Thursday, December 31, 2015

วัดแสนสุขารม

 วัดแสนสุขารม   ตามประวัติกล่าวว่าชื่อของวัดมาจากเงินจำนวน 100,000 กีบ  ที่มีผู้บริจาคให้เป็นทุนเริ่มสร้าง เป็นวัดเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นภายหลังที่นครหลวงพระบางแยกออกจากนครหลวงเวียงจันทน์

วัดใหม่สุวรรณภูมารามหรือที่ชาวหลวงพระบางเรียกกันสั้นๆว่า "วัดใหม่"

วัดใหม่สุวรรณภูมารามหรือที่ชาวหลวงพระบางเรียกกันสั้นๆว่า "วัดใหม่" เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชบุญทัน ซึ่งเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์สุดท้ายของลาวและยังเคยเป็นที่ประดิษฐานพระบาง พระพุทธรูปคู่เมืองหลวงพระบาง  

วัดวิชุนราช

วัดวิชุนราช  วัดนี้มีพระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่รูปทรงคล้ายแตงโม ชาวลาวเรียกว่าพระธาตุหมากโม วัดวิชุน มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์   ซึ่งเดิมเป็นที่ประดิษฐานพระบาง และเป็นแหล่งรวมผลงานฝีมือช่างสกุลต่างๆ

น้ำตกตาดกวงสี ห่างจากหลวงพระบางไปประมาณ 30 กม.

น้ำตกตาดกวงสี ห่างจากหลวงพระบางไปประมาณ 30 กม. ผ่านหมู่บ้านชนบทริมสองข้างทาง ชมความงดงามของน้ำตกซึ่งเป็นน้ำตกที่สวยงามแห่งหนึ่งของหลวงพระบาง

ตลาดเช้า หลวงพระบาง

 ตลาดเช้า หลวงพระบาง ท่านจะได้เห็นวิถีชีวิตของชาวพื้นเมืองหลวงพระบาง ชิมกาแฟโบราณประชานิยม ที่หลายคนบอกว่าอร่อยที่สุดของหลวงพระบาง

ตักบาตรข้าวเหนียว

 ตักบาตรข้าวเหนียว เพื่อเป็นศิริมงคล ซึ่งในตอนเช้าจะมีพระภิกษุออกมาบิณฑบาตรนับร้อยรูป

โรงแรม SUNWAY HOTEL

โรงแรม  SUNWAY  HOTEL

พระธาตุพูสี

พระธาตุพูสีที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 150 เมตร ใจกลางเมืองหลวงพระบาง ใครก็ตามที่มาเยือนหลวงพระบางจะต้องขึ้นไปบูชาพระธาตุ ถ้าไม่ไปบูชาก็เหมือนมาไม่ถึงหลวงพระบาง

วัดเชียงทอง วัดหลวงคู่เมืองหลวงพระบาง

วัดเชียงทอง วัดหลวงคู่เมืองหลวงพระบาง โดยพระเจ้าชัยเชษฐาธิราชได้โปรดให้สร้างขึ้น บริเวณที่ตั้งของวัดที่ตอนหัวโค้งของแผ่นดินที่แม่น้ำคานมาบรรจบกันกับแม่น้ำโขง

พระราชวังเก่าเจ้ามหาชีวิต

พระราชวังเก่าเจ้ามหาชีวิต  อดีตเป็นพระราชวังหลวงซึ่งเป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตลาว สร้างโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบ   ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์   มีหอที่ประดิษฐานพระบาง                   พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร


