Monday, October 26, 2015

ภูเขาไฟฟูจิ Fuji Mountain, Japan

ภูเขาไฟฟูจิ Fuji Mountain, Japan 
โดย วินิจ รังผึ้ง

ถ้าจะยกให้ซากุระเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ที่โดดเด่นของประเทศญี่ปุ่น ภูเขาไฟฟูจิก็คงถือเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างที่โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะ ภูเขาไฟรูปทรงกรวยที่สวยงามที่สุดแห่งนี้ นับเป็นสัญลักษณ์ที่ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) หรือ ฟูจิซัง (Fujisan) นั้น เป็นภูเขาไฟที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น และหลายๆ คนก็ยังยกย่องให้เป็นภูเขาไฟที่สวยงามที่สุดในโลก เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีความสูงถึง 3,776.24 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีฐานเป็นวงกลมที่มีเส้นรอบวงยาวรอบฐานประมาณ 124.8 กิโลเมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลางฐานประมาณ 40-48 กิโลเมตร ยอดปล่องภูเขาไฟมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 480 เมตร
     
ด้วยภูเขาไฟฟูจิแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดชิสุโอกะ และจังหวัดยามานาชิ ห่างจากโตเกียวเมืองหลวงของญี่ปุ่นไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 100 กิโลเมตร ซึ่งห่างไม่มากนัก ฟูจิจึงมีความผูกพันกับชาวญี่ปุ่นมาแต่ครั้งอดีต เพราะความสวยงาม ยิ่งใหญ่และโดดเด่นซึ่งในวันที่อากาศสดใสทัศนวิสัยดีเยี่ยมนั้น ภาพของยอดภูเขาไฟฟูจินั้น สามารถจะมองเห็นได้ไกลถึง 80-100 กิโลเมตร เรียกว่า มองเห็นจากกรุงโตเกียวกันเลยทีเดียว นั่นจึงทำให้ภาพของภูเขาไฟฟูจิเป็นเสมือนฉากหลังที่สวยงามของวัดวาอาราม อาคารบ้านเรือน สวนสวยหรือสถานที่ต่างๆ มาแต่ครั้งอดีต ซึ่งเรื่องราวและภาพที่สวยงามของภูเขาไฟฟูจินั้นได้ปรากฏอยู่มากมายในบทกวี ไฮกุ บนทังกะ หรือภาพปักในพุทธศาสนา ปรากฏอยู่ในอุคิโยเอะ หรือภาพพิมพ์โบราณสไตล์ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ในลายเขียนเครื่องปั้นดินเผา ปรากฏอยู่ในลายผ้าทอ ลายกิโมโนมาแต่ครั้งโบราณ

ความงดงาม ยิ่งใหญ่สูงตระหง่านของภูเขาไฟฟูจิ ทำให้ภูเขาไฟแห่งนี้เป็นเสมือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นดินแดนที่เชื่อมต่อกับสรวงสวรรค์มาแต่ครั้งอดีต ซึ่งชื่อของภูเขาไฟฟูจินั้น ตั้งขึ้นตามชื่อของเทพธิดาแห่งไฟของชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ ฟูชิ (Fuchi) ปัจุบันยังมีศาลเจ้าของเทพธิดาแห่งไฟตั้งอยู่บนยอดฟูจิเลย ในอดีตนั้นชาวไอนุ ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมของญี่ปุ่นถือว่ายอดฟูจิเป็นสถานที่ ศักดิ์สิทธิ์ที่ใครก็ตามไม่อาจจะล่วงล้ำก้ำเกินขึ้นไปได้ กระทั่งมีนักแสวงบุญท่านหนึ่งเดินทางขึ้นไปพิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิในปี พ.ศ.1206 แล้วตั้งศาลเจ้าศาสนาชินโตขึ้นบนนั้นในเวลาต่อมา ตราบจนถึงปัจจุบันจึงมีทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทาง ขึ้นไปพิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิ ขึ้นไปไหว้พระขอพรบนยอดเขาปีละมากมายมหาศาลเลยทีเดียว โดยทางการญี่ปุ่นจะอนุญาตและเปิดให้นักท่องเที่ยวปีนยอดฟูจิได้ปีละ 2 เดือนในช่วงฤดูที่หิมะบนยอดเขาละลายคือในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมเท่านั้น โดยนักท่องเที่ยว นักปีนเขาจะสามารถเดินทางด้วยรถยนต์ รถบัสโดยสารประจำทาง ซึ่งจะขึ้นไปส่งได้ถึงบริเวณเชิงเขาชั้นที่ 5 และจากชั้นที่ 5 ขึ้นไปจนถึงชั้นที่ 10 หรือจุดสูงสุดบนยอดเขานั้นก็จะต้องเดินเท้าตามเส้นทางเดินบนภูเขาไต่ความสูง ชันขึ้นไปเรื่อยๆ ใช้เวลาเดินขึ้นเฉลี่ยราว 6 ชั่วโมงและเดินลงราว 4 ชั่วโมง ซึ่งนักท่องเที่ยวและนักแสวงบุญนิยมใช้เวลา 2 วัน 1 คืน ในการขึ้น-ลง โดยระหว่างทางจะมีที่พักเป็นจุดๆ มีร้านค้าขายเครื่องดื่ม และอาหารร้อนๆ มีจุดประทับตราบนไม้เท้าเป็นที่ระลึก และมีที่พักแบบง่ายๆ มีที่ให้นอนบนพื้นที่แคบๆ ที่พอจะสอดตัวเข้าไปนอนในถุงนอนเพื่อนอนพักเอาแรงไว้ตื่นขึ้นมาตอนตี 1 ตี 2 เพื่อจะเดินต่อขึ้นไปให้ทันชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขาในตอนเช้าตรู่ แทบไม่น่าเชื่อว่าบนยอดเขานั้นจะมีทั้งศาลเจ้า ตู้โทรศัพท์ ตู้ไปรษณีย์ให้ส่งไปรษณียบัตรประทับตราไปรษณีย์ยอดเขาฟูจิส่งไปให้เพื่อนฝูง คนที่รัก หรือส่งกลับไปให้ตัวเองไว้เป็นที่ระลึก ชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าในชีวิตหากมีโอกาสก็จะต้องขึ้นไปพิชิตและขอ พรบนยอดภูเขาไฟฟูจิให้ได้สักครั้ง

