ข้อมูลทั่วไป
ชื่อทางการ : สาธารณรัฐเกาหลี (Republic of Korea) หรือ เกาหลีใต้ (South Korea)เมืองหลวง : กรุงโซล
ภูมิประเทศ : คาบสมุทรเกาหลี ทอดตัวไปทางทิศใต้ทางด้านตะวันออกของทวีปเอเชีย มีความยาว
1,020 กิโลเมตร (612 ไมล์) และกว้าง 175 กิโลเมตร (105 ไมล์) ณ จุดที่แคบที่สุดของคาบสมุทร
พื้นที่ 70% ของประเทศเป็นเทือกเขา จึงจัดเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศเป็นเทือกเขามากที่สุดแห่งหนึ่ง
ของโลก
ความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของแผ่นดิน ที่เป็นหินแกรนิตและหินปูน ทำให้เกิดภูมิประเทศที่สวยงาม
อย่างมหัศจรรย์ ประกอบด้วย เทือกเขาและหุบเขา เทือกเขา ตลอดชายฝั่งด้านตะวันออกสูงชัน และ
ทอดตัวลงสู่ทะเลตะวันออก ในขณะที่ชายฝั่งทางด้านใต้และตะวันตก เทือกเขาค่อยๆ ลาดลงต่ำสู่ที่ราบ
ชายฝั่ง ซึ่งเป็นแหล่งเกษตรกรรมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเกาหลี โดยเฉพาะในด้านการผลิตข้าว
คาบสมุทรเกาหลี ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ที่บริเวณเหนือเส้นขนานที่ 38 คือ ประเทศระบอบประชาธิปไตย สาธารณรัฐเกาหลีอยู่ทางใต้ และประเทศระบอบคอมมิวนิสต์ เกาหลีเหนือ โดยถูกคั่นกลางโดยเขตปลอด ทหาร ภูมิอากาศ
ประเทศเกาหลี มีสภาพอากาศอยู่ในเขตอบอุ่น มีสี่ฤดูที่แตกต่างกัน คือ
ฤดูใบไม้ผลิ
ปลายเดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม อุณหภูมิประมาณ 5 - 15 องศาเซลเซียส เป็นช่วงเวลาที่ต้นไม้ดอกไม้แตกใบงดงาม เหมาะแก่การชมธรรมชาติของเกาหลี
ฤดูร้อน
เดือนมิถุนายน - เดือนสิงหาคม อุณหภูมิประมาณ 20 องศาเซลเซียล และอาจมีฝนตก ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน - ปลายเดือนกรกฎาคม หากเป็นช่วงที่พืชผลเจริญงอกงามชุ่มฉ่ำ อากาศร้อนที่สุดในเดือนสิงหาคม ประมาณ 25 องศาเซลเซียล
ฤดูใบไม้ร่วง
ปลายเดือนกันยายน - พฤศจิกายน เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปี เพราะเย็นสบาย และใบไม้ตามที่ต่างๆ
จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงสวยงาม อุณหภูมิช่วงต้นฤดูประมาณ 18 องศาเซลเซียล และจะต่ำลงในปลาย
ฤดูประมาณ 5 องศาเซลเซียล
ฤดูหนาว
เดือนธันวาคม - เดือนกุมภาพันธ์ อากาศหนาวเหน็บ มีหิมะสลับกับมีฝนประปราย เป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานสำหรับคนรักสกี อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 5 - 10 องศาเซลเซียล หรืออาจจะต่ำกว่า
- การปกครอง
เกาหลีใต้ ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ การเลือกตั้ง