Wednesday, December 30, 2015

ท่องเที่ยว “ยะโฮ-สิงคโปร์-เก็นติ้งไฮแลนด์” 4 วัน 3 คืน

แพ็กเกจท่องเที่ยว “ยะโฮ-สิงคโปร์-เก็นติ้งไฮแลนด์” 4 วัน 3 คืน มีรายละเอียดดังนี้

วันแรก: รับหาดใหญ่ - แวะมะละกา - ยะโฮบารู
    6.00 น. พร้อมกันที่จุดนัดพบ อ.หาดใหญ่ นำคณะเดินทางสู่ประเทศมาเลเซียผ่านด่านสะเดาของไทย ทำการตรวจประทับตราหนังสือเดินทาง ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและพิธีการศุลกากรของมาเลเซียที่ด่านบูกิตคาอีตั๊ม จากนั้นเดินทางตามเส้นทางไฮเวย์ของมาเลเซียที่เชื่อมระหว่างไทยกับสิงคโปร์
    12.00 น. บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 1) จากนั้นนำคณะชมเมืองมะละกา นครแห่งประวัติศาสตร์ของมาเลเซีย ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงและเมืองท่าอันเก่าแก่ นครที่ผสมผสานระหว่างชาวดัช โปรตุเกส อังกฤษ จีน ทำให้มีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม นำคณะเดินขึ้นเขา St.Paul Hill ชมทิวทัศน์ของเมืองและสักการะรูปปั้นนักบุญ St.Francis ที่ศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นชมทิวทัศน์ และดูจุดยุทธศาสตร์จากยอดเขา ถึงเวลาอันสมควรเดินทางลงจากเขา ชมป้อม A Famosa ป้อมป้องกันเมืองของโปรตุเกส ซึ่งถูกทำลายโดยอังกฤษจนเกือบหมดเพราะไม่ต้องการให้มะละกามีเขี้ยวเล็บ จึงเหลือไว้แค่ประตู Porta De Santiago สมควรแก่เวลาเดินทางสู่เมืองยะโฮบารู
    19.00 น. บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 2) จากนั้นเดินทางสู่ที่พัก โรงแรม Grand Sentosa หรือเทียบเท่า และพักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่สอง: สิงคโปร์ - เมอร์ไลอ้อน - ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ (ไม่รวมตั๋ว) - การ์เด้นบายเดอะเบย์ (ไม่รวมตั๋ว) - นอนยะโฮบารู
    6.00 น. บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่ 3) จากนั้นนำคณะเดินทางผ่านพิธีการ ตรวจประทับตราหนังสือเดินทาง ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองพิธีการทางศุลกากรของทั้งสองประเทศ และเดินทางสู่ใจกลางเมือง ผ่านชมความสวยงาม ความเป็นระเบียบและสะอาดของเมืองสิงคโปร์ จากนั้นเดินทางไปถนนอลิซาเบธวอล์ค ซึ่งเป็นจุดชมวิวริมแม่น้ำสิงคโปร์ ถ่ายรูปคู่เมอร์ไลอ้อน สัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ที่มีอายุกว่า 30 ปี มีโรงละครเอสเพลนเนตที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมคล้ายเปลือกทุเรียนอยู่ใกล้ๆ กัน
    จากนั้น เดินทางสู่ รีสอร์ท เวิลด์ เซนโตซ่า (ไม่รวมตั๋ว) เมืองสวนสนุกที่จำลองเครื่องเล่นมาจากภาพยนตร์ชื่อดังของฮอลลีวู้ด สัมผัสกับช่วงเวลาแห่งความประทับใจกับ ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ
    12.00 น. รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 4) เดินทางสู่ Gardens by the Bay (ไม่รวมตั๋ว) อีกหนึ่งโครงการใหญ่ของสิงคโปร์ จากนั้นช็อปปิ้งถนนออชาร์ด แหล่งสินค้าชื่อดังของสิงคโปร์ อาทิ เซ็นเตอร์พอยท์ โรบินสัน ลักกี้พลาซ่า อิเซตัน ตากาซิยาม่า ฯลฯ
    18.30 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 5) เดินทางประทับตรา 2 ประเทศ นำคณะกลับเข้าที่พัก โรงแรม Grand Sentosa หรือเทียบเท่า

