Thursday, March 26, 2015

ท่องเที่ยวอเมริกา

อเมริกา (America) หรือ สหรัฐอเมริกา (United States of America) เป็นสหพันธรัฐประชาธิปไตย ปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญ ประกอบไปด้วยรัฐ 50 รัฐ ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ มีพรมแดนต่อกับประเทศแคนาดาและเม็กซิโก ส่วนพรมแดนทางทะเลนั้นติดต่อกับประเทศแคนาดา รัสเซียและบาฮามาส โดยมีมหาสมุทรแปซิฟิก ทะเลแบริง มหาสมุทรอาร์กติก มหาสมุทรแอตแลนติก อ่าวเม็กซิโก และทะเลแคริบเบียนเป็นผืนน้ำล้อมรอบ

สภาพภูมิอากาศ
สหรัฐอเมริกามี 4 ฤดูกาล คือ
  • ฤดูร้อน เดือนมิถุนายน – สิงหาคม อากาศร้อนคล้ายเมืองไทย แต่ถ้ามีลมพัด ลมจะเย็นสบายกว่า
  • ฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายน – พฤศจิกายน อากาศจะเริ่มเย็น เพราะจะเข้าฤดูหนาว ฤดูนี้เหมาะแก่การไปท่องเที่ยวมากที่สุด
  • ฤดูหนาว เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ อากาศหนาวมาก อุณหภูมิตั้งแต่ – 30 ํC ถึง10 ํC
  • ฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม – พฤษภาคม อากาศอบอุ่น
เมืองทางแถบตะวันออก ของประเทศอากาศในช่วงฤดูหนาว และฤดูร้อนจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน ส่วนทางด้านชายฝั่งตะวันตกค่อนข้างจะมีฝนตกบ่อย มีหิมะตกพอสมควร ปริมาณแสงแดดก็มีไม่มากนัก ทางตอนกลางของประเทศมีหิมะตกพอสมควรถึงหนักมาก แสงแดดค่อนข้างมาก

หมายเหตุ : ในฤดูใบไม้ร่างจะมีการหมุนเข็มนาฬิกา ให้เวลาเดินหน้าเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง โดยจะหมุนในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคม และในฤดูใบไม้ผลิ จะหมุนเข็มนาฬิกาให้เวลาถอยหลัง 1 ชั่วโมง โดยจะหมุนในวันอาทิตย์แรก ของเดือนเมษายน

เวลา
ด้วยประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างมาก จึงมีการแบ่งความแตกต่างของเวลาตามเส้นแบ่งของโลก เป็น 4 เขตเวลา (Time Zone) คือ
  • Eastern Time Zone (EST) จะมีเวลาช้ากว่าในประเทศไทยเท่ากับ 12 ชั่วโมง
  • Central Time Zone (CST) จะมีเวลาช้ากว่าในประเทศไทยเท่ากับ 13 ชั่วโมง
  • Mountain Time Zone (MST) จะมีเวลาช้ากว่าในประเทศไทยเท่ากับ 14 ชั่วโมง
  • Pacific Time zone (PST) จะมีเวลาช้ากว่าในประเทศไทยเท่ากับ 15 ชั่วโมง
ในแต่ละ Time Zone จะมีเวลาแตกต่างกัน 1 ชั่วโมง ตัวอย่างเช่น เวลาใน Eastern โซน เป็นเวลาบ่าย 4 โมงเย็น เวลาในเขต Central โซนจะเป็นบ่าย 3 โมงเย็น ในเขต Mountain โซนเป็นเวลาบ่าย 2 โมง และเวลาในเขต Pacific โซนจะเป็นเวลาบ่าย โมงตรง เวลาต่างจากไทย : ฝั่งตะวันออก 12 ชั่วโมง ฝั่งตะวันตก 15 ชั่วโมง

เงินตรา
ดอลลาร์สหรัฐ (United States Dollar) เป็นสกุลเงินของประเทศสหรัฐอเมริกา และยังใช้เป็นสกุลเงินสำรองในหลายประเทศทั่วโลก รหัสสากลคือ ISO 4217 ใช้ตัวย่อว่า USD และสัญลักษณ์ $ โดย 1 ดอลลาร์สหรัฐมีค่าเท่ากับ 100 เซนต์ (cents)

ชื่อเล่นที่ชาวสหรัฐเรียก 1 เซนต์ ว่า "เพนนี" (penny), 5 เซนต์ ว่า "นิกเกิล" (nickel), 10 เซนต์ ว่า "ไดม์" (dime), 25 เซนต์ ว่า "ควอเตอร์" (quarter), 1 ดอลลาร์สหรัฐ ($1) ว่า "บั๊ก" (buck) และเรียก หนึ่งพันดอลลาร์สหรัฐ ($1000) ว่า แกรนด์ (grand)

อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 29 กันยายน 2553 อยู่ที่ประมาณ 31 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ


การใช้โทรศัพท์
ในสหรัฐอเมริกามีบริการโทรศัพท์สาธารณะอยู่ทั่วไปทั้งแบบหยอดเหรียญ ใช้บัตรโทรศัพท์ รวมถึงบัตรเครดิต ซึ่งถือได้ว่ามีความสะดวกสบายอย่างมาก นอกจากนี้นักศึกษายังสามารถขอติดตั้งโทรศัพท์ภายในที่พักของตนเองได้อีกด้วย ซึ่งมีขั้นตอนไม่ยุ่งยากเนื่องจากเป็นบริการขั้นพื้นฐานที่ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจัดให้แก่ประชาชน โดยมีองค์กรซึ่งให้บริการอยู่ 2 ประเภท คือ องค์การโทรศัพท์ท้องถิ่น และองค์การโทรศัพท์ทางไกล
  • การโทรศัพท์จากประเทศไทยไปสหรัฐอเมริกาก็สามารถทำได้โดยกด 001 + 1 (รหัสประเทศสหรัฐอเมริกา) + area code + หมายเลขโทรศัพท์ปลายทาง
  • การโทรศัพท์จากสหรัฐอเมริกากลับมาประเทศไทยทำได้โดยกด 011 + 66 (รหัสประเทศไทย) + 2 (รหัสกรุงเทพ) +หมายเลขโทรศัพท์ปลายทาง
สำหรับ ค่าบริการทางบริษัทที่นักศึกษาเลือกใช้บริการจะส่งใบแจ้งหนี้ให้แก่นักศึกษา เป็นรายเดือน ซึ่งในใบแจ้งหนี้จะแจ้งให้ทราบถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น ค่าบริการขั้นพื้นฐาน ค่าโทรศัพท์ภายในท้องถิ่น ค่าโทรศัพท์ทางไกล ซึ่งนักศึกษาสามารถชำระค่าบริการได้ที่ทำการโทรศัพท์ หรือสั่งจ่ายเป็นเช็คแล้วส่งไปทางไปรษณีย์

นอกจากนี้ยังมีบริการโทรศัพท์ทางไกลผ่านทางอินเตอร์เน็ทซึ่งมีอัตราค่า บริการค่อนข้างถูก และเป็นที่นิยมอย่างมากอีกด้วย โดยอัตราค่าบริการจะขึ้นอยู่กับประเทศที่เราต้องการจะโทรไป แต่มีข้อเสีย คือ ผู้ที่ต้องการใช้บริการในรูปแบบนี้จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ต่างๆ ครบ ซึ่งก็คือ คอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ทได้ และHead Phone นอกจากนี้คุณภาพของเสียงก็จะเปลี่ยนไปตามประสิทธิภาพของอินเตอร์เน็ทอีกด้วย

อาหารการกิน
แฮมเบอร์เกอร์ การใช้ขนมปังขนมปังทรงกลม (Bun) หรือแซนด์วิชที่ใส่สติ๊ดแฮมเบิกและส่วนปรุงรสและส่วนประกอบอื่น ๆ (เช่นซอสมะเขือเทศ มัสตาร์ด มายองเนส ผักแก้วสลัด มะเขือเทศ หัวหอมฝรั่ง ผักชวนชิม แตงกวาดองเค็ม ชีสแห้ง ฯลฯ) ไว้ในขนมปังสองแผ่น

เฟรนฟรายด์ มันฝรั่งตัดเป็นชิ้นยาว ๆ และทอดด้วยน้ำมัน กลายเป็นอาหารชนิดหนึ่ง เป็นฟลาสฟุ๊ตประจำชนิดหนึ่ง นิยมในประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป นอกนั้นอุตสาหกรรมผลิตมันฝรั่งทอด ซึ่งใช้มันฝรั่งบดเป็นผงและอัดแผ่นทอดน้ำมันอีกที

สเต็ก เสต็ก เนื้อเป็นก้อน ๆ เป็นอาหารฝรั่งที่พบบ่อย วิธีปรุงก็คือเจียนและบาร์บีคิวเป็นหลัก สเต็กมักจะไม่คุกสุกเต็มที่ ความสุกที่คุกเป็นไปตามควมาชอบของแต่ละคน

มัฟฟิน เป็น scones ชนิดหนึ่งที่มาจากประเทศเบลเยี่ยม ใช้เตาอบ waffle iron อบออกมา โดยแผ่น waffle iron ชั้นบนกับชั้นล่างมีกรอกโม แล้วแทแป้งเปียกเข้าไปอัดและอบจนแห้ง สามารถปรุงด้วยแจมรสชนิดต่าง ๆ

เทศกาลสำคัญ
  • เทศกาลปีใหม่ วันที่ 1 มกราคมเป็นวันขึ้นปีใหม่ เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนในวันส่งท้ายปีเก่า ถึงเวลาแล้วชาวอเมริกามีการนัดเจอกันเพือฉลองปีใหม่ อวยพรให้มีความสุขและเจริญเก้าหน้าซึ่งกันและกันในปีใหม่ที่มาถึงนี้
  • เทศกาลอีสเตอร์ ปกติแล้วเป็นวันอาทิตย์วันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ แต่ละปีก็จะไม่เหมือนกัน เป็นวันที่ชาวคริสเฉลิมฉลองการคืนชีพของพระเยซูคริสต์
  • วันคริสต์มาส ในวันที่ 25 ธันวาคมเป็นเทศกาลสำคัญอีกวันหนึ่งของชาวคริสต์ เพื่อรำละลึกถึงวันเกิดของพระเยซู สำหรับชาวอเมริกาที่ไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ แต่การตกแต่งบ้านด้วยหลอดไฟ และซื้อต้นคริสต์ม๊าส ส่งของขวัญและบัตรอวยพรได้กลายเป็นประเพณี

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
  • น้ำตกไนแองการ่า
  • ตึกเอ็มไพร์สเตต (Empire State)
  • อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ
  • วอลท์ ดิสนีย์ เวิลด์
  • ออลันโด
  • อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี (Yosemite National Park)
  • สะพานโกลเดนเกต (Golden Gate Bridge)
  • เขื่อนฮูเวอร์
  • แกรนด์แคนยอน
  • ลาสเวกัส
  • ฮอนโนลูลู

No comments:

Post a Comment