ประธานาธิบดีจะมีทุก 5 ปี และประธานาธิบดี สามารถอยู่ในตำแหน่งได้เพียง 1 ครั้ง เท่านั้น เกาหลีใต้
มีการแบ่งเขตการปกครองเป็น 9 จังหวัด และ 6 เขตการปกครอง (โซล ปูซาน อินชอน แตกู กวางจู
แตชอน)
- ศาสนา
ประเทศเกาหลี ให้ความเคารพต่อเสรีภาพในการนับถือศาสนา โดยมีลัทธิประเภททรงเจ้า บูชาผี
ศาสนาพุทธ และลัทธิขงจื้อ ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นหลักปรัชญาในการพัฒนาทางสังคม และวัฒนธรรม
ของประเทศก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังมีศาสนาย่อยๆ ที่เกิดขึ้นใหม่จากการผสมผสานแนว ความคิด
บางอย่างในศาสนาดั้งเดิม และยังมีผู้หันไปนับถือศาสนาคริสต์เป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่เริ่มเข้ามา
เผยแพร่เมื่อปลายศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา
- ธงชาติ
ธงชาติของเกาหลีมีชื่อเรียกว่า แทกึกกี้ ลวดลาย ของธงบอกถึงสัญลักษณ์ หยิน-หยาง ตามหลัก
ปรัชญาตะวันออก รูปวงกลมตรงกลางธง แบ่งออก เป็นสองส่วนเท่าๆ กัน คือ ส่วนที่เป็นสีแดง หมายถึง
พลังในเชิงบวกหรือหยาง ส่วนล่างสีน้ำเงิน หมายถึง พลังในเชิงลบ หรือหยิน พลังทั้งสองเมื่อรวมกัน
หมายถึง สมดุลยภาพ และสมานสามัคคีอันไม่รู้จบ วงกลมนี้ล้อมรอบด้วยสัญลักษณ์ 4 อย่างอยู่ที่แต่ละ
มุม คือ สวรรค์ โลก ไฟ และน้ำ
ดอกไม้ประจำชาติ
ดอกมูกุงฮวา หรือ โรส ออฟ ชารอน ดอกไม้ชนิดนี้ ไม่เหมือนดอกไม้ชนิดอื่น คือ สามารถทนสภาพ
อากาศที่เลวร้าย และศัตรูพืชได้เปนอย่างดี ความหมายของคำว่า มูกุงฮวา มาจากรากศัพท์ มูกุง ซึ่งหมายถึง ความเป็นอมตะของประวัติศาสตร์ เกาหลี ความมุ่งมั่นและความอดทน ของชาวเกาหลี
ภาษา
ภาษาเกาหลี จัดอยู่ในกลุ่มยูราล-อัลเตอิค เช่นเดียวกับภาษาฮังกาเรียน ตุรกี มองโกเลียน และฟินนิช
ตัวอักษรของเกาหลี เรียกว่า ฮันกึล (อักษรเกาหลี) และประกอบด้วยสระ 10 ตัว และพยัญชนะ 14 ตัว
ภาษาพูดได้แปลงมาเป็นภาษาเขียน ในสมัยกษัตริย์เซจง โดยนักการศึกษากลุ่มหนึ่ง ในปี ค.ศ. 1443
ผลงานของนักการศึกษากลุ่มนี้ถูกกล่าวขวัญว่า เป็นการสร้างสรรค์ที่อัจฉริยะอย่างแท้จริง
ขนบธรรมเนียมและประเพณี
การเคารพผู้มีอาวุโส
โครงสร้างทางสังคมแบบขงจื้อที่มีมานาน ยังคงอยู่อย่างเหนียวแน่น ถึงแม้ว่าเราจะเริ่มเห็นการเปลี่ยน
แปลงทางด้านนี้บ้าง วัยวุฒิและอาวุโส ยังมีความหมายมาก และผู้เยาว์จะต้องเคารพคำสั่งของผู้อาวุโส
โดยปราศจากข้อโต้แย้ง ดังนั้นบ่อยครั้งเราจะถูกถามว่า อายุเท่าใด และถามถึงสถานภาพทางการ
สมรส (เป็นที่น่าแปลกอยู่ทีเดียวที่ไม่ว่าเราจะอายุมากเพียงใด เราจะไม่ถือเป็นผู้ใหญ่ หากเรายังไม่
