Thursday, April 2, 2015

ท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกา (United States of America)

คู่มือท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกา (United States of America)
สหรัฐอเมริกา (United States of America) หรือมักจะเรียกกันย่อ ๆ ว่า สหรัฐ หรือ อเมริกา เป็นสหพันธรัฐประชาธิปไตย ปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญ ประกอบไปด้วยรัฐ 50 รัฐ มีพื้นที่ครอบคลุมส่วนใหญ่ของทวีปอเมริกาเหนือ มีพรมแดนติดต่อ กับแคนาดาทางทิศเหนือ และเม็กซิโกทางทิศใต้ ส่วนพรมแดนทางทะเลนั้นติดต่อกับแคนาดา รัสเซียและบาฮามาส โดยมีมหาสมุทรแปซิฟิก ทะเลแบริง มหาสมุทรอาร์กติก มหาสมุทรแอตแลนติก อ่าวเม็กซิโก และทะเลแคริบเบียนเป็นผืนน้ำล้อมรอบ นอกจากนี้ยังมีดินแดนบางส่วนในแคริบเบียน และมหาสมุทรแปซิฟิกอีกด้วย

สหรัฐ อเมริกามีพื้นที่ขนาด 9.63 ล้านตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 308 ล้านคน ทำให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก รองจากรัสเซีย และ แคนาดา และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก คร่าวๆ ปัจจุบัน (2555) อเมริกามีประชากรราวๆ 300 ล้านคน เป็นประเทศซึ่งมีความแตกต่างหลากหลายในเชื้อชาติและวัฒนธรรม อันเป็นผลมาจากการอพยพจากหลายประเทศ เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเป็นเศรษฐกิจระดับชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีอัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ เมื่อปี พ.ศ. 2551 กว่า 14.4 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ (อัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศคิดเป็นร้อยละ 15 ของโลก และอยู่ในอันดับที่ 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ)

ชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกา ซึ่งอาจสืบเชื้อสายมาจากชาวเอเชีย ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในสหรัฐอเมริกาแผ่นดินใหญ่มาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว ประชากรชนพื้นเมืองอเมริกันเหล่านี้ลดจำนวนลงอย่างมากหลังจากการยึดครอง อาณานิคมของชาวยุโรป สหรัฐอเมริกาถูกก่อตั้งโดยสิบสามอาณานิคมของอังกฤษ ซึ่งมีทำเลอยู่ตามฝั่งทะเลแอตแลนติก เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2319 ชาวอเมริกันประกาศอิสรภาพ ซึ่งเป็นการอ้างสิทธิ์ในการกำหนดชะตาของตนเอง และการสร้างสหภาพความร่วมมือขึ้น รัฐซึ่งก่อการจลาจลสามารถเอาชนะราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ในสงครามประกาศอิสรภาพ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นอาณานิคมแห่งแรกที่ประกาศอิสรภาพได้สำเร็จ อนุสัญญาฟิลาเดลเฟียได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกาฉบับปัจจุบัน เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2330 การปรับใช้อนุสัญญาดังกล่าวมีผลให้รัฐต่าง ๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐเดี่ยว และขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางที่มีอำนาจเด็ดขาด

ภูมิอากาศ
อากาศหนาว เว้นแต่ในมลรัฐฮาวาย และมลรัฐฟลอริดา หนาวเย็นมากที่บริเวณขั้วโลกเหนือในมลรัฐอะแลสกา บริเวณที่ราบด้านตะวันตกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี (Mississippi) จะค่อนข้างแห้งแล้ง และมีความแห้งแล้งมากบริเวณที่ลุ่มภาคตะวันตกเฉียงใต้ ภาคตะวันตกเฉียงเหนือมีอุณหภูมิต่ำในช่วงฤดูหนาว ซึ่งจะมีอากาศดีขึ้นเป็นครั้งคราวในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ โดยจะได้รับความอบอุ่นจากลมของเนินเขาด้านตะวันออกของเทือกเขาร๊อกกี้


