คู่มือท่องเที่ยวออสเตรเลีย
ที่ตั้ง เป็นเกาะทวีป (Island Continent) อยู่ในซีกโลกใต้ ตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก
เมืองหลวง กรุงแคนเบอร์รา เมืองที่มีประชากรมากสุด ได้แก่ นครซิดนีย์และเมลเบิร์น
ภูมิอากาศ ภาคใต้มีสภาพอากาศเย็น ในขณะที่ภาคเหนือมีอากาศร้อนชื้น เดือนร้อนที่สุดคือ มกราคมและกุมภาพันธ์ เดือนหนาวที่สุดคือ กรกฎาคม
เวลา
เร็วกว่าเวลามาตรฐาน กรีนิช 10 ชม. (New South Wales, Tasmania, Victoria,
Queensland และ Australian Capital Territory) 9.5 ชม. (Northern
Territory และ South Australia) และ 8 ชม. (Western Australia)
เวลากรุงแคนเบอร์ราเร็วกว่ากรุงเทพฯ 3 ชม.
ภาษาราชการ ภาษาอังกฤษ
ศาสนา
คริสต์นิกายโรมันคาธอลิค ร้อยละ 27 คริสต์นิกายแองกลิกัน ร้อยละ 21
คริสต์นิกายอื่น ๆ ร้อยละ 21 พุทธ ร้อยละ 2 มุสลิม ร้อยละ 1.5 อื่นๆ ร้อยละ
1.2 ไม่แจ้งศาสนาตน ร้อยละ 13 และไม่นับถือศาสนาใด ร้อยละ 15
(จากการสำรวจสำมะโนประชากรปี 2544)
วันชาติ วันที่ 26 มกราคม
ชื่อออสเตรเลีย มาจากคำในภาษาละติน ว่า australis
ซึ่งหมายถึงทิศใต้ โดยมีตำนานถึง "ดินแดนทางใต้ที่ไม่รู้จัก" (ละติน: terra
australis incognita) ชาวยุโรปเริ่มสำรวจค้นพบออสเตรเลียในพุทธศตวรรษที่
22 และต่อมาจึงกลายเป็นดินแดนอาณานิคมของบริเตน
โดยเริ่มต้นเป็นอาณานิคมนักโทษในนิวเซาท์เวลส์
และจึงมีการตั้งอาณานิคมขึ้นอีกห้าแห่ง
อาณานิคมทั้งหกรวมตัวเป็นสหพันธรัฐในปีพ.ศ. 2444
ออสเตรเลียมีชนพื้นเมืองซึ่งอาศัยตั้งแต่ก่อนชาวยุโรปเข้ามา
เรียกว่าชาวอะบอริจิน
เครือรัฐออสเตรเลีย (อังกฤษ: Commonwealth of Australia)
เป็นประเทศซึ่งประกอบด้วยแผ่นดินหลักของทวีปออสเตรเลีย เกาะแทสเมเนีย
และเกาะอื่นๆในมหาสมุทรอินเดีย แปซิฟิก และมหาสมุทรใต้
ประเทศเพื่อนบ้านของออสเตรเลียประกอบด้วย อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี
และติมอร์ตะวันออกทางเหนือ หมู่เกาะโซโลมอน วานูอาตู
และนิวแคลิโดเนียทางตะวันออกเฉียงเหนือ และนิวซีแลนด์ทางตะวันออกเฉียงใต้
ชน
พื้นเมืองในออสเตรเลียก่อนการตั้งถิ่นฐานของชาวยุโรป คือชาวอะบอริจิน
และชาวเกาะทอร์เรสสเทรต ซึ่งชนเหล่านี้มีภาษาแตกต่างกันนับร้อยภาษา
ประมาณการว่า มีชาวอะบอริจินมากกว่า 780,000 คนอยู่ในออสเตรเลียในปีพ.ศ.
