Sunday, October 25, 2015

เที่ยวอินเดีย แบบแฉหมดเปลือก ตอนที่ 1 - 9

เที่ยวอินเดีย แบบแฉหมดเปลือก ตอนที่ 1 
โดย คุณ ZigmAnia - ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ


หลังจากจัดการจองตั๋วเครื่องบินของแอร์อินเดีย แล้วแผนการต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ยกเว้นโรงแรม รถไฟ ไม่ได้จองไป กะว่าจะไปหาเอาข้างหน้า วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พวกเราก็พร้อมเดินทาง แล้วเราก็ได้สัมผัสความเป็นอินเดียตั้งแต่ยังอยู่เมืองไทย เอเย่นต์เค้าโทรมาแจ้งว่าเครื่องดีเลย์ จากตี 2 กว่า ๆ เป็น 7 โมงเช้า เพื่อความชัวร์ก็โทรไปถามสายการบินอีกที ซึ่งก็ยืนยันตามนั้น ก็ไม่เป็นไรได้นอนเพิ่มอีกหลายชั่วโมง ถึงจะหลับไม่สนิทเพราะกลัวตื่นไม่ทันก็ตาม

ผมก็ไปถึงสนามบินล่วง หน้า 2 ชั่วโมงติ๊ด ๆ ตามมาตรฐาน ปรากฎว่าแอร์อินเดียดีเลย์อีกครั้งเป็น 8 โมงเช้า ก็เลยลงไปกินข้าวมันไก่ที่ food court ข้างล่าง ราคาอาหารใน food court ที่นี่ ถูกกว่า food court ตามห้างซะอีก พอถึงเวลา check in ก็ไปต่อคิวซึ่งแทบไม่มีคนเลย ยังสงสัยอยู่ว่าผู้คนหายไปไหนกันหมด แต่ก็ไม่ได้ถามเจ้าหน้าที่ แต่ไปถามเรื่องโรงแรมว่าเครื่องดีเลย์แล้วเค้าไปนอนกันที่ไหน เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าคงไปนอนที่ Novotel ยังแซว ๆ เค้าอยู่ว่าเราไม่น่ารู้ดีเลย ไม่งั้นก็ได้นอน Novotel ฟรี 1 คืนละ

ตอน เราเข้าไปใน Gate ก่อนจะขึ้นเครื่องซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องฉีกตั๋วแล้วส่ง Boarding Pass ให้เรา ก็มีเหตุให้ตกใจ เจ้าหน้าที่คนเดิมที่ Check in รับตั๋วเราไปแล้วฉีกทิ้งหน้าตาเฉยเลย ทำให้สงสัยว่าตอน Check in เราไปแซวไรเค้าทำให้เค้าไม่พอใจรึเปล่าหว่า แต่ที่ไหนได้ เค้ายื่นตั๋วใหม่มาให้ พร้อมกับบอกว่า "อัปเกรดตั๋วเป็น Business Class ให้นะคะ" รู้สึกเหมือนส้มหล่นยังไงไม่รู้ ปกติเคยนั่งแต่ Economy มาตลอด

หลังจากได้นั่ง Business Class มาพักใหญ่ ๆ ก็มาถึงสนามบินซะที ผมเองก็จัดการแลกเงินไทยไป 5000 บาท ได้เงินมาโดนหักค่าธรรมเนียมอีก เลยได้รูปีมาแค่ 5200 รูปีเอง

เราผ่าน ตม. ประมาณเกือบ ๆ เที่ยง เลยมีเวลาค่อนข้างเยอะ ไม่เหมือนของ TG และ JET ที่มาถึงตอนดึก ๆ ก็เลยตกลงว่าจะลองนั่งรถเมล์เข้าเมืองดู เดินออกมาด้านนอกก็จะเห็นบริเวณที่จอดรถเมล์ มีป้ายเล็ก ๆ บอกอยู่ด้านบน ถามเจ้าหน้าที่เค้าบอกว่ารถเมล์จะมาตอนเที่ยง แต่คราวนี้มาตรงเวลาแฮะ มาถึงเที่ยงเป๊ะเลย

