊คที่สวยงามคู่เมืองคูซโก้มานาน

เมืองคูซโก้

เมืองคูซโก้ เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 1983 นำท่านชมกำแพงหิน หรือที่รู้จักในนาม 12 Side Stone ที่สร้างขึ้นโอบล้อมเมืองเก่าคูซโก้ กำแพงนี้สร้างจากภูมิปัญญาของชาวอินคาโบราณ โดยการนำหินก้อนใหญ่มาเรียงกันสร้างเป็นกำแพงเมืองขนาดใหญ่ นับได้ ว่าเป็นอีกสิ่งมหัศจรรย์ของเมืองเก่าคูซโก้

โชว์พื้นเมืองของชาวอินคา

โชว์พื้นเมืองของชาวอินคา

นครโบราณของอาณาจักรอินคา มาชูปิคชู (Machu Picchu)

นครโบราณของอาณาจักรอินคา มาชูปิคชู (Machu Picchu) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ใหม่ล่าสุดของโลกโดยรถไฟไต่ขึ้นเทือกเขาแอนดิสอันยิ่งใหญ่ ระหว่างทางท่านจะได้ชมความสวยงามและความลึกลับของบรรยากาศโดยรอบที่เข้ากับสถานที่ ข้างทางเป็นแม่น้ำ อูรูบัมบา (Urubamba) ไหลแรงคดเคี้ยวขนานไปกับทางรถไฟสู่ปลายทางที่สถานีเมืองอควาส์ กาเลียนเต้ส์ (Aquas Calientes) จากนั้นเดินทางโดยรถบัสสู่มาชูปิคชู (Machu Picchu) นครที่หายสาบสูญไปของอาณาจักรอินคา บนยอดเขาสูงที่ถูกหมอกปกคลุมอยู่เสมอ จนถึงปี 1911 นครแห่งนี้จึงปรากฏสู่สายตาชาวโลกในลักษณะสภาพบ้านเมือง บ้านเรือน พระราชวัง วิหาร ซึ่งยังคงสภาพเดิมที่ดีราวกับได้รับการอนุรักษ์ดูแลไว้อย่างน่าอัศจรรย์ นครโบราณแห่งนี้ถูกค้นพบโดยฮิรัม บิงแฮม ซึ่งตั้งใจจะหาเมืองโบราณสองเมืองที่ปรากฎชื่ออยู่ในเอกสารโบราณ แต่กลับมาพบเมืองที่ไม่ปรากฎอยู่ในเอกสารใดทั้งสิ้น จึงได้ตั้งชื่อเมืองตามชื่อภูเขาอันเป็นที่ตั้ง คือ Machu Picchu ซึ่งมีความหมายว่า Old Mountain และข้างๆ ยังมียอดเขา Huayna Picchu  หรือ New Mountain ตัวโบราณสถานมาชู ปิคชูนั้น ซ่อนอยู่บนยอดเขาสูงเสียดฟ้า และ ณ ที่แห่งนี้คือเมืองที่ไม่กี่ร้อยปีมานี้ยังมีผู้คนอาศัย ก่อนจะถูกทิ้งร้างไปเมื่อสเปนเข้ามาในศตวรรษที่ 15

หุบเขาซาเครท (Sacred Valley)

หุบเขาซาเครท (Sacred Valley) อันเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ ที่จะเปิดให้ท่านเดินทางไปชมสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างมาชู ปิคชู

กำแพงซัคเซฮัวมัน (Sacsayhuaman)

กำแพงซัคเซฮัวมัน (Sacsayhuaman) ที่สร้างขึ้นพื่อป้องกันการรุกรานของศัตรูและป้องกันแผ่นดินไหว สิ่งเหล่านี้ได้แสดงถึงความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของชาวอินคาอย่างน่าประหลาดใจ

วิหารโคริคันชา

วิหารโคริคันชา หรือที่รู้จักในนาม วิหารพระอาทิตย์ (Qoriqancha, The Sun Temple) ที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพเจ้าดวงอาทิตย์

เมืองคูซโก้ เมืองหลวงของอาณาจักรอินคา

เมืองคูซโก้ เมืองหลวงของอาณาจักรอินคา ที่แพร่ขยายอำนาจจนกินพื้นที่ 2 ใน 3 ของอเมริกาใต้ ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 3,400 เมตร และเป็นแหล่งอารยธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ลึกลับน่าทึ่ง เป็นชุมชนเก่าแก่ของจักรวรรดิอินคาอันรุ่งเรือง ซึ่งยังคงทิ้งร่องรอยความเจริญไว้ให้เห็นเป็นซากปรักหักพักโบราณและโบราณวัตถุต่างๆ