นอกจากฟูจิจะมีรูปทรงกรวยคว่ำที่งดงาม สูงตระหง่านโดดเด่น และบนยอดที่มักจะมีหิมะสีขาวครอบคลุมอยู่เกือบทั้งปีจนงดงามเป็นที่หลงใหล ของผู้คนที่ได้พบเห็นแล้ว รอบข้างบริเวณเชิงเขายังเป็นที่ตั้งของทะเลสาบงดงาม 5 แห่ง คือ ยามานากาโกะ คาวากุชิโกะ โมโตสุโกะ โชจินโกะ และ ไซโก้ และยังมีสวนสาธารณะ แหล่งน้ำพุร้อน แหล่งอาบน้ำแร่แบบออนเซน และอุทยานแห่งชาติตั้งอยู่รายรอบ ทะเลสาบ สวนสาธารณะ และแหล่งท่องเที่ยงเหล่านี้จึงมีวิวทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาไปฟูจิตั้ง ตระหง่านเป็นฉากหลัง นักท่องเที่ยวจึงสามารถจะเดินทางไปเที่ยวชมวิวทิวทัศน์ภูเขาไฟฟูจิได้จากจุด ต่างๆ รอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นช่วงซากุระบานที่มีสวนดอกซากุระสีชมพูผลิบานอยู่เบื้องหน้าแล้ว มียอดภูเขาไฟฟูจิสีขาวเด่นเป็นฉากหลัง หรือตามไร่ชาบนเนินเขาที่มีแนวไร่ชาเขียวขจีเรียงราวขั้นบันได มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิที่งดงาม หรือบริเวณริมทางที่ชาวบ้านปลูกต้นมัสตาดออกดอกสีเหลืองอร่ามตาสดใส มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟทรงกรวยยอดสีขาวโพลนงดงามเด่นตาในวันฟ้าใส หรือแม้แต่บริเวณลานตากปลาตากกุ้งของชาวประมงในจังหวัดชิสุโอกะ ซึ่งในวันเวลาช่วงเปลี่ยนฤดูกาลจากฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกซากุระบาน ชาวประมงจะออกไปวางอวนจับกุ้งฝอยชนิดหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าซากุระเอบิเป็นกุ้งตัวเล็กๆ สีแดงว่ายตามกระแสน้ำมาให้จับขึ้นมาตากเป็นกุ้งแห้งฝอย ซึ่งบริเวณลานตากกุ้งสีแดงสดใส มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิที่งดงามตั้งตระหง่าน ช่างภาพที่มารอถ่ายภาพบริเวณนี้ก็จะได้บรรยากาศของความเป็นหมู่บ้านประมง ญี่ปุ่นอย่างแท้จริงติดไม้ติดมือกลับไป ซึ่งกุ้งซากุระเอบินี้ปีหนึ่งจะมีให้จับกันระยะเวลาสั้นๆ ช่วงเปลี่ยนฤดูกาล 2 ช่วง คือช่วงซากุระบานกับช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเท่านั้น

 คนจำนวนไม่น้อยจะรู้สึกว่าภูเขาไฟฟูจิอันงดงามที่มีหิมะสีขาวปกคลุม ยอดอยู่เกือบทั้งปีแห่งนี้ เป็นภูเขาไฟที่ดับไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงนั้นฟูจิยังเป็นภูเขาไฟที่เพียงหลับใหลอยู่ หรือเพียงแค่สงบอยู่เท่านั้น เป็นภูเขาไฟที่ยังคงมีพลังที่วันใดวันหนึ่งอาจจะมีการปะทุขึ้นมาอีกก็ได้ โดยภูเขาไฟฟูจิมีการปะทุและเกิดระเบิดครั้งล่าสุดเมื่อปี พ.ศ.2250 (ค.ศ.1707) ในสมัยเอโดะหรือเมื่อประมาณ 300 กว่าปีมาแล้ว ซึ่งแรงระเบิดได้พ่นเศษเถ้าถ่านที่ปะทุล่องลอยไปไกลนับร้อยกิโลเมตรจนถึง โตเกียวเลยทีเดียว ฟูจิอาจงดงามเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์เหมือนหญิงสาว แต่ก็มีความลึกลับน่าเกรงขามอยู่ลึกๆ ภายใน ชาวญี่ปุ่นซึ่งได้ชื่อว่าเป็นชนชาติที่มีวิถีชิวิตอยู่ใกล้ชิดภัยธรรมชาติ และความเสี่ยงนานาชนิดมาโดยตลอด ก็ยังมีคำกล่าวที่แสดงถึงความไม่ประมาทว่า ภูเขาไฟฟูจิเกิดขึ้นมาได้โดยใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถจะสูญสลายไปในวันใดวันหนึ่งได้เช่นกัน ซึ่งเราก็ได้แต่หวังว่าในช่วง 200-300 ปีนี้ ภูเขาไฟที่สวยงามแห่งนี้จะยังคงหลับอย่างสุขสบายไม่ไหวติงเช่นนี้ตลอดไป




Credit: ผู้จัดการออนไลน์

No comments:

Post a Comment