2331
การค้นพบออสเตรเลียของชาวยุโรปครั้งแรกที่มีการบันทึกไว้
เกิดขึ้นในปีพ.ศ. 2149 เป็นเรือของชาวดัตช์ โดยกัปตัน Willem Janszoon
ทำแผนที่ชายฝั่งส่วนหนึ่งของออสเตรเลีย ระหว่างปีพ.ศ. 2149 และ 2313
มีเรือของชาวยุโรปประมาณ 54 ลำจากหลายชาติเดินทางมาที่ออสเตรเลีย
ซึ่งรู้จักในขณะนั้นว่านิวฮอลแลนด์ ในปีพ.ศ. 2313 เจมส์ คุก
เดินทางมาสำรวจออสเตรเลียและทำแผนที่ชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย
และได้ประกาศให้เป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร ให้ชื่อว่านิวเซาท์เวลส์
ต่อมาสหราชอาณาจักรใช้ออสเตรเลียเป็นอาณานิคมสำหรับนักโทษ (penal colony)
ฝูงเรือแรกเดินทางมาถึงออสเตรเลียที่อ่าวซิดนีย์ในปีพ.ศ. 2330 ในวันที่ 26
มกราคม (ค.ศ. 1788) ซึ่งต่อมาเป็นวันออสเตรเลีย
ผู้ตั้งถิ่นฐานยุคแรกส่วนใหญ่เป็นนักโทษและครอบครัวของทหาร
โดยมีผู้อพยพเสรีเริ่มเข้ามาในปีพ.ศ. 2336 มีการตั้งถิ่นฐานบนเกาะแทสเมเนีย
หรือชื่อในขณะนั้นคือฟานไดเมนส์แลนด์ ในปีพ.ศ. 2346
และตั้งเป็นอาณานิคมแยกอีกแห่งหนึ่งในปีพ.ศ. 2368
สหราชอาณาจักรประกาศสิทธิในฝั่งตะวันตกในปีพ.ศ. 2372
และเริ่มมีการตั้งอาณานิคมแยกขึ้นมาอีกหลายแห่ง ได้แก่เซาท์ออสเตรเลีย
วิกตอเรีย และควีนส์แลนด์ โดยแยกออกมาจากนิวเซาท์เวลส์
เซาท์ออสเตรเลียไม่เคยเป็นอาณานิคมนักโทษ
ในขณะที่วิกตอเรียและเวสเทิร์นออสเตรเลียยอมรับการขนส่งนักโทษภายหลัง
เรือนักโทษลำสุดท้ายมาถึงนิวเซาท์เวลส์ในปีพ.ศ. 2391
หลังจากการรณรงค์ยกเลิกโดยกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐาน
การขนส่งนักโทษยุติอย่างเป็นทางการในปีพ.ศ. 2396
ในนิวเซาท์เวลส์และแทสเมเนีย และปีพ.ศ. 2411 ในเวสเทิร์นออสเตรเลีย
ปี
พ.ศ. 2394 เอดเวิร์ด ฮาร์กรีฟส์ ค้นพบสายแร่ทอง ในที่ๆเขาตั้งชื่อว่าโอฟีร์
(Ophir) ในนิวเซาท์เวลส์ ทำให้เกิดยุคตื่นทอง
นำคนจำนวนมากเดินทางมาออสเตรเลีย ในปีพ.ศ. 2444
หกอาณานิคมในออสเตรเลียรวมตัวกันเป็นสหพันธรัฐ ในชื่อเครือรัฐออสเตรเลีย
(Commonwealth of Australia) ประกอบด้วยรัฐนิวเซาท์เวลส์ รัฐวิกตอเรีย
รัฐควีนส์แลนด์ รัฐเซาท์ออสเตรเลีย รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย และรัฐแทสเมเนีย
รวมหกรัฐเข้าอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญหนึ่งเดียว
เฟเดอรัลแคพิทัลเทร์ริทอรีก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2454
เป็นเมืองหลวงของสหพันธรัฐ จากส่วนหนึ่งของรัฐนิวเซาท์เวลส์
บริเวณแยส-แคนเบอร์รา และเริ่มดำเนินงานรัฐสภาในแคนเบอร์ราในปีพ.ศ. 2470
ในปีพ.ศ. 2454 นอร์เทิร์นเทร์ริทอรี แยกตัวออกมาจากเซาท์ออสเตรเลีย
และเข้าเป็นดินแดนในกำกับของสหพันธ์
ออสเตรเลียสมัครใจเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
โดยมีอาสาสมัครเข้าร่วมถึง 60,000 คนจากประชากรชายน้อยกว่าสามล้านคน
ออสเตรเลีย
ประกาศใช้บทกฎหมายเวสต์มินสเตอร์ คริสต์ศักราช 1931 (พ.ศ. 2474) ในปีพ.ศ.