เชื้อชาติ
คนผิวขาวร้อยละ 81.7
คนแอฟริกันอเมริกันร้อยละ 12.9
คนเอเชียนร้อยละ 4.2
คนอเมริกันอินเดียนและชาวอะแลสการ้อยละ 1
ชาวฮาวายเอียนและชาวเกาะแปซิฟิกร้อยละ 0.2
(2546 ประมาณ)


ศาสนา
โปรเตสแตนท์ 52% , โรมันคาทอลิก 24% , มอร์มอน 2% , ยิว 1% , มุสลิม 1% , อื่น ๆ 10% , ไร้ศาสนา 10%

อัตราแลกเปลี่ยน
1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 30 บาท (2554)

เวลาต่างจากไทย
ฝั่งตะวันออก 12 ชั่วโมง ฝั่งตะวันตก 15 ชั่วโมง



ภาษา
ภาษาอังกฤษ (อเมริกันอังกฤษ) เป็นภาษาประจำชาติโดยพฤตินัย แม้จะไม่มีภาษาราชการในระดับรัฐบาลกลาง, บางกฎหมาย เช่น ข้อกำหนดการเป็นกลางของสหรัฐฯ มาตรฐานเป็นภาษาอังกฤษ ในปี 2010 ประมาณ 230 ล้านคนหรือ 80% ของประชากรที่มีอายุห้าปีและมากกว่า พูดภาษาอังกฤษเท่านั้นที่บ้าน ภาษาสเปน, พูดโดย 12% ของประชากรที่บ้าน, เป็นภาษาที่พบมากที่สุดเป็นที่สองและเป็นภาษาที่สองที่สอนกันอย่างแพร่หลาย. ชาวอเมริกันบางคน สนับสนุนการทำภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาทางการของประเทศ เช่นมันเป็นในอย่างน้อย 28 รัฐ.

ทั้งภาษาฮาวายและภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เป็นทางการในฮาวายตามกฎหมายของรัฐ ในขณะที่ ไม่มีภาษาราชการ, นิวเม็กซิโกมีกฎหมายให้ใช้ ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาสเปน ในขณะที่ หลุยเซียนาจะใช้ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส.รัฐอื่นๆ เช่นแคลิฟอร์เนีย, ให้อำนาจเอกสารสิ่งพิมพ์เป็นเวอร์ชันสเปนของเอกสารรัฐบาลบางอย่าง รวมทั้งแบบฟอร์มศาล. เขตอำนาจศาลหลายแห่งที่มีผู้พูดที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษจำนวนมาก ผลิตเอกสารของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลงคะแนนเสียง จะอยู่ในภาษาพูดที่ใช้มากที่สุดใน เขตอำนาจศาลนั้น .

ดินแดนโดดเดี่ยวหลายแห่งให้การยอมรับอย่างเป็นทางการกับภาษาพื้นเมืองของ พวกเขา พร้อม กับภาษาอังกฤษ: ซามัวและชามอร์โรเป็นที่ยอมรับจากอเมริกันซามัวและกวมตามลำดับ Carolinian และ ชามอร์โร เป็นที่ยอมรับจากหมู่เกาะมาเรียนาเหนือ; ภาษาสเปนเป็นภาษาราชการของเปอร์โตริโกและยังเป็นภาษาพูดอย่างกว้างขวางมาก ขึ้นนอกเหนือจากภาษาอังกฤษ ที่นั่น. 