Huaca Hualiamarca ปิระมิดดินขนาดใหญ่

Huaca Hualiamarca ซึ่งเป็นปิระมิดดินขนาดใหญ่

วิหารปาชาคามา

วิหารปาชาคามา ภายในวิหารและโบราณสถานโดยรอบที่ได้ขุดค้นพบในเมืองนี้ และชมความยิ่งใหญ่ของเมืองโบราณแห่งอาณาจักรอินคาอีกแห่งหนึ่ง

เมืองโบราณปาชาคามา (Pachacamac Ruins)

เมืองโบราณปาชาคามา (Pachacamac Ruins) ซึ่งมีความหมายว่า ผู้สร้างโลก เป็นเมืองโบราณที่สร้างขึ้นและสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นระหว่างปี 800-1450 ก่อนคริสตกาล ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงลิมา ในอดีตปกครองโดยอาณาจักรอินคา บริเวณโดยรอบเป็นที่ตั้งของปิระมิดหลากหลายรูปแบบที่ได้มีการขุดค้นพบขึ้น และส่วนที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์ที่สุดคือ วิหารปาชาคามา

พิพิธภัณฑ์ทองคำ (Gold Museum)

พิพิธภัณฑ์ทองคำ (Gold Museum) ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรวบรวมศิลปะวัตถุซึ่งทำด้วยทองคำของชาวเปรูมาตั้งแต่อดีตกาล

สนามบินลิมา ประเทศเปรู

สนามบินลิมา ประเทศเปรู

กรุงลิมา ประเทศเปรู

กรุงลิมา ประเทศเปรู

สนามบินซานเตียโก (SCL)

สนามบินซานเตียโก (SCL)

หุบเขาคาซาบลังกา (Casablanca Valley)

หุบเขาคาซาบลังกา (Casablanca Valley) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมของชิลี ณ ที่แห่งนี้ ท่านจะได้ลิ้มชิมรสไวน์ หลากหลายรูปแบบที่ผลิตและส่งออกนอกประเทศ ได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่เมืองซานเตียโก

หุบเขาคูลาคาฟว์ (Curacavi Valley)

หุบเขาคูลาคาฟว์ (Curacavi Valley) อันเป็นที่ตั้งของไร่องุ่นพันธุ์ดีที่ใช้ในการผลิตไวน์อันเลื่องชื่อของประเทศชิลี ซึ่งเป็นอีกอุตสาหกรรมที่ทำรายได้มหาศาลให้กับประเทศชิลี ตลอดเส้นทางเรียบชายฝั่งทะเลมุ่งสู่ไร่องุ่นและโรงบ่มไวน์อันเลื่องชื่อ ท่านจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพ ท้องทะเลสลับกับชายฝั่งเทือกเขาสูง นับเป็นอีกทัศนียภาพที่สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวที่ได้มาเยือน

นาฬิกาดอกไม้ (Flower Clock)

นาฬิกาดอกไม้ (Flower Clock) เปรียบได้กับสัญลักษณ์ของเมืองแห่งสวนนี้

เมืองบัลปาราอีโซ (Valparaiso)

เมืองบัลปาราอีโซ (Valparaiso) เป็นหนึ่งในเมืองท่าที่สำคัญที่สุดและศูนย์กลางวัฒนธรรมที่เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นเรื่อยๆ ของประเทศชิลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ เป็นเมืองหลักของแคว้นบัลปาราอีโซ ในขณะที่ซานเตียโกเป็นเมืองหลวงของประเทศ ในปีค.ศ.2003 รัฐสภาชิลีได้มีมติประกาศให้บัลปาราอีโซเป็น เมืองหลวงทางวัฒนธรรมของชิลี และเป็นที่ตั้งของสำนักงานกระทรวงวัฒนธรรมแห่งใหม่ของประเทศ บัลปาราอีโซมีบทบาทสำคัญทางภูมิศาสตร์การเมืองในครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยเป็นที่พักกลางทางของเรือที่เดินทางระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิก กับ มหาสมุทรแอตแลนติก ผ่านทางช่องแคบแมกเกนแลน ชาวยุโรปได้อพยพเข้ามาอย่างมาก บัลปาราอีโซในขณะนั้นได้รับการขนานนามจากกะลาสีจากชาติต่างๆ ว่าเป็น ซานฟราสซิสโกน้อย หรือ อัญมณีแห่งแปซิฟิก ซึ่งช่วงนี้เองที่ถือเป็นยุคทองของเมือง จนกระทั่งการเปิดใช้คลองปานามา และความซบเซาของการเดินเรือได้ทำให้ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเมืองชะงักลง

