คู่มือการท่องเที่ยวราชอาณาจักรเดนมาร์ก (เดนมาร์ก: Kongeriget Danmark)
ราชอาณาจักรเดนมาร์ก (เดนมาร์ก: Kongeriget Danmark) เป็นประเทศกลุ่มนอร์ดิก มีแผ่นดินหลักตั้งอยู่บนคาบสมุทรจัตแลนด์ ทางทิศเหนือของประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านทางบกเพียงประเทศเดียว ทางทิศใต้ของประเทศนอร์เวย์ และตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสวีเดน มีพรมแดนจรดทะเลเหนือและทะเลบอลติก เดนมาร์กมีดินแดนนอกชายฝั่งห่างไกลออกไปสองแห่ง คือหมู่เกาะแฟโรและกรีนแลนด์ ซึ่งแต่ละแห่งมีอำนาจปกครองตนเอง
เดนมาร์ก เป็นประเทศที่มีการปกครองระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญและเป็นส่วนหนึ่ง ของสหภาพยุโรป แต่ยังไม่เข้าร่วมใช้สกุลเงินยูโร เดนมาร์กเป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ
เมืองหลวงโคเปนเฮเกน (Copenhagen)
ที่ตั้งคาบสมุทรจัตแลนด์ (Jutland) ทางตอนเหนือของทวีปยุโรประหว่างทะเลเหนือกับทะเลบอลติก
ภูมิศาสตร์
เดนมาร์ก แต่เดิมเป็นดินแดนที่มีทรัพยากรธรรมชาติน้อย พื้นที่ตลอดชายฝั่งเป็นสันทรายกว้างใหญ่ พื้นที่ส่วนอื่นเกิดจากธารน้ำแข็งและหนองน้ำ เดนมาร์กตั้งอยู่ระหว่างทะเลบอลติกและทะเลเหนือ ล้อมรอบด้วยพื้นน้ำเกือบทั้งหมด ภูมิประเทศประกอบด้วยคาบสมุทร Jutland (Jylland) และเกาะต่างๆอีก 406 เกาะ ในจำนวนนี้ 76 เกาะมีผู้อยู่อาศัย เกาะใหญ่ที่สุดคือ Zealand (Sjælland), Funen (Fyn), Lolland และ Bornholm เกาะ Bornholm จะอยู่ในทะเลบอลติกทางด้านตะวันออกของประเทศ เกาะอื่นๆส่วนใหญ่จะเป็นเกาะที่มีขนาดเล็กมาก ที่มีผู้อยู่อาศัยเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย เกาะขนาดใหญ่จะเชื่อมต่อกันด้วยสะพาน สะพาน Øresund เชื่อมต่อเกาะ Zealand กับประเทศสวีเดน สะพาน Great Belt เชื่อมต่อเกาะ Funen กับเกาะ Zealand และสะพาน Little Belt เชื่อมต่อคาบสมุทร Jutland กับเกาะ Funen เรือเฟอร์รี่และเครื่องบินจะใช้เพื่อการเดินทางไปยังเกาะเล็กๆ เมืองหลวงหลักคือโคเปนเฮเกน (อยู่บนเกาะ Zealand) Århus, Aalborg, Esbjerg (อยู่บนคาบสมุทร Jutland) และ Odense (อยู่บนเกาะ Funen) พื้นที่เกือบทั้งหมดเป็นที่ราบไม่มีภูเขา นอกจากหมู่เกาะแฟโร และเกาะกรีนแลนด์ซึ่งเป็นดินแดนโพ้นทะเลจะมีทั้งที่ราบสูง และภูเขาสูง
ภูมิประเทศ มีที่ราบสูงเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ มีความสูงเฉลี่ยจากระดับน้ำทะเลเพียง 31 เมตร จุดที่อยู่สูงที่สุดตามธรรมชาติคือเนินเขา Møllehøj อยู่ที่ความสูง 170.86 เมตร[3] เนินเขาอื่นๆในบริเวณ Århus ตะวันตกเฉียงใต้ คือ Yding Skovhøj ที่ 170.77 เมตร และ Ejer Bavnehøj ที่ 170.35 เมตร ขนาดผืนน้ำบนผืนดินคือ 210 ตารางกิโลเมตร ในเดนมาร์กตะวันออก และ 490 ตารางกิโลเมตร ในเดนมาร์กตะวันตก
ช่องแคบออร์ซึนด์ (Oresund) ทางตะวันออกของประเทศ เป็นช่องแคบระหว่างเกาะ Zealand และประเทศสวีเดน เดนมาร์กมีอำนาจมากในการควบคุมทางผ่านช่องแคบนี้ สามารถเรียกเก็บภาษีจากผู้ผ่านเข้าออกได้
รูปแบบการปกครองประชาธิปไตยแบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy)
ประวัติโดยสังเขป
เดนมาร์ก เป็นราชอาณาจักรเก่าแก่ที่สุดในยุโรป โดยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชของเดนมาร์กเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1528 (ค.ศ.985) และได้เปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยเมื่อปี 2392 (ค.ศ.1849) ซึ่งเป็นปีที่รัฐธรรมนูญฉบับแรกได้ถูกร่างขึ้นราชอาณาจักรเดนมาร์กเคยครอบ คลุมถึงสวีเดนและนอร์เวย์ จนกระทั่งสวีเดนแยกตัวออกไปเมื่อปี 2066 (ค.ศ.1523) และเดนมาร์กสูญเสียนอร์เวย์ให้แก่สวีเดนภายใต้สนธิสัญญา Kiel เมื่อปี 2357 (ค.ศ.1814) ภายหลังสงครามนโปเลียนยุติลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างปี 2457 – 2461 (ค.