สมรส อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่ยึดถือกันในแต่ละครอบครัว) เพื่อจะคะเนถูกถึงความอาวุโสของเราต่อผู้อื่น
อย่างไรก็ตาม การที่ถูกถามก็มิได้หมายความว่าผู้ถามต้องการล่วงล้ำเข้ามาในโลกส่วนตัวของเรา แต่
เราก็ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนั้นหากเราไม่ต้องการ
ชื่อ
ชาวเกาหลีส่วนใหญ่ จะมีชื่อสกุลจำกัดอยู่ในไม่กี่กลุ่มชื่อ เช่น 21% จะมีชื่อสกุลว่า คิม 14% จะมี
ชื่อสกุลว่า ยี, ลี หรือ รี 8% มีชื่อสกุลว่า ปาร์ค นอกจากนั้นก็มีชื่อสกุลแตกออกไปอีกเช่น ชอย (หรือ
แช) เจิง (หรือ ชุง) จาง (หรือ ชาง) ฮัน, ลิม เป็นต้น ชื่อเต็มของชาวเกาหลี ก็จะประกอบด้วย ชื่อสกุล
1 พยางค์ และชื่อหน้า 2 พยางค์ ชื่อสกุลจะเขียนก่อน สตรีชาวเกาหลีจะไม่เปลี่ยนชื่อสกุลตามคู่สมรส
แต่บุตร และธิดาจะใช้ชื่อสกุลของบิดา
ภาษากาย
เมื่อต้องการกวักมือเรียกผู้อื่นนั้น ควรคว่ำมือลงและกวักนิ้วเรียกโดยใช้นิ้วชิดกัน การกวักมือเรียก
โดยหงายฝ่ามือขึ้นนั้น ไม่สุภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากใช้นิ้วกวักเรียก เพราะถือเป็นกิริยาเรียก
สุนัขสำหรับชาวเกาหลี
การสมรส
ชาวเกาหลีถือว่าการสมรสนั้น เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิต และการหย่าร้างถือว่าเป็นความตกต่ำ
เสียชื่อเสียง ไม่เพียงแต่สำหรับคู่สมรสเท่านั้น แต่รวมไปถึงครอบครัวเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม
อัตราหย่าร้างในปัจจุบัน ก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นเร็วพอควร การประกอบพิธีสมรสในปัจจุบันแตกต่างไปจาก
ในสมัยโบราณ นั่นคือในปัจจุบันนี้ พิธีจะเริ่มด้วยแบบทางตะวันตก นั่นคือมีการสวมชุดวิวาห์สีขาว
สำหรับเจ้าสาวและทัคซีโดสำหรับเจ้าบ่าว โดยประกอบพิธีในห้องจัดพิธีวิวาห์ หรือในโบสถ์ ต่อมาช่วง
บ่าย จะมีพิธีแบบดั้งเดิมในสถานที่ใหม่ด้วยชุดวิวาห์ที่มีสีสันงดงาม
ฮันบก
เป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติเกาหลีมาเป็นเวลาพันๆ ปีมาแล้ว ก่อนที่วัฒนธรรมการแต่งกายแบบตะวันตก จะได้เข้ามาในเกาหลี เมื่อร้อยปีมาแล้วนั้น หญิงชาวเกาหลีจะสวมชุดฮันบก เป็นปกติทุกวัน
ส่วนสุภาพบุรุษจะสวมชอโกรี (เสื้อนอกแบบเกาหลี) และพาจิ (กางเกงขายาว) ในขณะที่สุภาพสตรี สวมชอกอรีและชีมา (กระโปรง) ในปัจจุบัน ชุดประจำชาติฮันบก จะใช้สวมเฉพาะในโอกาสพิเศษต่างๆ
เช่น งานมงคลสมรส วันซอลลัล (วันขึ้นปีใหม่ตามจันทรคติ) หรือ วันชูซก (วันขอบคุณพระเจ้า)
เจเย (พิธีเคารพบูชาบรรพบุรุษ)