การแบ่งเขตรัฐกิจ 
สหรัฐอเมริกาปัจจุบันประกอบด้วย รัฐ 50 รัฐ ดังต่อไปนี้ 
1.อลาบามา (Alabama)
“มลรัฐแห่งนกเยลโลว์แฮมเมอร์” (The Yallowhammer State) นก Yallohammer คือนกชนิดหนึ่ง
ตัวเล็ก หัว คอ และอกมีสีเหลือง นกชนิดนี้เป็นสัญญาลักษณ์ของรัฐอลาบามาจึงถูกนำมาตั้ง
เป็นชื่อเล่นของรัฐนี้

2. อลาสกา (Alaska)
มีสองชื่อเล่นคือ “พรมแดนสุดท้าย” (The Last Frontiea) และ “ดินแดนแห่งพระอาทิตยเที่ยงคืน”
(Land of the Midnight Sun) เพราะเป็นมลรัฐที่ใหญ่ที่สุด และอยู่ห่างไกลแผ่นดินใหญ่ที่สุด
ทางทิศเหนือติดพรมแดนประเทศแคนาดา

3. อริโซนา (Arizona)
“มลรัฐแห่งแกรนด์แคนยอน” (Grand Canyon State) Grand Canyon เป็นแหล่งท่องเที่ยว
ตามธรรมชาติ มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลอันประกอบด้วยหุบเขาสูงและลึก ชั้นหินสูงละลิ่ว
และมีแม่น้ำ Coloradoไหลผ่านจึงเป็นสัญลักษณ์และชื่อเล่นของมลรัฐนี้

4. อาร์แคนซอส์ (Arkansas)
“มลรัฐแห่งธรรมชาติ” (The natural State) ประกอบด้วย ป่าไม้ ไร่อ้อย ฝ้าย ข้าว
และถั่วเหลืองอันอุดมสมบูรณ์

5. แคลิฟอร์เนีย (California)
“มลรัฐแห่งทองคำ” (Golden State) ในศตวรรษที่ 19 มีการตื่นทอง (The Gold Rush)
เกิดขึ้นในมลรัฐนี้ จนเกิดคำพูดว่า “Go West Young Man” (ถ้าอยากรวย หรืออยากสาบสูญ
ก็ต้องไปขุดทองทางตะวันตกของประเทศ)สัญลักษณ์ ของมลรัฐนี้คือสะพานแขวน Golden Get
ในเมือง San Francisco และ Hollywoodเมืองอุตสหกรรมภาพยนตร์

6. โคโลราโด (Colorado)
“มลรัฐเฉลิมฉลองหนึ่งศตวรรษ” (Centennial State)มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีภูมิประเทศงดงาม เช่น
วนอุทยานเทือกเขาร๊อกกี้และสถานที่เล่นสกีอันเลื่องลือ

7. คอนเนกติกัต (Connecticut)
มีสองชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งรัฐธรรมนูญ” (The Constitution State) และ “มลรัฐแห่งผลจันทร์เทศ”
(Nutmeg State) nutmeg เป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่ง คือผลจันทร์เทศ นอกจากนี้มหาวิทยาลัยเยล
(Yale University) ก็อยู่ในมลรัฐนี้

8. เดลาแวร์ (Delaware)
มีสามชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งเพชร” (Diamond State) “มลรัฐหมายเลขหนึ่ง” (First State)
และ “โลกมหัศจรรย์ใบน้อย” (Small Wonder)

9. ฟลอริดา (Florida)
“มลรัฐแห่งตะวัน” (Sunshine State) เพราะเป็นมลรัฐที่มีลักษณะเป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล
มีแสงแดดอบอุ่นตลอดทั้งปี มีแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกคือ Disney World และชายหาด Miami
อันสวยงาม

10. จอร์เจีย (Georgia)
มีสองชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งลูกพีช” (Peach State) และ “เอ็มไพร์สเตทแห่งภาคใต้”
(Empire State of The South) เพราะมีการปลูกต้นพีชมาก เมืองหลวงคือ Atlanta
มีตึกสูงๆ ทันสมัยไม่น้อยหน้านิวยอร์ก