ศ.1914-1918) เดนมาร์กได้ดำเนินนโยบายเป็นกลาง และเมื่อปี 2482 (ค.ศ.1939) ในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2เดนมาร์กได้ประกาศความเป็นกลาง อย่างไรก็ดี เดนมาร์กถูกกองทัพเยอรมันเข้ายึดครองเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2483 (ค.ศ.1940) ซึ่งนำไปสู่การรวมตัวของขบวนการต่อต้านของประชาชนชาวเดนมาร์กโดยตลอดช่วง สงครามฝ่ายเยอรมันได้ตอบโต้ด้วยการเข้าปกครองเดนมาร์กโดยตรง จนกระทั่งวันที่ 5 พฤษภาคม 2488 (ค.ศ.1945) เดนมาร์กถูกปลดปล่อยโดยกองกำลังพันธมิตร และภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เดนมาร์กได้รับรองความเป็นเอกราชของไอซ์แลนด์ (เป็นดินแดนหรือเกาะโพ้นทะเลที่เดนมาร์กได้ปกครองมาตั้งแต่ในสมัยที่ เดนมาร์กยังคงรวมราชอาณาจักรกับนอร์เวย์) ซึ่งได้ประกาศตัวเป็นเอกราชเมื่อปี 2487 (ค.ศ.1944) และต่อมาเดนมาร์กได้ให้สิทธิในการปกครองตนเองแก่หมู่เกาะแฟโรและเกาะ กรีนแลนด์ เมื่อปี 2491 (ค.ศ.1948) และปี 2522 (ค.ศ.1979) ตามลำดับ ในปี 2496 (ค.ศ.1953) รัฐธรรมนูญเดนมาร์กได้รับการแก้ไขซึ่งส่งผลทำให้มีบทบัญญัติใหม่ที่สำคัญๆ ในเรื่องต่างๆ ได้แก่ ให้รัชทายาทสตรีมีสิทธิขึ้นครองราชสมบัติ กำหนดให้รัฐสภามีเพียงสภาเดียว และให้ประชาชนชาวเดนมาร์กชายและหญิงที่มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งได้ ปัจจุบันเดนมาร์กเป็นราชอาณาจักรโดยมีพระมหากษัตริย์ภายใต้ระบอบรัฐธรรมนูญ เป็นประมุข คือ สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอ ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ซึ่งเสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2515 (ค.ศ.1972) และทรงเป็นพระประมุขแห่งเดนมาร์กลำดับที่ 52 (เดนมาร์กมีพระมหากษัตริย์ตั้งแต่ปี 1528 (ค.ศ.985)) สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอ ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2543 (ค.ศ.2000)
ภาษาภาษาเดนิช (Danish)
ศาสนาประชากรร้อยละ 97 นับถือศาสนาคริสต์ นิกาย Evangelical Lutheran
วัฒนธรรมฮัน ส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน เป็นที่รู้จักทั่วไปนะฐานะนักแต่งนิทานอันโด่งดังของเดนมาร์ก จากนิทานหลายๆ เรื่องของเขา เช่น พระราชากับชุดล่องหน (The Emperor’s New Clothes), เงือกน้อยผจญภัย (The Little Mermaid), และ ลูกเป็ดขี้เหร่ (The Ugly Duckling) ฯลฯ จากนี้ยังมี นักเขียนรางวัลโนเบล คาเรน บลิกเซน, เฮนริก พอนทอปพิแดน นักฟิสิกส์รางวัลโนเบล นีลส์ บอร์ นักวาดการ์ตูนล้อเลียน วิกเตอร์ บอร์จ และนักปรัชญา ซอร์เรน เคียร์เกการ์ด ทั้งหมดล้วนสร้างชื่อเสียงให้แก่ตนเองและประเทศเดนมาร์กในระดับต่างประเทศ ทั้งสิ้น ในกรุงโคเปนเฮเกนล้วนมีสถานที่ที่สวยงามและน่าสนใจมากมายเช่น สวนทิโวลี, พระราชวังอาเมเลียนเบิร์ก (ที่พำนักของพระราชวงศ์เดนมาร์ก), พระราชวังคริสเตียนเบิร์ก, มหาวิหารโคเปนเฮเกน, ปราสาทโรเซนเบิร์ก, โรงละครโอเปร่า, โบสถ์เฟดเดอร์ริก, พิพิธภัณฑ์โทรวาร์ลด์เซน และรูปแกะสลักนางเงือก ฯลฯ ส่วนนครที่ใหญ่อันดับสองของประเทศคือ เมืองอาร์เธอร์ ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ที่ก่อตังขึ้นในสมัยไวกิง และเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศด้วย ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดของประเทศและใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ ที่ 2 ของภูมิภาคยุโรปเหนือ เดนมาร์กยังเป็นประเทศผู้นำทางด้านการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเหมือนกับประเทศใน แถบสแกนดิเนเวียอื่นๆ เช่นการออกกฎหมายให้สื่อลามกเป็นสิ่งถูกกฎหมายหรือการออกกฎหมายให้ผู้รัก ร่วมเพศสามารถสมรสกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
สกุลเงินเดนิชโครน (Danish Krone - DK)
อัตราแลกเปลี่ยน1 DK ประมาณ 5.5 บาท เช็คอัตราแลกเปลี่ยนทั่วโลก
