เกาะเวนิส (Venice) อันแสนโรแมนติกของประเทศอิตาลี เข้าชม ถ้ำโพสทอยน่า (Postojna Caverns) ถ้ำที่สวยที่สุดในยุโรปอายุเก่าแก่กว่า 2 ล้านปี เยือน เมืองลุบเบลียน่า (Ljubljana) เมืองหลวงของสโลวีเนีย นั่งเรือพายสู่เกาะกลางทะเลสาบสุดแสนโรแมนติกที่ เมืองเบลด (Bled) เที่ยว เมืองซาเกรบ (Zagreb) เมืองหลวงของโครเอเชีย ชมความอลังการของธรรมชาติที่ อุทยานพลิตวิเซ่ (Plitvice National Park) เที่ยว ซาดาร์ (Zadar) เมืองสปลิท (Split) สตอน (Ston) เมืองชายทะเลที่งดงามด้วยธรรมชาติและสถาปัตยกรรม เดินเล่นที่ เมืองดูบลอฟนิก (Dubrovnik) เมืองมรดกโลกที่ได้รับสมญานามว่าไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก สัมผัสกลิ่นอายของ เมืองซาราเจโว (Sarajevo) เมืองหลวงแห่งประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (Bosnia and Herzegovina) เมืองที่ถูกเลือกโดยนิตยสาร Lonely Planet ให้ติดอยู่ในสิบอันดับแรกของเมืองท่องเที่ยว
วันแรก : สนามบินสุวรรณภูมิ
20.30 น.
คณะพร้อมกัน สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตู 9 เคาน์เตอร์ U สายการบิน เตอร์กิชแอร์ไลน์ มีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
23.30 น.
ออกเดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK 69 (บนเครื่องมีบริการอาหาร 2 รอบ)
วันที่สอง : อิสตันบูล – เวนิส อิตาลี ล่องเรือเกาะเวนิส จัตุรัสเซนต์มาร์โค เมสเตร้
05.3 น.
เดินทางถึง กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี เปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางต่อไป เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
08.10 น.
ออกเดินทางต่อสู่ กรุงเวนิส โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK 1867
09.45 น.
ถึง สนามบินเวนิส ประเทศอิตาลี (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเมืองเวนิส จากนั้นนำเดินทางต่อสู่ ท่าเรือตรอนเคตโต้ (Tronchetto) นำท่าน ล่องเรือผ่านชมบ้านเรือนของชาวเวนิส สู่ เกาะเวนิส หรือ เวเนเซีย (Venezia) ดินแดนแสนโรแมนติก เป็นเมืองที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน มีสมญานามว่าเป็น "ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก" มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง ขึ้นฝั่งที่บริเวณ ซานมาร์โค ศูนย์กลางของเกาะเวนิส
เที่ยง
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร (มื้อที่ 1) หลังอาหารนำท่านเดินชมความงามของเกาะเวนิส ชม สะพานถอนหายใจ (Bridge of Sighs) ที่มีเรื่องราวน่าสนใจในอดีต เมื่อนักโทษที่เดินออกจากห้องพิพากษาไปสู่คุกจะได้มีโอกาสเห็นแสงสว่างและโลกภายนอกเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างเดินผ่านช่องหน้าต่างที่สะพานนี้ ซึ่งเชื่อมต่อกับวังดอดจ์ (Doge’s Palace) อันเป็นสถานที่พำนักของเจ้าผู้ครองนครเวนิสในอดีต ซึ่งนักโทษชื่อดังที่เคยเดินผ่านสะพานนี้มาเเล้วคือ คาสโนว่านั่นเอง นำท่านถ่ายรูปบริเวณ จัตุรัสซานมาร์โค (St.Mark’s Square) ที่นโปเลียนเคยกล่าวไว้ว่า “เป็นห้องนั่งเล่นที่สวยที่สุดในยุโรป” จัตุรัสถูกล้อมรอบด้วยอาเขตอันงดงาม รวมทั้ง โบสถ์ซานมาร์โค (St.Mark’s Bacilica) ที่มีโดมใหญ่ 5 โดม ตามแบบศิลปะไบแซนไทน์ จากนั้นอิสระให้ท่านได้มีเวลาเที่ยวชมเกาะอันแสนโรแมนติก เช่น เพื่อชมมนต์เสน่ห์แห่งนครเวนิส, เข้าชมโบสถ์ซานมาร์โค, เลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกตามอัธยาศัย อาทิเช่น เครื่องแก้วมูราโน่,หน้ากากเวนิส หรือนั่งจิบกาแฟในร้าน จากนั้นนำท่านล่องเรือกลับขึ้นสู่ฝั่งเมสเตร้