11. ฮาวายอิ (Hawaii)
“อโลฮา ฮาวายอิ” (Aloha Hawaii) เป็นมลรัฐที่ ห้าสิบของประเทศคำว่า “อโลฮา”
เป็นคำทักทายของชาวพื้นเมืองของหมู่เกาะชาวฮาวายอิ จึงเป็นสัญลักษณ์และชื่อเล่น
ของมลรัฐ Hawaii

12. ไอดาโฮ (Idaho)
“มลรัฐแห่งอัญมณี” (Gem) มีการทำเหมืองแร่และป่าไม้

13. อิลลินอยส์ (Illinois)
“มลรัฐที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทุ่งหญ้า”(Prairie State) เมือง Sprigfield ในมลรัฐ
Illinois เป็นประธานาธิบดี Abraham Lincoln ผู้เลิกระบบทาส

14. อินเดียนา (Indiana)
“มลรัฐแห่งทีมบาสเกตบอลฮูเซียร์” (Hoosier State) Hoosier เป็นชื่อทีมบาสเกตบอล
ชื่อเสียงขจรขจาย จึงเป็นความภาคภูมิใจแห่งชาวมลรัฐ Indiana

15. ไอโอวา (Iowa)
“มลรัฐแห่งตาเหยี่ยว” (Hawkeye State) เหยี่ยวเป็นสัตว์ที่ว่องไว บินสูง และมีตาแหลมคม
มลรัฐนี้มีการเกษตรกรรม เช่น การทำฟาร์มและปศุสัตว์

16. แคนซัส (Kansas)
มีสองชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งดอกทานตะวัน” (Sunflower State) และ “มลรัฐกลุ่มผู้ต้องการ
ล้มเลิกระบบทาส” (Jayhawk State) jayhawk เป็นกลุ่มหัวรุนแรงในมลรัฐ Kansas
ในสมัยสงครามกลางเมือง

17. เคนตักกี (Kentucky)
“มลรัฐแห่งดนตรีเครื่องสาย” (ได้แก่ แบนโจและกีตาร์) (Bluegrass State) Kentucky
ยังมีชื่อเสียงเรื่องการเลี้ยงม้าแข่งพันธุ์ดีที่สุดของโลก

18. หลุยเซียนา (Louisiana)
“มลรัฐแห่งนกกระทุง” (Pelican State) นกกระทุงเป็นนกขนาดใหญ่กินปลา คอพอก เมือง
New Orleans ในมลรัฐ Louisiana เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพราะมีบรรยากาศ
ฝรั่งเศสและเทศกาล Mardi Gras

19. เมน (Maine)
“มลรัฐแห่งต้นสน” (Pine Tree State) ต้นสนมีใบแหลมมีรูปเป็นกรวย ที่ใดมีป่าสน
ที่นั่นอากาศดี เพราะต้นสนให้ออกซิเจน มลรัฐนี้มีภูมิประเทศเป็นภูเขาและทะเลสาบ

20. แมรีแลนด์ (Maryland)
มีสองชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งเสรีภาพ” (Free State) และ “มลรัฐแห่งสายเก่า”
(Old line State) เป็นหนึ่งใน 13 รัฐแรก

21. แมสสาซูเสตส์ (Massachusetts)
มีสองชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งอ่าวทะเล” (Bay State)และ “มลรัฐแห่งอาณานิคมอันเก่าแก่”
(Old Colony State) เป็นหนึ่งใน 13 รัฐแรกและมีประวัติศาสตร์เป็นศูนย์กลางของ
ปัญญาชนและนักศึกษา

22. มิชิแกน (Michigan)
“มลรัฐแห่งวูฟเวอรีน” (Wolverine State) วูฟเวอรีน (Wolverine)เป็นสัตว์ในเขตหนาว
จำพวกสุนัขจิ้งจอก คล้ายแมว เลี้ยงลูกด้วยนม มีขนยาวสีดำ Michigan ล้อมรอบด้วยทะเลสาบ
ถึงสี่ทะเลสาบ และเป็นรัฐอันดับหนึ่งที่ผลิตรถยนต์และอุตสาหกรรมการผลิตเหล็ก โดยมีเมือง
Detroit เป็นเมืองอุตสาหกรรมสำคัญ