วันชาติ16 เมษายน (วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระราชินีนาถ
มาร์เกรเธอ ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก (Her Majesty Queen Margrethe II)
สังคม
เมืองใหญ่ของเดนมาร์กที่มีประชากรหนาแน่นที่สุด 4 เมืองตามลำดับ ได้แก่
1) กรุง Copenhagen (1.5 ล้านคน) ตั้งอยู่บนเกาะ Zealand ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดของประเทศ
2) เมือง Arhus (265,000 คน) ตั้งอยู่บนคาบสมุทร Jutland
3) เมือง Odense (173,000 คน) ตั้งอยู่บนเกาะ Funen และ
4) เมือง Allborg (155,000 คน) ตั้งอยู่บนคาบสมุทร Jutland ระยะเวลาการดำรงชีพ (life expectancy) ถัวเฉลี่ยของสตรีและบุรุษในเดนมาร์กค่อนข้างจะสูง คือ 78 ปี และ 72 ปี ตามลำดับ เนื่องจากเดนมาร์กเป็นประเทศที่มีมาตรฐานการสาธารณสุขในระดับสูง และชาวเดนมาร์กมีรายได้ต่อคนต่อปีประมาณ 26,000 ดอลลาร์สหรัฐเดนมาร์กเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีสตรีประกอบอาชีพในจำนวน ที่สูงมากกล่าวคือ ในอัตราส่วน 9 : 10 ต่อแรงงานชาย ซึ่งการมีงานทำของสตรีชาวเดนมาร์กก่อให้เกิดความรู้สึกที่ภาคภูมิใจและความ เป็นอิสระในทางการเมือง สตรีชาวเดนมาร์กยังได้รับสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้มาตั้งแต่ปี 2458 (ค.ศ.1915) และในทางเศรษฐกิจ สตรีชาวเดนมาร์กได้รับค่าจ้างเท่าเทียมบุรุษตามกฎหมายเดนมาร์ก
การเมืองการปกครอง
เดนมาร์ก เป็นประเทศปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญ สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ทรงดำรงตำแหน่งพระประมุขของเดนมาร์ก
รัฐสภาเดนมาร์ก (Folketing) เป็นระบบสภาเดียว สมาชิกรัฐสภามีจำนวน 179 คน มาจากการเลือกตั้ง (แยกเป็น 175 คนจากเดนมาร์ก 2 คนจากหมู่เกาะ Faroeและอีก 2 คนจากเกาะ Greenland ซึ่งหมู่เกาะทั้งสองเป็นดินแดนโพ้นทะเลภายใต้ราชอาณาจักรเดนมาร์ก ซึ่งได้รับสิทธิในการปกครองตนเอง)
การคมนาคม
ทาง ด้านการคมนาคมของเดนมาร์กที่โดดเด่นที่สุดก็คือ สะพานโอเรซอนด์ ที่เชื่อมทางหลวงยุโรปสายอี 20 ระหว่างโคเปนเฮเกน, เดนมาร์ก ไปยัง มาลโม, สวีเดน โดยเป็นสะพาน – อุโมงค์ มีทั้งทางสำหรับรถยนต์และทางรถไฟ และระบบสะพานเกรตเบลต์ที่เชื่อมระหว่างเกาะซีแลนด์และเกาะฟูเนน ทางทะเลก็มีท่าเรือโคเปเฮนเกน มาลโม ซึ่งก่อนการสร้างสะพานโอเรซอนด์ ท่าเรือแห่งนี้ใช้เป็นเส้นทางหลักในการไปมาระหว่างสวีเดนและเดนมาร์ก ซึ่งปัจจุบันนี้ท่าเรือข้ามฝากระหว่างสองเมืองนี้ได้ลดความสำคัญลงไปแล้ว เป็นผลมาจากการสร้างสะพานโอเรซอนด์นั่นเอง ส่วนการคมนาคมทางรางของเดนมาร์กดำเนินการโดยการรถไฟแห่งเดนมาร์ก (Danish State Railways) สำหรับขบวนรถไฟโดยสาร ส่วนการเดินรถไฟบรรทุกสินค้าดำเนินการโดยบริษัทแรลลิออน (Railion) การควบคุมการจราจรทางรถไฟทั้งระบบควบคุมโดย บานด์ แดนมาร์ก นอกจากนี้ในกรุงโคเปนเฮเกนเองก็มีระบบรถไฟฟ้าใต้ดินขนาดเล็กให้บริการและยัง มีบริการรถไฟชานเมืองด้วย สายการบินแห่งชาติของเดนมาร์กคือ สายการบินสแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ซิสเต็ม ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติร่วมกันของสามประเทศคือ นอร์เวย์, สวีเดน และเดนมาร์ก สนามบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศคือสนามบินโคเปนเฮเกน และยังเป็นสนามบินหลักที่ใหญ่ที่สุดของสายการบินแห่งชาติ ทางทะเลมีบริการเรือเฟอร์รี่ระหว่างเกาะแฟโรกับกรุงโคเปนเฮเกนและประเทศ เพื่อบ้านเช่น สวีเดน, นอร์เวย์ และเยอรมนี เป็นต้น ส่วนรถยนต์ของเดนมาร์กจากที่มีรถจดทะเบียนในปี พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) อยู่ทั้งหมด 1,389,547 คัน เพิ่มขึ้นมาเป็น 2,020,013 คัน ใน พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) แต่แม้กระนั้นภาษีของการจดทะเบียนรถยนต์ก็ยังคงสูงลิ่วอยู่เช่นเดิมที่ ประมาณ 180% และมาตรฐานรถยนต์ของเดนมาร์กได้รับการยอมรับว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสูง ด้วย