เมืองบัลปาราอีโซ เป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 2007 เนื่องจากเป็นเมืองที่สะท้อนให้เห็นถึงยุคทองทางการค้าในสมัยศตวรรษที่ 19

Wednesday, August 10, 2016

หมู่บ้านโอรองโก (Orongo Ceremonial Village)

หมู่บ้านโอรองโก (Orongo Ceremonial Village) หมู่บ้านที่ใช้จัดพิธีการเลือกหัวหน้าเผ่า ผู้ครองเกาะ โดยการที่ชายหนุ่มที่มีความแข็งแกร่งกระโดดลงหน้าผา และ ว่ายน้ำข้ามไปยังเกาะนก เพื่อไปนำไข่นกแล้วว่ายน้ำกลับมายังเกาะอีสเตอร์ เป็นพิธีการเลือกผู้นำของชาวลาปานุยมาช้านาน

ปากปล่องภูเขาไฟราโนเกา (Rano KAu Volcano)

ปากปล่องภูเขาไฟราโนเกา (Rano KAu Volcano)

โมอาย Ahus Nau Nau และ โมอาย Ature Huke และชมโมอาย Pukau

โมอาย Ahus Nau Nau และ โมอาย Ature Huke และชมโมอาย Pukau ลักษณะคล้ายหมวกเป็นชิ้นต่างหากอยู่บนศีรษะ ซึ่งแตกต่างจากโมอายโดยทั่วไปที่นิยมแกะสลักจากหินก้อนเดียว

ปากปล่องภูเขาไฟ ที่ใหญ่ที่สุดแห่งเกาะอีสเตอร์

ปากปล่องภูเขาไฟ ที่ใหญ่ที่สุดแห่งเกาะอีสเตอร์ จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ โมอาย อาฮูตองการิกิ (Ahu Tongariki) ซึ่งเป็นโมอายที่โดดเด่นที่สุดบนเกาะอีสเตอร์

ตอนใต้ของเกาะอีสเตอร์ - ทุ่งโมอาย ณ เหมืองหิน ราโน ราราคู (Rano Raraku)

ตอนใต้ของเกาะอีสเตอร์ ความมหัศจรรย์ของทุ่งโมอาย ณ เหมืองหิน ราโน ราราคู (Rano Raraku) ซึ่งเป็นที่ที่พบโมอายอยู่กว่า 400 ตัว อยู่ในกระบวนการแกะสลักซึ่งใกล้เสร็จสมบูรณ์ จากการค้นพบรูปปั้นที่ยังแกะสลักอยู่ครึ่งๆกลางๆนั้น ทำให้มีการสันนิษฐานว่าเหมืองหินได้ถูกทิ้งร้างไปอย่างกะทันหัน นอกจากนั้นในการค้นพบโมอายเกือบทั้งหมดอยู่ในสภาพล้มนอน เชื่อว่าชาวพื้นเมืองบนเกาะเป็นผู้ทำให้มันล้ม ลักษณะที่เด่นชัดของโมอาย คือส่วนหัว แต่ก็มีโมอายหลายตัวซึ่งมีส่วนหัวไหล่ แขน และลำตัว ซึ่งเป็นโมอายที่พบหลังจากถูกฝังมานานนับปี ความหมายและวัตถุประสงค์ของการสร้างโมอายนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดและมีการสันนิษฐานกันไปต่างๆนานา ข้อสันนิษฐานที่แพร่หลายมากคือโมอายถูกแกะสลักโดยชาวโพลิเนเชียน (Polynesian) ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะนี้เมื่อกว่า 1,000 ปีมาแล้ว ข้อสันนิษฐานเชื่อว่าพวกโพลิเนเชียนอาจสร้างโมอายขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนถึงบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ หรืออาจจะเป็นผู้ซึ่งมีความสำคัญ ณ สมัยนั้นหรืออาจจะเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะของครอบครัว อิสระให้ท่านเก็บภาพความน่าอัศจรรย์ของทุ่งโมอายนับร้อยตัว