เราก็นั่งรถไปลงสถานีรถไฟนิวเดลลี ราคาตั๋วก็คนละ 50 รูปี รถเมล์คันนี้จะวิ่งวนไปที่สนามบิน Domestic ก่อน แล้วก็วนในเมืองไปเรื่อย ๆ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึงก็มาถึงปลายทาง

ระหว่างทางก็มีเรื่องให้ รู้สึก Incredible สมกับสโลแกนของประเทศเค้า ระหว่างรถติดไฟแดง มีผู้ชายบนรถวิ่งลงไปปล่อยเบาริมถนน แถมยังมาช้า ไฟเขียวแล้วก็ยังไม่มา ไม่รู้ว่าคนขับตะโกนด่า หรือตะโกนเรียก ปากก็ด่าไป แต่ว่าก็ยังรอจนเค้าทำธุระเสร็จกลับมาขึ้นรถแล้วค่อยออกรถเดินทางต่อ


บริเวณชานชาลามีสะพานลอย เพื่อที่คนจะได้เดินไปลงชานชาลาต่าง ๆ ได้ เราก็เดินเก้ ๆ กัง ๆ ขึ้นไปบนสะพานลอยด้วยความไม่แน่ใจ ก่อนจะถึงชานชาลาก็จะมีเครื่องตรวจอาวุธ และทหารนั่งอยู่ พอเราจะเดินเข้าไปก็มีคนเดินเข้ามาห้ามเราพร้อมกับถามหาตั๋วรถไฟ ทำให้ตอนนั้นเราเข้าใจว่า ตรงนี้คงเป็นสะพานลอยเพื่อจะเดินเข้าไปที่ชานชาลาต่าง ๆ ไม่มีตั๋วเข้าไม่ได้ แล้วจุดผิดพลาดของเราก็คือตรงนี้เอง ตรงที่เราไม่สังเกตคนอินเดียคนอื่น ๆ ว่าเค้าเข้าไปโดยใช้ตั๋วรึเปล่า ด้วยคนที่มาห้ามเราดูน่าเชื่อถือเหมือนเจ้าหน้าที่ แล้วทหารที่นั่งอยู่ที่โต๊ะก็ไม่เห็นว่าอะไร เราก็เลยติดกับดักที่ 1 ซะแล้ว

คน ที่ห้ามเราบอกว่าต้องไปซื้อตั๋วที่ Tourist office ซะก่อน เราก็ถามว่าแล้วมันอยู่ตรงไหนหละ เจ้านี่ก็ชี้ซี้ซั๊วไปข้างนอก แต่ผมก็ยังถามต่อว่ามันอยู่ในสถานีไม่ใช่เหรอ เจ้านั่นก็ชี้ไปข้าง ๆ แล้วบอกว่า ไม่เห็นเหรอว่าตอนนี้สถานีกำลังทำการปรับปรุงซ่อมแซมอยู่ ออฟฟิศเลยย้ายไปข้างนอก แหนะมุกนี้เคยอ่านมาแล้วเหมือนเป๊ะเลย หยั่งกะดูหนังซ้ำ

แล้วเราก็พลาดจุดที่ 2 ที่ดันไปถามว่าเราจะไป Pahar Ganj เนี่ย จะข้ามถนนไปยังไง เจ้านั่นก็ตอบมาทันทีว่า ตอนนี้เดลลีกำลังสร้าง Metro ใหม่อยู่ Pahar Ganj โดนย้ายไปหมดแล้ว เราก็อึ้งไปชั่วขณะ เพราะตอนนี้เดลลีกำลังสร้าง Metro จากสนามบินเข้าเมืองอยู่จริง ๆ