ค่ำ
บริการอาหารค่ำที่ภัตตาคาร (มื้อที่ 2) หลังอาหารนำท่านเดินทางเข้าที่พัก พักผ่อนกันตามอัธยาศัย (พัก VILLA BRAIDA หรือเทียบเท่า)
วันที่สาม : สโลวีเนีย ถ้ำโพสทอยน่า – เมืองเบลด - เมืองลุบเบลียน่า
เช้า
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม (มื้อที่ 3) หลังอาหารนำท่านเดินทางเข้าสู่ ประเทศสโลวีเนีย (Slovenia) ท่านจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์ทุ่งหญ้าสลับภูเขา บ้านเรือนแถบชานเมืองในระหว่างการเดินทางสู่ ถ้ำโพสทอยน่า (Postojna Caverns) ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของ เมืองโพสทอยน่า (Postojna) ที่เปิดให้บริการมากว่า 188 ปี นำท่านเข้าชมความงามของ ถ้ำโพสทอยน่า ถ้ำที่สวยที่สุดในยุโรป ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 2 ล้านปี เป็นถ้ำที่มีความยาวถึง 27 กิโลเมตร เข้าชมภายในถ้ำโดยขบวนรถรางไฟฟ้าของทางถ้ำ (ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที) ซึ่งได้เปิดให้บริการในปี 1884 อุณหภูมิภายในถ้ำโดยเฉลี่ย 8-10 องศาเซลเซียส ทำให้มีหินงอกหินย้อย นำท่านผ่านลำธาร เขื่อนเก็บน้ำใต้ดิน ชมหินงอกหินย้อยหลากหลายแบบและสีสันสวยงามสุดพรรณนา ภายในถ้ำยังมีห้องต่างๆ มากมาย ลดหลั่นเป็นชั้นๆ ท่านจะได้ชมความงามอันยิ่งใหญ่ภายในถ้ำแห่งนี้ ที่ธรรมชาติได้สรรสร้างมานานกว่าล้านปี จากนั้นนำท่านชมความแปลกของ ปลามนุษย์ (Human fish) หรือ Olm สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในถ้ำ ผิวสีเนื้อคล้ายมนุษย์ ลำตัวยาวคล้ายงู มีแขนและขา ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1768 และอาศัยอยู่ในที่มืด
เที่ยง
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร (มื้อที่ 4) หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองเบลด (Bled) เมืองแห่งโบสถ์กลางทะเลสาบสุดแสนโรแมนติกท่ามกลางหุบเขาจูเลียน แอลป์ (Julian Alps) ทะเลสาบ เบลดเกิดจากการละลายตัวของธารน้ำแข็งจากภูเขาจูเลียนแอลป์ นำท่าน นั่งเรือสู่เกาะกลางทะเลสาบเบลด ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์พระแม่มารี (Assumption of Mary) ของเหล่านักแสวงบุญ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ชม โบสถ์และหอคอยกลางทะเลสาบ จากท่าเรือจะต้องเดินขึ้นบันไดไปอีก 99 ขั้น ซึ่งประเพณีท้องถิ่นคู่สมรสฝ่ายชายจะต้องอุ้มฝ่ายหญิงขึ้นบันได 99 ขั้นนี้ จากนั้นนำท่านสู่ เมืองลุบเบลียน่า (Ljubljana) เมืองหลวงของประเทศสโลวีเนีย (Slovenia) สัมผัสบรรยากาศเมืองหลวงที่ยังคงให้ท่านได้เห็นร่องรอยของสถาปัตยกรรมโบราณ อิทธิพลของศิลปะสไตล์บาโรก
ค่ำ