23. มินเนโซตา (Minnesota)
มีสามชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งดาวเหนือ” (North Star State) “มลรัฐแห่งกระรอกโกเฟอร์”
(Gopher State) และ “ดินแดนแห่ง 10,000 ทะเลสาบ”(Land of 10,000 Lakes)
โกเฟอร์ (gopher) เป็นกระรอกอยู่ทวีปอเมริกาเหนือคล้ายหนูขนาดใหญ่ มีกระพุ้งแก้มใหญ่มาก

24. มิสซิสซิปปี (Mississippi)
มีชื่อเล่นว่า “มลรัฐแห่งดอกแมกโนเลีย” (Magnolia State) แมกโนเลีย (Magnolia)
เป็นพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่ง จำพวกดอกมณฑามีดอกสีขาว ชมพู ม่วง และเหลือง Mississipp
i ยังเป็นรัฐที่มีการปลูกฝ้ายมากที่สุดในประเทศ

25. มิสซูรี (Missouri)
“มลรัฐที่มีสิ่งให้ชมมากมาย” (Show-me State) มลรัฐนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์
เช่น Hannibal เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของนักประพันธ์เอก Mark Twain และพิพิธภัณฑ์
Jesse James

26. มอนตานา (Montana)
“มลรัฐแห่งสมบัติล้ำค่า” (Treasure State) สิ่งที่มีค่าของมลรัฐนี้ คือ การเกษตร การล่าสัตว์
และการเลี้ยงสัตว์ เช่น แกะ และปศุสัตว์

27. เนบราสกา (Nebraska)
มีสองชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งผู้แกะข้าวโพด” (Cornhusker State) และ “มลรัฐแห่งเนื้อวัว”
(Beef State) ทั้งสองชื่อนี้แสดงว่ามลรัฐนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยข้าวโพดและวัว และยังมีอุตสาหกรรม
บรรจุเนื้อสัตว์ในเมืองใหญ่ ๆ อีกด้วย

28. เนวาดา (Nevada)
มีสามชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งพันธุ์ไม้ละเมาะ” (Sagebrush State) “มลัฐที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแร่เงิน”
(Silver State) และ “มลรัฐที่เกิดมาเพื่อการรบ” (Battle Born State) มลรัฐนี้มีคาสิโน ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและศูนย์กลางบันเทิงชั้นแนวหน้าของโลกอยู่ใน Las Vegas

29. นิวแฮมเซียร์ (New Hampshire)
“มล รัฐที่อุดมสมบูรณ์ด้วยหินแกรนิต” (Granite State) New Hampshire เป็นรัฐที่มีทัศนียภาพ งดงามและแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

30. นิวเจอร์ซี (New Jersey)
“มลรัฐที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพันธุ์ไม้” (Garden State) มลรัฐนี้มีสถานที่ตากอากาศตามแนวชายฝั่ง
และมีสถานคาสิโนที่ถูกต้องตามกฎหมาย

31. นิวแม็กซิโก (New Mexico)
“ดินแดนแห่งมนต์ขลัง” (Land of Emchantment) ชื่อทางการของมลรัฐนี้ตั้งตามประเทศแม็กซิโก
ที่อยู่ติดกัน

32. นิวยอร์ก(New York)
“มลรัฐแห่งตึกระฟ้าเอ็มไพร์สเตท” (Empire State) ซึ่งเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา
จึง เป็นสัญลักษณ์และชื่อเล่นของมลรัฐนี้ “แอปเปิลผลใหญ่” (The Great Apple) คืออีกฉายาหนึ่งที่ใช้เรียกรัฐนี้อย่างไม่เป็นทางการแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ของมลรัฐนี้คือ
น้ำตกไนแอการา (Niagara Falls)