แล้วก็เลยเดินลงมาแล้วพยายามไปข้าม อีกสะพานลอยนึง ก็เจอสภาพแบบเดียวกัน คือ ไม่ให้ผ่านถ้าไม่มีตั๋ว พอเดินลงมาเราก็ไปยืนเปิด LP อยู่ข้าง ๆ ห้องขายตั๋ว ก็มีคนเดินออกมาถามเราว่าหาอะไรอยู่รึเปล่า แล้วเราก็พลาดงับเหยื่อคำเบ้อเร่อ บอกความต้องการเราไป เจ้าคนนี้ก็พูดเหมือนคนแรกหยั่งกะถ่ายเอกสารกันมา แต่อารมณ์ตอนนั้นมันค่อนข้างสับสนกับการมาเดลลีเป็นครั้งแรก ถึงเราจะรู้ข้อมูลเรื่องการหลอกนักท่องเที่ยวมา ก็ทำเอาเราเขวได้เหมือนกัน แล้วคนนี้ก็พาเราไปที่รถตู้บอกว่า จะให้รถตู้พาไปที่ Tourist Information หาโรงแรมให้เพราะ Pahar Ganj มันโดนย้ายไปแล้ว ที่พักตอนนี้หายากมาก ๆ แต่เราก็ปฎิเสธรถตู้คันนั้น แล้วก็เดินเข้ามาในสถานีอีกที

พอเราไปถึงออฟฟิศปุ๊บ ก็เห็นป้ายหน้าร้านเขียนว่า Goverment Tourist................... ชื่อยาวเหยียด แต่ลงท้ายด้วย India Tours พอลงรถจ่ายตังเจ้าคนที่นั่งมากับคนขับก็พยายามยื้อยุดฉุดกระชากให้เราเข้าไป ในออฟฟิศให้ได้ ตอนนั้นให้ตายผมก็ไม่เข้าไปเด็ดขาด บอกว่าให้เค้ารอในออฟฟิศก่อนก็ได้ ตอนนี้เราหิวมากจะไปหาข้าวกินก่อน แล้วก็รีบเดินเร็ว ๆ หนีออกมา กว่าจะหลุดออกมาได้แทบแย่ แต่พอออกมาข้างนอก ด้วยความที่เรา 2 คนยังสะพายเป้ใหญ่คนละใบ ทำให้เราได้รับมิตรภาพมากมายจากคนท้องถิ่น เข้ามาทักทาย พูดคุย สอบถามด้วยความห่วงใย แต่แฝงด้วยเจตนาไม่ดี ซึ่งได้มาอ่านใน LP ทีหลังว่าย่าน Connaught Place ก็เป็นอีกบริเวณที่มีคนพวกนี้คอยหากินกับนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

เรา เดิน ๆ ไปเจอร้าน Fast Food ก็เลยเข้าไปก่อนเพื่อลี้ภัยชั่วคราว ผมเองยังไม่หิวเลยยังไม่ได้กินอะไร ส่วนพี่นัทก็ไปซื้อของมากิน ระหว่างรอผมก็สอดส่องสายตามองคนรบอตัว ดูว่าจะมีคนไหนที่เราจะพอไว้ใจได้บ้างมั๊ย ก็เห็นโต๊ะข้าง ๆ เป็นวัยรุ่น น่าจะกำลังรวมกลุ่มกันทำรายงาน หรือการบ้านอะไรซักอย่าง ดูน่าจะพอไว้ใจได้ พอกินเสร็จเราก็เลยเริ่มถามทันที ปรากฎว่าเค้าไม่รู้จักย่านนั้นเลย ก็เลยแห้วไป พวกเราก็เลยถือแผนที่เดินไปถามคนขายอาหาร แต่ตอนที่กำลัง ถามก็ดันมีคนใจดีมาช่วยเราตอบอีก แล้วก็บอกว่าถ้าจะจองตั๋วรถไฟเค้าช่วยได้นะ เค้าไม่ได้มาหลอกอะไร แถมโชว์กระดาษแผ่นนึงเขียนชื่อรถไฟ สถานี แล้วก็โม้ว่าไปจองที่นี่ง่ายมาก แถมได้ราคาถูก ซึ่งผมดูบนกระดาษแล้วข้อมูลเขียนด้วยมือ ไม่มีตรงไหนที่แสดงว่าเป็นตั๋วรถไฟได้เลย สถานที่ที่ว่าชื่อ CDC อะไรซักอย่างนี่แหละผมจำไม่ค่อยได้ แล้วก็หยิบยื่นน้ำใจว่าเค้าว่างนะ ถ้าให้เค้าพาไปก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าผมต้องปฎิเสธ เค้าก็ยังอุตส่าห์ชี้ทางให้ว่าไปทางไหน แล้วก็ย้ำนักย้ำหนาว่าไปที่นี่ได้ตั๋วชัวร์