2485 โดยมีผลบังคับใช้ย้อนไปตั้งแต่ 3 กันยายน พ.ศ. 2482
ซึ่งเป็นการยุติบทบาทนิติบัญญัติของสหราชอาณาจักรในออสเตรเลียเกือบทั้งหมด
ในสงครามโลกครั้งที่สอง
ออสเตรเลียประกาศสงครามกับเยอรมนีพร้อมกับสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส
หลังจากเยอรมนีบุกโปแลนด์ ออสเตรเลียส่งทหารเข้าร่วมสมรภูมิในยุโรป
เมดิเตอร์เรเนียน และแอฟริกาเหนือ
แผ่นดินออสเตรเลียโดนโจมตีโดยตรงครั้งแรกจากการเข้าตีโฉบฉวยทางอากาศของ
ญี่ปุ่นที่ดาร์วิน ออสเตรเลียยุตินโยบายออสเตรเลียขาว
โดยดำเนินการขั้นสุดท้ายในปีพ.ศ. 2516 พระราชบัญญัติออสเตรเลีย
คริสต์ศักราช 1986 (พ.ศ. 2529)
ยกเลิกบทบาทของสหราชอาณาจักรในอำนาจนิติบัญญัติและตุลาการของออสเตรเลียโดย
สิ้นเชิง ในปีพ.ศ. 2542 ออสเตรเลียจัดการลงประชามติ
ว่าจะให้ประเทศเป็นสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีแต่งตั้งจากรัฐสภาหรือไม่
ซึ่งคะแนนเสียงเกือบ 55% ลงคะแนนปฏิเสธ
ภูมิศาสตร์
ออสเตรเลีย
มีลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปร้อยละ 65 เป็นที่ราบสูง
และตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งและทุรกันดาร
และมีขนาดทะเลทรายรวมกันใหญ่เป็นอันดับ 2
ของโลกรองจากทะเลทรายสะฮาราในทวีปแอฟริกา
ชาวออสเตรเลียเรียกดินแดนที่แห้งแล้งและทุรกันดารนี้ว่า "เอาต์แบ็ก"
ประชากรออสเตรเลียส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในบริเวณชายฝั่งด้านตะวันออกหลังเทือก
เขาเกรตดิไวดิง ซึ่งแบ่งแยกชายฝั่งตะวันออกกับเขตเอาต์แบ็ก
มีแม่น้ำสายสำคัญ ๆ อยู่ทางภูมิภาคตะวันออก ได้แก่ แม่น้ำดาร์ลิง
แม่น้ำเมอร์เรย์ ส่วนตอนกลางของประเทศที่เรียกว่า "เขตเซนทรัลโลว์แลนด์"
เป็นเขตแห้งแล้งที่สุด แม่น้ำลำธารต่าง ๆ อาจแห้งสนิทเป็นเวลาหลายปี
เนื่องจาก ทวีป ออสเตรเลียมีสภาพเป็นเกาะทำให้
มีสิ่งมีชวิตที่มีลักษณะเฉพาะเป็นของตนเอง
เนื่องจากสิ่งมีชีวิตพวกนี้ได้มีวิวัฒนาการเป็นอิสระจากสิ่งมีชีวิตบนแผ่น
ดินใหญ่ โดยเฉพาะสัตว์ที่มีกระเป๋าหน้าท้อง เช่น จิงโจ้
ประชากร
ประเทศ
ออสเตรเลียมีประชากรประมาณ 21 ล้านคน
ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชาวยุโรปที่มาตั้งรกรากในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19
และ 20 หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองจนถึงปี พ.ศ. 2543
มีผู้อพยพใหม่เข้ามาถึง 5.9 ล้านคน
ทำให้ประชากรเกือบสองในเจ็ดของออสเตรเลียเกิดในต่างประเทศ
หลังจากการเลิกนโยบายออสเตรเลียขาวในปี พ.ศ. 2516
รัฐบาลออสเตรเลียได้พยายามส่งเสริมความสามัคคีระหว่างเชื้อสายต่าง ๆ
บนพื้นฐานของพหุวัฒนธรรม ในช่วงปี พ.ศ. 2548 ถึง 2549 มีผู้อพยพเข้ามากกว่า
131,000 คน ส่วนใหญ่มาจากทวีปเอเชียและโอเชียเนีย
No comments:
Post a Comment