ประเทศเดนมาร์ก อยู่ในเขตยุโรปเหนือระหว่างทะเลเหนือและทะเลบอลติก ทางทิศเหนือติดคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ทางทิศใต้ติดกับประเทศเยอรมัน พื้นที่โดยส่วนใหญ่ของประเทศเดนมาร์กตั้งอยู่บนคาบสมุทรจัตแลนด์(Jutland)และเป็นพื้นที่ราบ ส่วนที่สูงที่สุดจากระดับน้ำทะเล มีความสูงเพียงราว 170 เมตรเท่านั้นเองคะ เดนมาร์กมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกประเทศหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวทัวร์ยุโรปสนใจมาแวะเที่ยวกันที่นี่
ภูมิอากาศของที่นี่ ในช่วงของเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์จะเป็นฤดูหนาว -5 - 5 องศาเซลเซียส บางพื้นที่ของประเทศอากาศหนาวถึงหนาวจัดและจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ภูมิประเทศเป็นที่ราบและมีเนินเขาต่ำจึงดูสวยงามมากขึ้น ในช่วงฤดูหนาวที่นี่จะยาวนาน ทำให้เดนมาร์กมีวัฒนธรรมประเพณีหลายในฤดูหนาวซึ่งเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ในช่วงของเดือนมีนาคม-มิถุนายน เป็นฤดูใบไม้ผลิ มีอุณหภูมิ 10 - 15 องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่ธรรมชาติของเดนมาร์กสวยงามมากที่สุดอีกช่วงหนึ่งเลยนะค่ะ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับธรรมชาติความเขียวชอุ่ม ดอกไม้ใบหญ้าเต็มทุกพื้นที่ ช่วงเวลานี้ที่อากาศสดชื่นเย็นสบายเหมาะแก่การท่องเที่ยวเดินทางไกลเป็นอย่างมากคะ เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ช่วงฤดูร้อน มีอุณหภูมิ 20 - 25 องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวมาทัวร์ยุโรปนิยมที่สุด เพราะมีพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้าต่างๆ เปิดบริการ และยังมีการแสดงกลางแจ้งจะถูกจัดแสดงในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ช่วงเวลากลางวันจะยาวมากเป็นพิเศษ พระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่ก่อนตีห้าและไม่ตกจนกว่าจะเลยเวลาไปถึง 21.00 น. ไปแล้ว และในช่วงของเดือนกันยายน-พฤศจิกายน เป็นฤดูใบไม้ร่วง มีอุณหภูมิ10 - 15 องศาเซลเซียส อากาศในฤดูนี้จะค่อยๆ เย็นลงเรื่อยๆ แต่ไม่ถึงกับเย็นมากนัก ใบไม้จะเริ่มผลัดใบและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทองก่อนจะร่วงหล่นลงพื้น ซึ่งทำให้เกิดภาพทัศนียภาพของธรรมชาติที่สวยงาม เวลาในเดนมาร์กจะช้ากว่าของไทย 5 – 6 ชั่วโมงคะ ขึ้นอยู่กับฤดูของที่นี่ด้วยคะ ในด้านของศาสนากว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของประชากรที่นี่นับถือศาสนาคริสต์นิกายลูเธอรันภาษาที่ใช้ในประเทศเดนมาร์ก เรียกว่า ภาษาแตนิช แต่คนเดนมาร์กส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ดี รวมทั้งใช้ภาษาเยอรมันในเขตชายแดนที่ติดกับเยอรมนีได้อีกด้วยค่าเงินของเดนมาร์ก เป็นเงินแดนิชมีหน่วยเป็นโครน หรือ DKK 1 โครนมี 100 เอือร์ ธนบัตรของแดนิชมี 10 โครน เป็นสีเขียว,100โครน เป็นสีขาวม่วง และ 50 โครนเป็นสีน้ำเงินส่วนเหรียญแดนิช มี 10 โครน เป็นสีทอง, 5 โครน เป็นเหรียญเงินใหญ่ 2 โครน และ 1 โครน และเหรียญเงิน 50 และ 20 เอือร์
สำหรับเวลาของเดนมาร์กจะช้ากว่าประเทศไทย 5 ถึง 6 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับฤดูกาลนะค่ะ ก่อนเข้าฤดูร้อน อาทิตย์สุดท้ายของเดือนมีนาคม เวลาจะเร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมงเวลาเดนมาร์กจึงช้ากว่าเมืองไทย 5 ชั่วโมง และฤดูหนาว อาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคม เวลาจะช้าลงหนึ่งชั่วโมง ทำให้เวลาเดนมาร์กช้ากว่าเมืองไทย 6 ชั่วโมง ข้อมูลทั่วไปในการเดินทาทัวร์ยุโรปในเดนมาร์กคงสามารถช่วยนักท่องเที่ยวสำหรับการเตรียมได้มากเลยนะค่ะ