พอกินอาหารเสร็จ เดินออกมานอกร้านก็ดันเจอกะเจ้าคนที่พาเรามา ทำเอาเราตกใจต้องรีบเดินหนี แล้วไปเจอคนเกาหลี 2 คน เลยถามว่าเค้าพักที่ไหน เค้าก็ตอบว่าพักแถว ๆ Pahar Ganj ซึ่งก็คลายข้อสงสัยเราไปได้ข้อนึง

แล้วเราก็เรียกออโต้ริกชอร์ไปที่ Pahar Ganj ในใจก็ภาวนาว่าให้ช่วยไปส่งเราถึงที่ซะทีเถอะ เราเหนื่อยแล้วต้องการที่พัก โชคดีที่คันนี้พาไปส่งแบบไม่มีลูกตุกติก แล้วก็ไปเดินหาโรงแรม ได้ห้องพักที่ Shelton Hotel

หลังจากได้ห้องพักแล้ว สิ่งต่อไปที่เราจะต้องทำก็คือต้องไปหา Tourist Office ในสถานีเพื่อทำการจองตั๋วรถไฟที่จะไป Agra ในวันรุ่งขึ้น แล้วตั๋วนอนเพื่อกลับจาก Udaipur ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์

ซึ่งแน่นอน ว่าเราก็ต้องเจอมารผจญอีกรอบ คราวนี้ก็อีกเช่นเคยมีคนเข้ามาทักทายเรามากมาย พร้อมกับชี้ซี้ซั๊วไปด้านนอกอีกเช่นเคยว่า Office ย้ายออกไปแล้ว ตรงชานชาลาที่ 1 ซึ่งติดกับชั้นล่าง พอเราเดินเก้ ๆ กัง ๆ เข้าไป ก็มีคนมาห้ามเราอีกแล้ว บอกว่าไม่มีตั๋วห้ามเข้ามา ต้องไปซื้อตั๋วที่ออฟฟิศด้านนอก

แล้วป้ายบอกทางไป Office ขายตั๋วก็ไม่มีบอก จนเราเดินมาเจอบันได ถึงมีป้ายบอกว่าออฟฟิศอยู่ชั้นบน แต่ความพยายามของคนที่นี่ก็ยังไม่จบสิ้น ขนาดป้ายอยู่ตรงหน้าเราแท้ ๆ ก็ยังมีคนมายืนห้ามหน้าบันไดบอกว่า ออฟฟิศย้ายไปข้างนอกแล้ว

ไหน ๆ ผมก็โดนมาแล้ว ไม่อยากให้ใครต้องไปเสียเวลาเจอแบบผมอีก ขอวาดแผนที่ที่จะไปออฟฟิศจองตั๋วคร่าว ๆ ให้ดูนะครับ จะเดินขึ้นบันได หรือลิฟต์ไปชั้น 2 ก็ได้ ออฟฟิศอยู่ติด ๆ บันไดเลย

