ตึกไทเป 101 เป็นตึกที่สูงระฟ้าและสูงที่สุดในไต้หวัน ตึกไทเป 101 ตั้งอยู่ในย่านซินยีของกรุงไทเป ตึกไทเป 101 จัดเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 จนกระทั่งมีการเปิดตัวอาคารเบิร์จคาลิฟา ดูไบ พ.ศ.2553 ตึกไทเป 101 ถูกออกแบบโดย ซี.วาย.ลี และหุ้นส่วนและผู้ก่อสร้างหลักก็คือ ธุรกิจร่วมทุนเคทีอาร์ที (KTRT Joint Venture) อาคารนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของไต้หวันตั้งแต่มีการเปิดตัว และยังได้รับรางวัลตึกระฟ้าเอ็มพอริส พ.ศ.2547 ซึ่งมีการจุดดอกไม้ไฟจากตึกไทเป 101 ซึ่งภาพนั้นถูกแพร่หลายในวันสิ้นปีสากล ตึกไทเป 101 มีทั้งหมด 101 ชั้น เหนือพื้นดินและอีก 5 ชั้นอยู่ใต้ดิน ตึกแห่งนี้ได้รับการออกแบบให้ทนต่อพายุไต้ฝุ่นและแผ่นดินไหว ศูนย์การค้าหลายชั้นอยู่ติดกับอาคารที่เป็นที่ตั้งของร้านค้า ร้านอาหารและคลับหลายแห่ง
ตึกไทเป 101 หรือ ตึกอี้หลิงอี้ ตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงไทเปซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในไทเป ตึกไทเป 101 มีความสูง 509 เมตร ตึกแห่งนี้ได้แนวคิดมาจากความเชื่อของคนจีนคือ เลข 8 นำมาใช้เป็นจำนวน 8 ชั้น ซึ่งผู้ที่มาทัวร์ไต้หวันจะเห็นจากภายนอกแต่ความจริงแล้วภายในมี 101 ชั้น เลข 8 เป็นตัวเลขนำโชคของคนจีน และยังมีคำพ้องเสียงให้หมายถึงความสำเร็จ ตึกไทเปชั้นทั้ง 8 ที่เรียงตัวกันเป็นรูปทรงไม้ไผ่ ไม้ไผ่นั้นแสดงถึงความแข็งแรงยั้งยื่นตลอดกาล และชั้นต่างๆของตึกไทเป 101 ชั้นที่นักท่องเที่ยวที่มาทัวร์ไต้หวันหรือบุคคลทั่วไปสามารถขึ้นไปก็คือชั้นที่ 1-6 ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้า มีร้านขายของแบรนด์เนมชั้นนำต่างๆ และตึกไทเปยังมีลิฟท์ที่มีความเร็วที่สุดในโลกอีกด้วย ความเร็วถึง 1,010 เมตร/นาที ชั้นที่ 88-89 จะเป็นชั้นของหอสังเกตการณ์ผู้ที่มาทัวร์ไต้หวันสามารถขึ้นไปได้แต่ต้องเสียค่าขึ้นประมาณคนละ 450 บาท ชั้นที่ 91 จะเป็นชั้นระเบียงสังเกตการณ์ซึ่งสามารถเดินได้รอบทิศดูภายนอกของตึกได้เมื่อขึ้นไปยังชั้นนี้ คล้ายๆกับ sky walkจะเห็นเมฆปกคลุมอยู่ทั่วและยังมองเห็นเมืองด้านล่างทำให้ได้อารมณ์ตื่นเต้นกันเลยทีเดียว
ตึกไทเป 101 มีตุ๊กตาแมสค็อตก็คือ ทารกน้องแดมเปอร์ (Damper Baby)ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของลูกตุ้มยักษ์แดมเปอร์ที่ถูกแขวนไว้ระหว่างชั้น 87-91 ลูกตุ้มนี้มีไว้ถ่วงน้ำหนักเนื่องด้วยตึกมีความสูงมากต้องสู่กับลม จึงต้องมีลูกตุ้มไว้คอยถ่วงน้ำหนักเพื่อพยุงโครงสร้างของตึกไว้ นอกจากนี้ลูกตุ้มยังสามารถช่วยพยุงโครงสร้างหากถ้าเกิดแผ่นดินไหวได้ถึง 7 ริกเตอร์ ซึ่งเคยมีคำทำนายไว้ในรอบ 2,500 ปีว่าอาจจะเกิดขึ้นสักครั้งหนึ่ง การขึ้นไปชมทัศนียภาพบนหอสังเกตการณ์ในยามค่ำคืนก็สวยไม่แพ้ตอนกลางวันเลยละคะ
No comments:
Post a Comment