ราชอาณาจักรเดนมาร์ก (เดนมาร์ก: Kongeriget Danmark) เป็นประเทศกลุ่มนอร์ดิก มีแผ่นดินหลักตั้งอยู่บนคาบสมุทรจัตแลนด์ ทางทิศเหนือของประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านทางบกเพียงประเทศเดียว ทางทิศใต้ของประเทศนอร์เวย์ และตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสวีเดน มีพรมแดนจรดทะเลเหนือและทะเลบอลติก เดนมาร์กมีดินแดนนอกชายฝั่งห่างไกลออกไปสองแห่ง คือหมู่เกาะแฟโรและกรีนแลนด์ ซึ่งแต่ละแห่งมีอำนาจปกครองตนเอง
เดนมาร์ก เป็นประเทศที่มีการปกครองระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญและเป็นส่วนหนึ่ง ของสหภาพยุโรป แต่ยังไม่เข้าร่วมใช้สกุลเงินยูโร เดนมาร์กเป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ
เมืองหลวงโคเปนเฮเกน (Copenhagen)
ที่ตั้งคาบสมุทรจัตแลนด์ (Jutland) ทางตอนเหนือของทวีปยุโรประหว่างทะเลเหนือกับทะเลบอลติก
ภูมิศาสตร์
เดนมาร์ก แต่เดิมเป็นดินแดนที่มีทรัพยากรธรรมชาติน้อย พื้นที่ตลอดชายฝั่งเป็นสันทรายกว้างใหญ่ พื้นที่ส่วนอื่นเกิดจากธารน้ำแข็งและหนองน้ำ เดนมาร์กตั้งอยู่ระหว่างทะเลบอลติกและทะเลเหนือ ล้อมรอบด้วยพื้นน้ำเกือบทั้งหมด ภูมิประเทศประกอบด้วยคาบสมุทร Jutland (Jylland) และเกาะต่างๆอีก 406 เกาะ ในจำนวนนี้ 76 เกาะมีผู้อยู่อาศัย เกาะใหญ่ที่สุดคือ Zealand (Sjælland), Funen (Fyn), Lolland และ Bornholm เกาะ Bornholm จะอยู่ในทะเลบอลติกทางด้านตะวันออกของประเทศ เกาะอื่นๆส่วนใหญ่จะเป็นเกาะที่มีขนาดเล็กมาก ที่มีผู้อยู่อาศัยเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย เกาะขนาดใหญ่จะเชื่อมต่อกันด้วยสะพาน สะพาน Øresund เชื่อมต่อเกาะ Zealand กับประเทศสวีเดน สะพาน Great Belt เชื่อมต่อเกาะ Funen กับเกาะ Zealand และสะพาน Little Belt เชื่อมต่อคาบสมุทร Jutland กับเกาะ Funen เรือเฟอร์รี่และเครื่องบินจะใช้เพื่อการเดินทางไปยังเกาะเล็กๆ เมืองหลวงหลักคือโคเปนเฮเกน (อยู่บนเกาะ Zealand) Århus, Aalborg, Esbjerg (อยู่บนคาบสมุทร Jutland) และ Odense (อยู่บนเกาะ Funen) พื้นที่เกือบทั้งหมดเป็นที่ราบไม่มีภูเขา นอกจากหมู่เกาะแฟโร และเกาะกรีนแลนด์ซึ่งเป็นดินแดนโพ้นทะเลจะมีทั้งที่ราบสูง และภูเขาสูง
ภูมิประเทศ มีที่ราบสูงเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ มีความสูงเฉลี่ยจากระดับน้ำทะเลเพียง 31 เมตร จุดที่อยู่สูงที่สุดตามธรรมชาติคือเนินเขา Møllehøj อยู่ที่ความสูง 170.86 เมตร[3] เนินเขาอื่นๆในบริเวณ Århus ตะวันตกเฉียงใต้ คือ Yding Skovhøj ที่ 170.77 เมตร และ Ejer Bavnehøj ที่ 170.35 เมตร ขนาดผืนน้ำบนผืนดินคือ 210 ตารางกิโลเมตร ในเดนมาร์กตะวันออก และ 490 ตารางกิโลเมตร ในเดนมาร์กตะวันตก
ช่องแคบออร์ซึนด์ (Oresund) ทางตะวันออกของประเทศ เป็นช่องแคบระหว่างเกาะ Zealand และประเทศสวีเดน เดนมาร์กมีอำนาจมากในการควบคุมทางผ่านช่องแคบนี้ สามารถเรียกเก็บภาษีจากผู้ผ่านเข้าออกได้
รูปแบบการปกครองประชาธิปไตยแบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy)
ประวัติโดยสังเขป
เดนมาร์ก เป็นราชอาณาจักรเก่าแก่ที่สุดในยุโรป โดยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชของเดนมาร์กเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1528 (ค.ศ.985) และได้เปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยเมื่อปี 2392 (ค.ศ.1849) ซึ่งเป็นปีที่รัฐธรรมนูญฉบับแรกได้ถูกร่างขึ้นราชอาณาจักรเดนมาร์กเคยครอบ คลุมถึงสวีเดนและนอร์เวย์ จนกระทั่งสวีเดนแยกตัวออกไปเมื่อปี 2066 (ค.ศ.1523) และเดนมาร์กสูญเสียนอร์เวย์ให้แก่สวีเดนภายใต้สนธิสัญญา Kiel เมื่อปี 2357 (ค.ศ.1814) ภายหลังสงครามนโปเลียนยุติลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างปี 2457 – 2461 (ค.ศ.1914-1918) เดนมาร์กได้ดำเนินนโยบายเป็นกลาง และเมื่อปี 2482 (ค.