บริการอาหารค่ำที่ภัตตาคาร (มื้อที่ 5) หลังอาหารนำท่านเดินทางเข้าที่พัก พักผ่อนกันตามอัธยาศัย (พัก PLAZA HOTEL หรือเทียบเท่า)
วันที่สี่ : เมืองลุบเบลียน่า - โครเอเชีย เมืองซาเกร็บ – อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่
เช้า
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม (มื้อที่ 6) หลังอาหารนำท่านชม เมืองลุบเบลียน่า (Ljubljana) ชมสะพานมังกรที่ทอดข้ามแม่น้ำลุบเบลียยานิก้า แวะถ่ายรูปกับสถานที่สำคัญต่างๆภายในเมืองเช่น ศาลาว่าการเมือง มหาวิหารเซนต์ นิโคลัส ชม ปราสาทเมืองเก่า (Old town castle) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินสูง โดยนั่งรถรางขึ้นสู่เนินเขา ซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองได้อย่างชัดเจน ปราสาทแห่งนี้สร้างในสมัยศตวรรษที่ 11 ในศิลปะสไตล์บาโรกและได้ทำการบูรณะใหม่ในปี 1990 โดยได้บูรณะหอสูงในลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ณ จุดนี้ท่านสามารถชมวิวทิวทัศน์โดยรอบของเมืองลุบเบลียน่าได้ในระยะไกล จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองซาเกร็บ (Zagreb) เมืองหลวงของโครเอเชีย ดินแดนแห่งทะเลเอเดรียติค ซึ่งมีความเก่าแก่แฝงด้วยเสน่ห์และมนต์ขลัง ซาเกรบเป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรมและเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11
เที่ยง
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร (มื้อที่ 7) หลังอาหารนำท่านเข้าชม มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St. Stephen Cathedral) ซึ่งมียอดแหลมทรงกลวยคู่บนยอดวิหารตกแต่งอย่างงดงาม มหาวิหารนี้ก็ได้รับการบูรณะใหม่อีกหลายครั้ง จนกระทั่งรูปร่างมหาวิหารงดงามในรูปแบบนิโอ-โกธิค นำท่านสู่ เขต Upper Town แวะถ่ายรูปกับ วิหารเซนต์มาร์ก (St. Marks Church) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าซาเกรบ สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 13 หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีต่างๆ ซึ่งเป็นรูปตราสัญลักษณ์ของซาเกรบ โครเอเชีย สโลวีเนีย และ ดัลมาเชีย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นประเทศเดียวกัน (อดีตยูโกสลาเวีย) นำท่านชม โบสถ์เซนต์แคทเธอรีน (St. Catherine) โบสถ์แบบบาโรกสีขาวน่าประทับใจ นำท่านชมจุดชมวิวที่ท่านสามารถเห็นกรุงซาเกรบที่หลังคาอาคารเป็นสีแดงอิฐทั้งเมือง จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติพริตวิเซ่ (Plitvice National Park) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ อุทยานนี้มีพื้นที่ประมาณ 295 ตารางกิโลเมตร มีทะเลสาบสีเธอร์คอยซ์ถึง 16 แห่งที่มีความงดงามแตกต่างกัน
ค่ำ
บริการอาหารค่ำที่ภัตตาคาร (มื้อที่ 8) หลังอาหารนำท่านเดินทางเข้าที่พัก พักผ่อนกันตามสบาย (พัก JEZERO HOTEL หรือเทียบเท่า โรงแรมที่พักตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติพริตวิเซ่)
วันที่ห้า : อุทยานพริตวิเซ่ – เมืองซาดาร์
เช้า