โมอาย 7 ตัว

โมอาย 7 ตัว หรือที่รู้จักกันในนาม อาฮู อากิวี (Ahu Akivi) สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ โฮตู มาตูอา (King Hotu Matua) จากนั้นนำท่านสู่บริเวณที่เชื่อว่าเป็นที่ทำหมวกของโมอาย หรือที่รู้จักในนาม ปูนาเปา (Puna Pau Quarry) ซึ่งเป็นอีกชิ้นส่วนที่สำคัญของโมอายที่สร้างเหมือนมีหมวกบนหัว

เกาะอีสเตอร์

เกาะอีสเตอร์ เป็นเกาะขนาดเล็กที่ถือว่าตั้งอยู่โดดเดี่ยวแห่งหนึ่งของโลก โดยเกาะนั้นมีพื้นที่เพียง 160 ตารางกิโลเมตร มีความยาว 25 กิโลเมตร แต่ถึงแม้ว่าเกาะจะมีขนาดเล็ก แต่ประวัติศาสตร์ของเกาะอีสเตอร์นั้นยิ่งใหญ่เกินขนาดของเกาะเป็นหลายเท่าตัวเลยโดยสิ่งก่อสร้างที่ถือว่าเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์ของเกาะแห่งนี้ คือ รูปสลักหินขนาดยักษ์ หรือที่รู้จักในนาม โมอาย (Moai)  แม้ว่าจะไม่มีใครรู้ที่มาของชาวพื้นเมืองบนเกาะ แต่ชาวพื้นเมืองก็ได้สร้างรูปสลักยักษ์ขึ้น ซึ่งสร้างจากหินและกากแร่ภูเขาไฟหรือหินบะซอลต์ซึ่งรูปสลักในยุกแรกจะเป็นรูปสลักคนนั่งคุกเข่าในช่วงประมาณ ค.ศ.380 ในยุคถัดมาเริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1100 จะสลักเป็นรูปที่เรียกว่า โมอาย (Moai) ซึ่งเป็นที่โดดเด่นทั่วไปบนเกาะ โมอาย เป็นรูปปั้นหินซึ่งมีรูปร่างคล้ายมนุษย์และส่วนศีรษะมีขนาดใหญ่เด่นชัด โมอายถูกพบมากกว่า 600 ตัว กระจายอยู่ทั่วเกาะอีสเตอร์ในอุทยานแห่งชาติลาปานุย ประเทศชิลี โมอายเกือบทั้งหมดที่พบนั้นถูกแกะสลักมาจากหินก้อนเดียว แต่ก็มีบางตัวซึ่งมี Pukau ลักษณะคล้ายหมวกเป็นชิ้นต่างหากอยู่บนศีรษะ โมอายเกือบทั้งหมดถูกแกะสลักมาจากเหมืองหินที่ราโน ราราคู (Rano Raraku) ซึ่งเป็นที่ที่พบโมอายอยู่กว่า 400 ตัว อยู่ในกระบวนการแกะสลักซึ่งใกล้เสร็จสมบูรณ์ นำท่านเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติลาปานุย ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี 1995

สนามบิน อีสลา เดอ ปาชัวร์ บนเกาะอีสเตอร์

สนามบิน อีสลา เดอ ปาชัวร์ บนเกาะอีสเตอร์

พระราชวังโมนิดา (La Moneda Palace)

พระราชวังโมนิดา (La Moneda Palace) ซึ่งปัจจุบันคือ ทำเนียบประธานาธิบดีของประเทศชิลี และใช้เป็นสถานที่ราชการของกระทรวงต่างๆของประเทศชิลี นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมและถ่ายรูปบริเวณลานด้านหน้า พระราชวังแห่งนี้ออกแบบโดย โจแอนควิน โทเอากา สถาปนิกชาวอิตาเลียน สร้างขึ้นในปี 1784-1805 ในแบบสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิค และมีเสาโรมันขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านเป็นซุ้มประตู ความสวยงามและเก่าแก่ของพระราชวังแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้

มหาวิหารแห่งซานเตียโก (Cathedral of Santiago)

มหาวิหารแห่งซานเตียโก (Cathedral of Santiago) เป็นมหาวิหารที่สร้างด้วยศิลปะนีโอคลาสสิคสร้างตั้งแต่ปี 1748 แล้วเสร็จในปี 1800 นำท่านเข้าชมความงดงามภายในมหาวิหารแห่งนี้