ศ.1939) ในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2เดนมาร์กได้ประกาศความเป็นกลาง อย่างไรก็ดี เดนมาร์กถูกกองทัพเยอรมันเข้ายึดครองเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2483 (ค.ศ.1940) ซึ่งนำไปสู่การรวมตัวของขบวนการต่อต้านของประชาชนชาวเดนมาร์กโดยตลอดช่วง สงครามฝ่ายเยอรมันได้ตอบโต้ด้วยการเข้าปกครองเดนมาร์กโดยตรง จนกระทั่งวันที่ 5 พฤษภาคม 2488 (ค.ศ.1945) เดนมาร์กถูกปลดปล่อยโดยกองกำลังพันธมิตร และภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เดนมาร์กได้รับรองความเป็นเอกราชของไอซ์แลนด์ (เป็นดินแดนหรือเกาะโพ้นทะเลที่เดนมาร์กได้ปกครองมาตั้งแต่ในสมัยที่ เดนมาร์กยังคงรวมราชอาณาจักรกับนอร์เวย์) ซึ่งได้ประกาศตัวเป็นเอกราชเมื่อปี 2487 (ค.ศ.1944) และต่อมาเดนมาร์กได้ให้สิทธิในการปกครองตนเองแก่หมู่เกาะแฟโรและเกาะ กรีนแลนด์ เมื่อปี 2491 (ค.ศ.1948) และปี 2522 (ค.ศ.1979) ตามลำดับ ในปี 2496 (ค.ศ.1953) รัฐธรรมนูญเดนมาร์กได้รับการแก้ไขซึ่งส่งผลทำให้มีบทบัญญัติใหม่ที่สำคัญๆ ในเรื่องต่างๆ ได้แก่ ให้รัชทายาทสตรีมีสิทธิขึ้นครองราชสมบัติ กำหนดให้รัฐสภามีเพียงสภาเดียว และให้ประชาชนชาวเดนมาร์กชายและหญิงที่มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งได้ ปัจจุบันเดนมาร์กเป็นราชอาณาจักรโดยมีพระมหากษัตริย์ภายใต้ระบอบรัฐธรรมนูญ เป็นประมุข คือ สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอ ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ซึ่งเสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2515 (ค.ศ.1972) และทรงเป็นพระประมุขแห่งเดนมาร์กลำดับที่ 52 (เดนมาร์กมีพระมหากษัตริย์ตั้งแต่ปี 1528 (ค.ศ.985)) สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอ ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2543 (ค.ศ.2000)
ภาษาภาษาเดนิช (Danish)
ศาสนาประชากรร้อยละ 97 นับถือศาสนาคริสต์ นิกาย Evangelical Lutheran
วัฒนธรรมฮัน ส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน เป็นที่รู้จักทั่วไปนะฐานะนักแต่งนิทานอันโด่งดังของเดนมาร์ก จากนิทานหลายๆ เรื่องของเขา เช่น พระราชากับชุดล่องหน (The Emperor’s New Clothes), เงือกน้อยผจญภัย (The Little Mermaid), และ ลูกเป็ดขี้เหร่ (The Ugly Duckling) ฯลฯ จากนี้ยังมี นักเขียนรางวัลโนเบล คาเรน บลิกเซน, เฮนริก พอนทอปพิแดน นักฟิสิกส์รางวัลโนเบล นีลส์ บอร์ นักวาดการ์ตูนล้อเลียน วิกเตอร์ บอร์จ และนักปรัชญา ซอร์เรน เคียร์เกการ์ด ทั้งหมดล้วนสร้างชื่อเสียงให้แก่ตนเองและประเทศเดนมาร์กในระดับต่างประเทศ ทั้งสิ้น ในกรุงโคเปนเฮเกนล้วนมีสถานที่ที่สวยงามและน่าสนใจมากมายเช่น สวนทิโวลี, พระราชวังอาเมเลียนเบิร์ก (ที่พำนักของพระราชวงศ์เดนมาร์ก), พระราชวังคริสเตียนเบิร์ก, มหาวิหารโคเปนเฮเกน, ปราสาทโรเซนเบิร์ก, โรงละครโอเปร่า, โบสถ์เฟดเดอร์ริก, พิพิธภัณฑ์โทรวาร์ลด์เซน และรูปแกะสลักนางเงือก ฯลฯ ส่วนนครที่ใหญ่อันดับสองของประเทศคือ เมืองอาร์เธอร์ ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ที่ก่อตังขึ้นในสมัยไวกิง และเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศด้วย ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดของประเทศและใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ ที่ 2 ของภูมิภาคยุโรปเหนือ เดนมาร์กยังเป็นประเทศผู้นำทางด้านการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเหมือนกับประเทศใน แถบสแกนดิเนเวียอื่นๆ เช่นการออกกฎหมายให้สื่อลามกเป็นสิ่งถูกกฎหมายหรือการออกกฎหมายให้ผู้รัก ร่วมเพศสามารถสมรสกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
สกุลเงินเดนิชโครน (Danish Krone - DK)
อัตราแลกเปลี่ยน1 DK ประมาณ 5.5 บาท เช็คอัตราแลกเปลี่ยนทั่วโลก