33. นอร์ธแคโรไลนา (North Carolina)
“มลรัฐแห่งน้ำมันดิบ” (Tar Heel State) North Carolina เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของ
Carl Sandburg นักประพันธ์ร่วมสมัยในศตวรรษที่ 20

34. นอร์ธดาโกตา (North Dokota)
มีสี่ชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งอินเดียนแดงเผ่าเซอุ๊กซ์” (Sioux State) “มลรัฐแห่งนกฟลิกเคอร์เทล”
(Flickertail State) “มลรัฐแห่งอุทยานสันติภาพ” (Peace Garden State) และ
“มลรัฐแห่งผู้ขับขี่ทรหด” (Rough Rider State)

35. โ อไฮโอ (Ohio)
“มลรัฐแห่งตาไม้” (The Buckeye State) buckeye คือบริเวณใจกลางของเนื้อไม้ซุงหรือตาไม้ซุง
ลักษณะเป็นวงเล็ก ๆ ที่ซ้อนด้วยวงใหญ่ ๆ Ohio เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของประธานาธิบดีถึงห้าท่าน
มีเมือง Youngstown เป็นเมืองสำคัญด้านอุตสาหกรรมเหล็ก

36. โอกลาโฮมา (Oklahoma)
“มลรัฐแห่งอนาคตอันใกล้” (Sooner State) ในอดีต มลรัฐนี้เป็นดินแดนอยู่ห่างไกลความเจริญ
(The Wilderness) และเป็นถิ่นฐานของอินเดียนแดง

37. ออเรกอน (Oregon)
“มลรัฐแห่งตัวบีเวอร์” (Beaver State) beaver เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งจำพวกหนู คล้ายนากกินปลา
ขนาดเท่าแมว ฟันคม สามารถกัดต้นไม้ใหญ่ ๆ ให้ล้มได้ หนังมีขนละเอียดใช้ทำเครื่องกันหนาว
อาศัยอยู่ในน้ำ Oregon มีอุตสาหกรรมจับปลาแซลมอนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

38. เพนซิลเวเนีย (Pennsylvania)
“มลรัฐที่เป็นหลักสำคัญ” (Keystone State) Keystone คือหินก้อนที่อยู่บนสุดตรงกลางของยอดโค้ง
หรือหลังคาโค้งทำหน้าที่ยึดหินก้อนอื่น ๆ มิให้คลาดเคลื่อนหรือหลุดจากกัน ดังเช่น Pennsylvania
ซึ่งเป็นมลรัฐที่มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งประเทศ

39. โรดไอส์แลนด์(Rhode Island)
“มลรัฐแห่งมหาสมุทร” (Ocean State) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกติดมหาสมุทร
แอตแลนติก

40. เซาธ์แคโรไลนา (South Carolina)
“มลรัฐแห่งต้นปาล์มรูปใบพัด” (Palmetto) South Carolina เป็นสมรภูมรบสำคัญทางประวัติศาสตร
์ในสมัยสงครามกลางเมือง

41. เซาธ์ดาโกตา (South Dakota)
มีสองชื่อเล่น “มลรัฐแห่งภูเขารัชมอร์” (Mount Rushmore Sate) และ “มลรัฐแห่งไคโอต”
(Coyote State) เป็นภูเขา Rush More ที่ด้านหนึ่งแกะสลักเป็นรูปใบหน้าของประธานาธิบดีสี่ท่าน
ได้แก่่ George Washingtom, Thomas Jefferson, Abraham Lincoln และ Theodore
Roosevelt ส่วน coyote เป็นหมาป่าตัวเล็ก อาศัยอยู่ภาคตะวันตกของอเมริกา

42. เทนเนสซี (Tennessee)
“มลรัฐแห่งอาสาสมัคร” (Volunteer State) แหล่งท่องเที่ยวสำคัญคือเมือง Memphis บ้านเกิดเมืองนอน
ของ Elvis Presley นักร้องในศตวรรษ 1960