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม (มื้อที่ 9) หลังอาหารนำท่านเข้าชมความงามของ อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ (Plitvice National Park) นำท่านล่องเรือข้ามทะเลสาบ Jezero Kozjak ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานแห่งนี้ อีกทั้งยังเป็นทะเลสาบที่เชื่อมระหว่างอุทยานตอนล่างขึ้นสู่ทะเลสาบชั้นบนของอุทยาน เพลิดเพลินกับธรรมชาติอันงดงามและความอลังการของ Lower Lake ที่ประกอบด้วยทะเลสาบ Milanovac, Gavanovac และ Kaluderovac เป็นต้น เดินชมทะเลสาบต่างๆ ตามทางเดินสะพานไม้ที่เชื่อมแต่ละทะเลสาบเข้าด้วยกัน ชม Veliki Slip ชมน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานมีความสูงถึง 70 เมตร
เที่ยง
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร (มื้อที่ 10) หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองซาดาร์ (Zadar) เมืองที่มีประวัติศาสตร์มากว่า 3,000 ปีและเป็นเมืองท่าสำคัญของทะเลเอเดรียติค ที่มีบทบาทมาตั้งแต่สมัยโรมันจนถึงปัจจุบัน นำท่านถ่ายรูปกับโบสถ์สำคัญประจำเมือง โบสถ์อนาสตาเชีย (The Cathedral of St. Anastasia) เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 5-6 ในยุคโรมาเนสก์ เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นดัลมัลเชีย นำท่านชมบริเวณด้านนอกโบสถ์เซนต์ โดแนท ซึ่งเป็นโบสถ์สำคัญประจำเมืองอีกแห่งหนี่ง ชม โรมันฟอรัมหรือย่านชุมชนของโรมัน เมื่อสองพันปีก่อนที่นักโบราณคดีได้ใช้ความอุตสาหะในการขุดค้นพบหลักฐานสำคัญต่างๆ ทั้งที่อยู่อาศัยชาวโรมัน
ค่ำ
บริการอาหารค่ำที่ภัตตาคาร (มื้อที่ 11) หลังอาหารนำท่านเดินทางเข้าที่พัก พักผ่อนกันตามอัธยาศัย (พัก KOLOVARE HOTEL หรือเทียบเท่า)
วันที่หก : เมืองซาดาร์ - เมืองสปลิท – เมืองสตอน – ชิมหอยนางรม - เมืองดูบลอฟนิค
เช้า
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม (มื้อที่ 12) หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองสปลิท (Split) เมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเมืองซาเกรบ ซึ่งอยู่ในแคว้นดัลเมเชีย อันเป็นต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์ดัลมาเชี่ยนที่โด่งดัง เที่ยวชมเมืองสปริท ที่สร้างรายล้อมพระราชวังดิโอคลีเธี่ยน นำท่านชม ย่านPeople Square ศูนย์กลางทางธุรกิจและการบริหาร นำท่านเข้าชม พระราชวังดิโอคลีเธี่ยน (Diocletian Palace) องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1979 สร้างขึ้นจากพระประสงค์ของจักรพรรดิ์ดิโอคลีเธี่ยนแห่งโรมัน ซึ่งต้องการสร้างพระราชวังสำหรับบั้นปลายชีวิตของพระองค์ ภายในพระราชวังประกอบด้วย วิหารจูปิเตอร์ (Catacombes) สุสานใต้ดินที่มีชื่อเสียงและวิหารต่างๆ นำท่านชมห้องโถงกลางซึ่งมีทางเดินที่เชื่อมต่อสู่ห้องอื่นๆ ชมลาน Peristyle ซึ่งล้อมด้วยเสาหินแกรนิต 3 ด้านและเชื่อมต่อด้วยโค้งเสาที่ตกแต่งด้วยช่อดอกไม้สลักอย่างวิจิตรสวยงามชมยอดระฆังแห่งวิหาร (The Cathedral Belfry) แท่นบูชาของเซนต์โดมินัสและเซนต์สตาดิอุส ซึ่งอยู่ภายในวิหาร
เที่ยง