วันชาติ16 เมษายน (วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระราชินีนาถ
มาร์เกรเธอ ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก (Her Majesty Queen Margrethe II)
สังคม
เมืองใหญ่ของเดนมาร์กที่มีประชากรหนาแน่นที่สุด 4 เมืองตามลำดับ ได้แก่
1) กรุง Copenhagen (1.5 ล้านคน) ตั้งอยู่บนเกาะ Zealand ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดของประเทศ
2) เมือง Arhus (265,000 คน) ตั้งอยู่บนคาบสมุทร Jutland
3) เมือง Odense (173,000 คน) ตั้งอยู่บนเกาะ Funen และ
4) เมือง Allborg (155,000 คน) ตั้งอยู่บนคาบสมุทร Jutland ระยะเวลาการดำรงชีพ (life expectancy) ถัวเฉลี่ยของสตรีและบุรุษในเดนมาร์กค่อนข้างจะสูง คือ 78 ปี และ 72 ปี ตามลำดับ เนื่องจากเดนมาร์กเป็นประเทศที่มีมาตรฐานการสาธารณสุขในระดับสูง และชาวเดนมาร์กมีรายได้ต่อคนต่อปีประมาณ 26,000 ดอลลาร์สหรัฐเดนมาร์กเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีสตรีประกอบอาชีพในจำนวน ที่สูงมากกล่าวคือ ในอัตราส่วน 9 : 10 ต่อแรงงานชาย ซึ่งการมีงานทำของสตรีชาวเดนมาร์กก่อให้เกิดความรู้สึกที่ภาคภูมิใจและความ เป็นอิสระในทางการเมือง สตรีชาวเดนมาร์กยังได้รับสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้มาตั้งแต่ปี 2458 (ค.ศ.1915) และในทางเศรษฐกิจ สตรีชาวเดนมาร์กได้รับค่าจ้างเท่าเทียมบุรุษตามกฎหมายเดนมาร์ก
การเมืองการปกครอง
เดนมาร์ก เป็นประเทศปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญ สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ทรงดำรงตำแหน่งพระประมุขของเดนมาร์ก
รัฐสภาเดนมาร์ก (Folketing) เป็นระบบสภาเดียว สมาชิกรัฐสภามีจำนวน 179 คน มาจากการเลือกตั้ง (แยกเป็น 175 คนจากเดนมาร์ก 2 คนจากหมู่เกาะ Faroeและอีก 2 คนจากเกาะ Greenland ซึ่งหมู่เกาะทั้งสองเป็นดินแดนโพ้นทะเลภายใต้ราชอาณาจักรเดนมาร์ก ซึ่งได้รับสิทธิในการปกครองตนเอง)
การคมนาคม
ทาง ด้านการคมนาคมของเดนมาร์กที่โดดเด่นที่สุดก็คือ สะพานโอเรซอนด์ ที่เชื่อมทางหลวงยุโรปสายอี 20 ระหว่างโคเปนเฮเกน, เดนมาร์ก ไปยัง มาลโม, สวีเดน โดยเป็นสะพาน – อุโมงค์ มีทั้งทางสำหรับรถยนต์และทางรถไฟ และระบบสะพานเกรตเบลต์ที่เชื่อมระหว่างเกาะซีแลนด์และเกาะฟูเนน ทางทะเลก็มีท่าเรือโคเปเฮนเกน มาลโม ซึ่งก่อนการสร้างสะพานโอเรซอนด์ ท่าเรือแห่งนี้ใช้เป็นเส้นทางหลักในการไปมาระหว่างสวีเดนและเดนมาร์ก ซึ่งปัจจุบันนี้ท่าเรือข้ามฝากระหว่างสองเมืองนี้ได้ลดความสำคัญลงไปแล้ว เป็นผลมาจากการสร้างสะพานโอเรซอนด์นั่นเอง ส่วนการคมนาคมทางรางของเดนมาร์กดำเนินการโดยการรถไฟแห่งเดนมาร์ก (Danish State Railways) สำหรับขบวนรถไฟโดยสาร ส่วนการเดินรถไฟบรรทุกสินค้าดำเนินการโดยบริษัทแรลลิออน (Railion) การควบคุมการจราจรทางรถไฟทั้งระบบควบคุมโดย บานด์ แดนมาร์ก นอกจากนี้ในกรุงโคเปนเฮเกนเองก็มีระบบรถไฟฟ้าใต้ดินขนาดเล็กให้บริการและยัง มีบริการรถไฟชานเมืองด้วย สายการบินแห่งชาติของเดนมาร์กคือ สายการบินสแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ซิสเต็ม ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติร่วมกันของสามประเทศคือ นอร์เวย์, สวีเดน และเดนมาร์ก สนามบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศคือสนามบินโคเปนเฮเกน และยังเป็นสนามบินหลักที่ใหญ่ที่สุดของสายการบินแห่งชาติ ทางทะเลมีบริการเรือเฟอร์รี่ระหว่างเกาะแฟโรกับกรุงโคเปนเฮเกนและประเทศ เพื่อบ้านเช่น สวีเดน, นอร์เวย์ และเยอรมนี เป็นต้น ส่วนรถยนต์ของเดนมาร์กจากที่มีรถจดทะเบียนในปี พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) อยู่ทั้งหมด 1,389,547 คัน เพิ่มขึ้นมาเป็น 2,020,013 คัน ใน พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) แต่แม้กระนั้นภาษีของการจดทะเบียนรถยนต์ก็ยังคงสูงลิ่วอยู่เช่นเดิมที่ ประมาณ 180% และมาตรฐานรถยนต์ของเดนมาร์กได้รับการยอมรับว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสูง ด้วย