ตามหลักความเชื่อดั้งเดิมของเกาหลีนั้น เมื่อบุคคลหนึ่งสิ้นชีวิตลง วิญญาณของเขายังไม่ไปไหนแต่ยัง
วนเวียนอยู่ใกล้เป็นเวลากว่า 4 ชั่วคนทีเดียว ในช่วงเวลาอันยาวนานนี้ ผู้ตายยังถูกถือว่าเป็นสมาชิกของ
ครอบครัว ความสัมพันธ์อันนี้ ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยพิธีเจเย ซึ่งจัดขึ้นในวันพิเศษต่างๆ เช่น ซอลัล
และชูซก รวมทั้ง วันครบรอบวันเสียชีวิตของบรรพบุรุษเหล่านั้น ชาวเกาหลีเชื่อว่า การที่เขามีชีวิตอยู่
อย่างมีความสุขนั้น ก็ด้วยพรอันประเสริฐซึ่งบรรพบุรุษให้ไว้นั่นเอง
ตามประเพณีของเกาหลีนั้น ห้องต่างๆ จะใช้เพื่อจุดประสงค์หลายๆ อย่าง และไม่มีการใช้ หรือเรียก
ห้องตามการใช้งานของมัน เช่น ห้องนอน หรือ ห้องอาหาร เป็นต้น แต่จะมีการนำโต๊ะ และเสื่อเข้าไป
ไว้ตามห้องต่างๆ ตามจุดประสงค์การใช้งาน ประชาชนส่วนใหญ่ จะนอนบนเสื่อหนาปูบนพื้น ใต้พื้นห้อง
จะมีท่อระบายอากาศที่ทำด้วยหิน หรือคอนกรีต ในสมัยโบราณลมร้อนจะถูกระบายผ่านช่อง เพื่อให้
เกิดความร้อน ดินเหนียว และปูนจะถูกนำมาวางบนหิน เพื่อป้องกันผู้อยู่อาศัยมิให้ถูกกระทบด้วยก๊าซ
พิษ ระบบทำความร้อน ใต้พื้นนี้เรียกว่า "อนดอล" ในยุคปัจจุบัน ใช้ท่อน้ำร้อนให้ไหลผ่านพื้นซีเมนต์
ซึ่งคลุมด้วยพรมน้ำมัน
คิมจาง
คิมจาง เป็นวิธีการเตรียมผักดองกิมจิในฤดูหนาวของชาวเกาหลีแต่ดั้งเดิม และสืบต่อกันมารุ่นต่อรุ่น
มาหลายชั่วคนแล้ว ในเกาหลีนั้น จะมีผักน้อยประเภทมาก และก็ปลูกได้ระหว่าง 3 - 4 เดือนสุดท้าย
ของปีเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ จึงมีคิมจางช่วงต้นฤดูหนาว เพื่อทำอาหาร ซึ่งกลายมาเป็นอาหารประจำของ
ชาวเกาหลี โต๊ะอาหารในเกาหลีจะขาดกิมจิไม่ได้เลย
เวลา
เวลาของประเทศเกาหลีจะเร็วกว่าเมืองไทย 2 ชั่วโมง
ระยะเวลาในการบิน
จากประเทศไทยมุ่งตรงสู่เกาหลี ขาไปใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ขากลับจะนานกว่าขาไปประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง เพราะบินทวนกระแสลม
กระแสไฟฟ้า
ในประเทศเกาหลีโดยมาใช้กำลังส่งกระแสไฟฟ้า 220 โวล์ แต่บางที่สามารถใช้ 110 โวล์ได้ โปรดตรวจสอบ กำลังจ่ายของเครื่องใช้ไฟฟ้าท่านก่อนใช้
ปลั๊กสองขาแบบแบน 110 โวลต์ และแบบกลม 220 โวลต์ หากต้องการนำอุปกรณ์ไฟฟ้าจากเมืองไทยไปใช้หลายชิ้น ควรเตรียมปลั๊กพ่วงไปด้วย
เงินตรา
หน่วยของสกุลเงินเกาหลีคือ วอน (won)
หน่วยเงินเหรียญจำแนกออกเป็นมูลค่า 1, 5, 10, 50, 100, 500 วอน แต่เหรียญ 1 และ 5 วอน
ธนบัตร จำแนกออกเป็น 1,000, 5,000 และ 10,000 วอน เช็คธนาคารใช้จ่ายหมุนเวียนในอัตรา