ในห้องขายตั๋ว เราจะต้องไปหยิบใบจองตั๋วรถไฟ ในนั้นจะมีให้เขียนเลขขบวน ต้นทาง ปลายทาง วัน เวลา ชื่อผู้เดินทาง ฯลฯ ซึ่งจะมีบอร์ดบอกรถไฟขบวนต่าง ๆ อยู่ด้านใน ซึ่งก็บอกไม่ครบทุกขบวนหรอกครับ อย่างขบวนที่ผมต้องการกลับจาก Udaipur ก็ไม่มีบอกบนบอร์ด ซึ่งขบวนรถไฟสามารถหาได้จากเวปนี้ครับ http://www.indianrail.gov.in/ ซึ่งเดี๋ยวในกระทู้สุดท้ายผมจะมาบอกวิธีหาอีกทีครับ ผมเองตอนแรกก็งมอยู่นานเหมือนกันกว่าจะใช้เป็น ถ้าเป็นแล้วใช้ง่าย และสะดวกมาก ๆ ครับ

พอกรอกข้อมูลในใบจองแล้ว ก็ไปต่อคิวครับ ซึ่งอาจจะเห็นคนก่อนหน้าเราบางคนนั่งจองนานมาก ก็เนื่องจากขบวนที่เค้าต้องการอาจจะเต็มทำให้ต้องเลื่อนวัน เลื่อนเวลา หรือเลื่อน Class ซึ่งผมเองก็โดน รถที่จะไป Agra วันนึงมีเป็น 10 เที่ยว แต่ขบวน Express ที่ผมต้องการเต็มซะแล้ว ขบวนอื่น ๆ ก็เต็มหมด เหลือขบวนที่เป็นตู้นอน 2 ที่นั่งสุดท้าย ซึ่งตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ ตอนนี้เป็น Paranoid ไปหมดแล้ว ไม่เชื่อใครทั้งนั้น ต้องเห็นหน้าจอเองกับตาถึงค่อยเชื่อ ส่วนขบวนกลับจาก Udaipur ก็เช่นกัน เหลือแต่แบบนอนเตียง 3 ชั้น 2 ที่นั่งสุดท้าย เลยไม่ต้องเลือกเลยครับว่าจะจองชั้นไหน ไม่น่าเชื่อว่าจองล่วงหน้าตั้งเกือบอาทิตย์ ที่นั่งยังเกือบเต็ม ไม่รู้ว่าเค้ามีระบบโควต้าให้นักท่องเที่ยวรึป่าว ถึงได้เต็มเร็วแบบนี้

เที่ยวอินเดีย แบบแฉหมดเปลือก ตอนที่ 1 : ก้าวแรกในอินเดีย บททดสอบความหนักแน่น ...
เที่ยวอินเดีย แบบแฉหมดเปลือก ตอนที่ 2 : คนทั้งโลกคงประนาม ...
เที่ยวอินเดีย แบบแฉหมดเปลือก ตอนที่ 3 : Fatehpur Sikri
เที่ยวอินเดีย แบบแฉหมดเปลือก ตอนที่ 4 : Amber Fort มองไกล ๆ ...
เที่ยวอินเดีย แบบแฉหมดเปลือก ตอนที่ 5 : Jodhpur นครสีฟ้า
เที่ยวอินเดีย แบบแฉหมดเปลือก ตอนที่ 6 : Udaipur, The Romantic Lake ...

เที่ยวอินเดีย แบบแฉหมดเปลือก ตอนที่ 7 : Ranakpur ...
เที่ยวอินเดีย แบบแฉหมดเปลือก ตอนที่ 8 : หมูสยามโดนเชือด
เที่ยวอินเดีย แบบแฉหมดเปลือก ตอนที่ 9 : การเตรียมตัว ที่พัก การเดินทาง ...




ข้อมูลหาได้จาก  http://board.trekkingthai.com/board/show.php?forum_id=2&topic_no=116500&topic_id=117870



No comments:

Post a Comment