ประเทศเดนมาร์ก อยู่ในเขตยุโรปเหนือระหว่างทะเลเหนือและทะเลบอลติก ทางทิศเหนือติดคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ทางทิศใต้ติดกับประเทศเยอรมัน พื้นที่โดยส่วนใหญ่ของประเทศเดนมาร์กตั้งอยู่บนคาบสมุทรจัตแลนด์(Jutland)และเป็นพื้นที่ราบ ส่วนที่สูงที่สุดจากระดับน้ำทะเล มีความสูงเพียงราว 170 เมตรเท่านั้นเองคะ เดนมาร์กมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกประเทศหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวทัวร์ยุโรปสนใจมาแวะเที่ยวกันที่นี่
ภูมิอากาศของที่นี่ ในช่วงของเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์จะเป็นฤดูหนาว -5 - 5 องศาเซลเซียส บางพื้นที่ของประเทศอากาศหนาวถึงหนาวจัดและจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ภูมิประเทศเป็นที่ราบและมีเนินเขาต่ำจึงดูสวยงามมากขึ้น ในช่วงฤดูหนาวที่นี่จะยาวนาน ทำให้เดนมาร์กมีวัฒนธรรมประเพณีหลายในฤดูหนาวซึ่งเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ในช่วงของเดือนมีนาคม-มิถุนายน เป็นฤดูใบไม้ผลิ มีอุณหภูมิ 10 - 15 องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่ธรรมชาติของเดนมาร์กสวยงามมากที่สุดอีกช่วงหนึ่งเลยนะค่ะ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับธรรมชาติความเขียวชอุ่ม ดอกไม้ใบหญ้าเต็มทุกพื้นที่ ช่วงเวลานี้ที่อากาศสดชื่นเย็นสบายเหมาะแก่การท่องเที่ยวเดินทางไกลเป็นอย่างมากคะ เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ช่วงฤดูร้อน มีอุณหภูมิ 20 - 25 องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวมาทัวร์ยุโรปนิยมที่สุด เพราะมีพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้าต่างๆ เปิดบริการ และยังมีการแสดงกลางแจ้งจะถูกจัดแสดงในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ช่วงเวลากลางวันจะยาวมากเป็นพิเศษ พระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่ก่อนตีห้าและไม่ตกจนกว่าจะเลยเวลาไปถึง 21.00 น. ไปแล้ว และในช่วงของเดือนกันยายน-พฤศจิกายน เป็นฤดูใบไม้ร่วง มีอุณหภูมิ10 - 15 องศาเซลเซียส อากาศในฤดูนี้จะค่อยๆ เย็นลงเรื่อยๆ แต่ไม่ถึงกับเย็นมากนัก ใบไม้จะเริ่มผลัดใบและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทองก่อนจะร่วงหล่นลงพื้น ซึ่งทำให้เกิดภาพทัศนียภาพของธรรมชาติที่สวยงาม เวลาในเดนมาร์กจะช้ากว่าของไทย 5 – 6 ชั่วโมงคะ ขึ้นอยู่กับฤดูของที่นี่ด้วยคะ ในด้านของศาสนากว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของประชากรที่นี่นับถือศาสนาคริสต์นิกายลูเธอรันภาษาที่ใช้ในประเทศเดนมาร์ก เรียกว่า ภาษาแตนิช แต่คนเดนมาร์กส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ดี รวมทั้งใช้ภาษาเยอรมันในเขตชายแดนที่ติดกับเยอรมนีได้อีกด้วยค่าเงินของเดนมาร์ก เป็นเงินแดนิชมีหน่วยเป็นโครน หรือ DKK 1 โครนมี 100 เอือร์ ธนบัตรของแดนิชมี 10 โครน เป็นสีเขียว,100โครน เป็นสีขาวม่วง และ 50 โครนเป็นสีน้ำเงินส่วนเหรียญแดนิช มี 10 โครน เป็นสีทอง, 5 โครน เป็นเหรียญเงินใหญ่ 2 โครน และ 1 โครน และเหรียญเงิน 50 และ 20 เอือร์
สำหรับเวลาของเดนมาร์กจะช้ากว่าประเทศไทย 5 ถึง 6 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับฤดูกาลนะค่ะ ก่อนเข้าฤดูร้อน อาทิตย์สุดท้ายของเดือนมีนาคม เวลาจะเร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมงเวลาเดนมาร์กจึงช้ากว่าเมืองไทย 5 ชั่วโมง และฤดูหนาว อาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคม เวลาจะช้าลงหนึ่งชั่วโมง ทำให้เวลาเดนมาร์กช้ากว่าเมืองไทย 6 ชั่วโมง ข้อมูลทั่วไปในการเดินทาทัวร์ยุโรปในเดนมาร์กคงสามารถช่วยนักท่องเที่ยวสำหรับการเตรียมได้มากเลยนะค่ะ
No comments:
Post a Comment