43. เท็กซัส (Taxas)
“มล รัฐแห่งดาวดวงเด่น” (Lone Star State) เพราะมลรัฐนี้มีธงประจำรัฐเป็นรูปดาวดวงเดียวโดดเด่น เอกลักษณ์อีกอย่างของมลรัฐนี้คือการขี่ม้าผาดโผนที่เรียกว่า Rodeo cowboy เมืองสำคัญคือ Houston ซึ่งเป็นฐานปล่อยจรวดและศูนย์ฝึกมนุษย์อวกาศ

44. ยูทาร์ (Utah)
“มลรัฐแห่งรังผึ้ง” (Beehive State) เมือง Salt Lake City ในรัฐ Utah เคยเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก
ฤดูหนาวใน ค.ศ. 2002

45. เวอร์มอนต์ (Vermont)
“มลรัฐแห่งภูเขาสีเขียว”(Green Mountain State ) นักท่องเที่ยวนิยมเล่นสกีและตกปลาตามแหล่งท่องเที่ยว
สำคัญต่าง ๆ ของมลรัฐนี้

46. เวอร์จิเนีย (Virginia)
มีสองชื่อเล่นคือ “มลรัฐที่การปกครองอย่างเก่า” (The Old Dominion) และ “เมืองมารดรแห่งประธานาธิบดี”
(Mother of Presidentts) เพราะเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของประธานาธิบดีสามท่านโดยเฉพาะประธานาธิบด
ีท่านแรก George Washington และมีเมือง Jamestown ป็นเมืองประวัติศาสตร์เพราะเป็นเมืองแรก
ที่มีคนผิวขาวอพยพเข้ามาตั้งรกรากและเป็นเมืองแรกที่มีทาสผิวดำ

47. วอชิงตัน (Washington)
“มลรัฐที่เขียวชอุ่มตลอดปี” (Evergreen State) มีเมืองสำคัญคือ Seattle ซึ่งเป็นศูนย์วิทยาศาสตร์อากาศ

48. เวอร์จิเนียตะวันตก (West Virginia)
“มลรัฐแห่งภูเขา” เพราะพื้นที่เต็มไปด้วยภูเขาสูง ๆ ต่ำ ๆนอกจากนี้ยังมีอุทยานแห่งชาติ ป่าไม้และ
บริเวณสันทนาการมากมาย

49. วิสคอนซิน (Wisconcin)
มีสองชื่อเล่นคือ “มลรัฐแห่งแบดเจอร์” (Badger State) และ “มลรัฐแห่งนมเนย” (Dairy State)
badger คือสัตว์ชนิดหนึ่งขนาดเท่าสุนัขจิ้งจอก เท้ามีเล็บอย่างหมี และมลรัฐนี้ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยนมเนย

50. ไวโอมิง (Wyoming)
“มลรัฐแห่งความเสมอภาค”(Equality State)สัญลักษณ์คือวนอุทยาน Yellowstoneซึ่งเป็นวนอุทยาน
แห่งชาติแห่งแรกของประเทศสหรัฐอเมริกา





ที่ตั้งและข้อมูลสำหรับติดต่อ
เว็บไซต์: สถานทูตและสถานกงสุลอเมริกา - USTravelDocs

สถานทูตอเมริกา กรุงเทพฯ ประเทศไทย
ที่อยู่: 95 ถนนวิทยุ
กรุงเทพฯ 10330 ประเทศไทย
แฟกซ์: +66-2-254-1171
เว็บไซต์: http://thai.bangkok.usembassy.gov/ อีเมล:
สถานกงสุล จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย 
ที่อยู่: ที่อยู่: 387 ถนนวิชยานนท์
เชียงใหม่ 50300 ประเทศไทย<
แฟกซ์: +66-53-252-633
เว็บไซต์: http://chiangmai.usconsulate.gov/ อีเมล: conschiangmai@state.gov


 






No comments:

Post a Comment