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร (มื้อที่ 13) หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองสตอน (Ston) เมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารทะเลรสเลิศ เนื่องจากภายในเมืองนั้นมีฟาร์มเลี้ยงหอยนางรมที่มีชื่อเสียง โดยท่านจะได้ชิมหอยนางรมสดๆจากฟาร์ม ซึ่งเมืองสตอนเป็นเมืองที่เปรียบเสมือนตัวแทนของประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมยุคกลางคือกำแพงเมืองโบราณ ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อล้อมรอบเมือง โดยกำแพงโบราณแห่งนี้ใช้เวลาในการก่อสร้างกำแพงนี้ประมาณ 200 ปี มีความยาวมากกว่า 5.5 กิโลเมตร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองดูบรอฟนิค (Dubrovnik) โดยเดินทางเรียบชายฝั่งทะเลเอเดรียติก ผ่านบรรยากาศริมชายฝั่งทะเลที่มีบ้านเรือนหลังคากระเบื้องสีแสดสลับตามแนวชายฝั่ง โดยเมืองดูบรอฟนิคได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองเก่าที่สวยที่สุดในยุโรป สมญานาม "ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก" เป็นเมืองที่มีอำนาจทางทะเลตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และมีความเจริญรุ่งเรืองทางการค้า จึงได้สร้างความยิ่งใหญ่ให้โดดเด่น ด้วยการตกแต่งพระราชวัง สร้างโบสถ์ วิหาร จัตุรัส น้ำพุ และบ้านเรือนต่างๆ และได้รับการบูรณะและปรับเปลี่ยนอย่างงดงามตามยุคสมัย
ค่ำ
บริการอาหารค่ำที่ภัตตาคาร (มื้อที่ 14) หลังอาหารนำท่านเดินทางเข้าที่พัก พักผ่อนกันตามอัธยาศัย (พัก ARISTON HOTEL หรือเทียบเท่า)
วันที่เจ็ด : เมืองดูบลอฟนิค – เมืองโมสตาร์ ประเทศบอสเนีย
เช้า
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม (มื้อที่ 15) หลังอาหารนำท่านชมเสน่ห์ของ เขตเมืองเก่า (Old Town) ของเมืองดูบลอฟนิค ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1979 ชมทัศนียภาพของตัวเมืองเก่ามีป้อมปราการโบราณความยาว 190 เมตรล้อมรอบ นำท่านเดินลอดประตู Pile Gate ที่มีรูปปั้นของนักบุญ เซนต์เบลส นักบุญประจำเมืองเพื่อเข้าสู่ใจกลางเมืองเก่า ชม น้ำพุ Onofrio ซึ่งเป็นตั้งเป็นเกียรติแก่ของสถาปนิกผู้สร้างน้ำพุแห่งนี้ นำท่านเข้าชม The Cathedral Treasury หนึ่งในโบสถ์เก่าแก่ที่สะสมโบราณวัตถุของพ่อค้าวาณิชที่ได้ทำการค้าขายกับชาวเวนิชในอดีต นำท่านถ่ายรูปกับ หอนาฬิกาโบราณ (Bell Tower Clock) จากนั้นนำท่านเข้าชม พระราชวังเรคเตอร์ (Rector's Palace) พระราชวังที่สร้างขึ้นโดยผสมผสานศิลปะทั้งแบบโกธิค, เรเนซองส์และบาโร๊ค ได้เวลานำท่านแวะชมและถ่ายรูปกับ สปอนซา พาเลส (Sponza Palace) สร้างขึ้นโดยศิลปะแบบโกธิค เรเนซองส์ ในสมัยศตวรรษที่ 15 ปัจจุบันได้ใช้เป็นที่จัดเก็บเอกสารและสำนักงานส่วนราชการ นำท่านเดินผ่านถนนสตราดัน ถนนสายหลักยาวกว่า 398 เมตร ที่สองข้างทางรายล้อมไปด้วยอาคารสไตล์โรมัน โกธิค และร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านไอศครีม ร้านขายของที่ระลึกต่างๆ มากมาย อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
เที่ยง