หน่วย 100,000 วอน และมากกว่านั้น
บัตรเครดิต
ใช้ได้ทั้งบัตรวีซ่า และมาสเตอร์การ์ด ส่วนใหญ่ใช้ได้เกือบทุกที่ เช่น ร้านค้าทั่วไป ร้านปลอดภาษี
บัตรเครดิต เช่น VISA, AMERICAN EXPRESS, DINERS CLUB, MASTER CARD และ JCB เป็นที่ยอมรับกันตามโรงแรมใหญ่ๆ ห้างสรรพสินค้า และภัตตาคารขนาดใหญ่เท่านั้น ซึ่งร้านค้าที่รับจะมีสติ๊กเกอร์ติดบอกไว้ว่ารับบัตรเครดิตชนิดใดได้บ้าง ควรเตรียมเงินสดไปให้พอ เพราะสินค้าที่จะซื้อส่วนใหญ่จะต้องใช้เงินสด
ตลาดช้อปปิ้งของเกาหลี เช่น ทงแดมุน, เมียงดง, อิเทวอน ใช้ได้เฉพาะเงินวอนเท่านั้น และสามารถต่อรองราคาได้ 10-30 % ส่วนร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free Shop), ห้างสรรพสินค้า และซุปเปอร์มาร์เก็ต ไม่สามารถต่อรองราคาได้
การแลกเงิน
ควรแลกเงินสด "วอน" (WON) ไปจากประเทศไทย หรือ แลกเป็นเงิน "ดอลลาร์สหรัฐ" (USD) และควร
เตรียมล่วงหน้าไว้หลายๆ วันก่อนการเดินทาง เพราะบางครั้งอาจหาแลกได้ยาก ซึ่งท่านสามารถแลกได้ที่
COUNTER แลกเงินที่สนามบินเมืองไทย, ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง และสถาบันแลกเงินที่ได้รับการ
รับรอง
การใช้โทรศัพท์มือถือ
หากต้องการนำโทรศัพท์มือถือของท่านไปใช้ที่เกาหลี จะต้องขอเปิดระบบ ROMING ที่ศูนย์การให้บริการ ของเครือข่ายนั้นๆ (DTAC, GSM, TRUE) ก่อนออกเดินทาง และสามารถไปขอเช่าเครื่องได้ที่
สนามบิน
สุวรรณภูมิก่อนออกเดินทาง โดยมีค่าใช้จ่ายในการขอเช่าเครื่องจากเจ้าของระบบตามเงื่อนไข
วีซ่า
นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเดินทางเข้าเกาหลีใต้ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า แต่ต้องมีหนังสือเดินทาง (Passport) ที่มีอายุการใช้งานเหลือมากกว่า 6 เดือน (นับจากวันเดินทาง) และพักอยู่ได้นานถึง 90 วัน ตามข้อตกลงระหว่างประเทศ
เนื่องจากไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า ดังนั้นการอนุญาตให้เข้าเมือง จึงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่
กองตรวจคนเข้าเมืองเกาหลี เป็นผู้พิจารณา
สิ่งที่ควรนำติดตัวเสมอ
- ยาต่างๆ ได้แก่ ยารักษาโรคประจำตัว, ยาแก้แพ้ (เมารถ), ยาแก้ท้องเสีย, ยาลดไข้ หรือตามแพทย์สั่ง
- กระเป๋าสตางค์ และบัตรเครดิต
- แว่นกันแดด, ครีมกันแดด หรือร่มกันแดด
- หนังสือเดินทาง (Passport) และเอกสารสำคัญ
- อุปกรณ์ถ่ายภาพ
ธรรมเนียมการทิป
หากท่านพอใจกัยบริการที่ได้รับ ท่านสามารถให้ทิป เพื่อเป็นกำลังใจแก่มัคคุเทศก์ และคนขับรถได้
โดยทั่วไปประมาณ 3 USD ต่อคนต่อวัน
No comments:
Post a Comment