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร (มื้อที่ 16) หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (Bosnia and Herzegovina) เพื่อนำท่านเดินทางสู่ เมืองโมสตาร์ (Mostar) เมืองมรดกโลกที่แสนงดงามและมากด้วยมนต์เสน่ห์ เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างหุบเขาของเฮเซโกวีน่า มีแม่น้ำเนเรตว่า (Neretva) ไหลผ่านใจกลางเมืองและยังเป็นเมืองที่มีแสงแดดมากที่สุดในยุโรป นําท่านชม สะพานโบราณ (Old Bridge) หรือ สตารี มอสต์ (Stari Most) ที่โดดเด่นและเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ชมย่านเมืองเก่า ชมเหล่าอาคารบ้านเรือนซึ่งส่วนใหญ่ล้วนสร้างขึ้นในแบบสถาปัตยกรรมแบบพรี-ออตโตมัน ออตโตมันตะวันออก เมดิเตอร์เรเนียนและยุโรปตะวันตก
ค่ำ
บริการอาหารค่ำที่ภัตตาคาร (มื้อที่ 17) หลังอาหารนำท่านเดินทางเข้าที่พัก พักผ่อนกันตามอัธยาศัย (พัก BRISTOL HOTEL หรือเทียบเท่า)
วันที่แปด : เมืองโมสตาร์ – เมืองซาราเจโว - อุโมงค์หนีภัย - สนามบิน – อิสตันบูล
เช้า
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม (มื้อที่ 18) หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองซาราเจโว (Sarajevo) เมืองหลวงแห่งประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (Bosnia and Herzegovina) เมืองที่มีเรื่องราวความเป็นมาและประวัติศาสตร์อย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงสงครามยูโกสลาเวีย แต่ในปัจจุบันเมืองแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ซึ่งในปี 2011 – 2012 เมืองซาราเจโวถูกเลือกโดยนิตยสาร Lonely Planet ให้ติดอยู่ในสิบอันดับแรกของเมืองที่ท่านต้องเดินทางมาท่องเที่ยว และนอกจากนี้ในปี 2014 กรุงซาราเจโวเป็นเมืองเดียวที่อยู่นอกสหภาพยุโรปที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงในการที่จะได้เป็น European Capital of culture in 2014
เที่ยง
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร (มื้อที่ 19) หลังอาหารนำท่านชม ย่านเมืองเก่าซาราเยโว (Stari Grad) ย่านที่มีสถาปัตยกรรมหลากหลายสไตล์ นำท่านเข้าชมความงดงาม The Sacred Heart Cathedral เป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวินา เป็นที่ประจำตำแหน่งของพระราชาคณะของเมือง นำท่านชม สะพานลาติน (Latin Bridge) ซึ่งเป็นจุดที่อาร์ค ดยุค ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ (Franz Ferdinand) รัชทายาท แห่งราชวงศ์ออสเตรียถูกลอบปลงพระชนม์ โดยชาวซาราเยโวนายหนึ่ง จนกลายเป็นชนวนเหตุในการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ชม อุโมงค์หนีภัย (Sarajevo Tunnel) อุโมงค์ที่สร้างขึ้นในช่วงเกิดสงครามบอสเนีย สร้างโดยประชาชนชาวซาราเยโวเพื่อปกป้องและตัดขาดจากกองกำลังเซอร์เบีย และสามารถนำอาหาร ข้าวของ และความช่วยเหลือจากนานาชาติโดยผ่านทางอุโมงค์นี้
16.30 น.
นำคณะเดินทางสู่ สนามบินซาราเจโว เพื่อทำการเช็คอินสัมภาระ
20.35 น.
ออกเดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK 1026
23.30 น.
เดินทางถึง สนามบินอตาร์เติร์ก กรุงอิสตันบูล เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
วันที่เก้า : สนามบินสุวรรณภูมิ
00.40 น.
ออกเดินทางสู่ กรุงเทพ โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK 068
14.15 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพทุกท่าน
No comments:
Post a Comment