วันที่สาม: ยะโฮปารู - ปุตราจาย่า - กัวลาลัมเปอร์ - ซิตี้ทัวร์ - เก็นติ้งไฮแลนด์
    7.00น. บริการอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่ 6) จากนั้นเดินทางสู่กัวลาลัมเปอร์ ไปเมืองใหม่ ปุตราจาย่า เมืองศูนย์กลางของหน่วยงานราชการและโครงการนำร่องด้านไอที
    12.00 น. บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 7) และไปต่อที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย นำชมจัตุรัสเมอร์เดก้า สถานที่ประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ ผ่านชมทัศนียภาพของเมืองหลวง ตึกรัฐสภา มัสยิดหินอ่อน สถานีรถไฟเก่าแก่ KL Tower พร้อมถ่ายภาพคู่กับตึกแฝดไว้เป็นที่ระลึก ก่อนแวะร้านช็อกโกแลต และร้านนาฬิกาปลอดภาษี
    18.00 น. อาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 8) สู่สถานีเก็นติ้ง สกายเวย์ นั่งกระเช้าลอยฟ้า ชมทัศนียภาพที่เขียวชอุ่มตลอดทาง
    ถึงสถานีบนรีสอร์ท นำคณะเข้าพัก โรงแรม First World หลังจัดเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้วไกด์จะเป็นผู้นำชมคาสิโนถูกกฎหมาย หรือแวะไปที่แกลเลอเรียสำหรับผู้มาเยือน จากนั้นไปเปลี่ยนบรรยากาศที่First World Plaza สัมผัส Rilpey's Believe It or Not และเครื่องเล่นต่างๆ

วันที่สี่: เก็นติ้งไฮแลนด์ - วัดเปรัค
    7.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม (มื้อที่ 9) อำลายอดเขาเก็นติ้ง เดินทางกลับหาดใหญ่ แวะนมัสการองค์พระยูไล เจ้าแม่กวนอิม และพระสังกัจจายน์ เพื่อความเป็นสิริมงคล
    12.00 น. บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 10) จากนั้นเดินทางกลับหาดใหญ่
    17.00 น. ถึงด่านจังโหลน แวะช็อปสินค้าจากดิวตี้ฟรี ก่อนผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง


ข้อมูลทั่วไป กรุงโซล ประเทศเกาหลี

กรุงโซล
ในปีที่ 3 ของการปกครองของราชวงศ์โชซอน (ปี ค.ศ.1394) นั้น ได้มีการย้ายเมืองหลวงมาที่กรุงโซล
และตั้งแต่นั้นมาเป็นเวลากว่า 600 ปีแล้ว ที่กรุงโซลกลายเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ
วัฒนธรรม และการคมนาคม ในปัจจุบันประชาชนชาวเกาหลีจำนวน 1 ใน 4 ใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโซล ที่ถือ
ว่าเป็นจุดศูนย์กลาง และศูนย์รวมของความรู้ทั้งปวง ที่กรุงโซลมีการเก็บวัตถุโบราณของราชวงศ์โชซอน
ไว้มากมาย นั่นคือ ประตูทงแดมุน และนัมแดมุน พระราชวัง 5 แห่ง อันมีชื่อว่า เคียงบกกุง ชางด๊อกกุง
ชางเกียงกุง ถ๊อกซูกุง และเคียงฮุยกุง หลุมผังศพกษัตริย์ต่างๆ อันรวมถึง ฮองเนิง ซอนจองเนิง และ
ซุงเคียนกวัน สถาบันสอนลัทธิขงจื๊อของกรุงโซล มรดกของกรุงโซล แพร่หลายไปทุกหนแห่ง ในเวลา
เดียวกัน กรุงโซลก็ผงาดขึ้นโดดเด่นในแง่ของความทันสมัย และสถานที่ที่น่าดึงดูดใจมากมาย ไม่ว่า
จะเป็นสวนสนุกล๊อตเต้เวิลด์ หรือ หอคอยกรุงโซล อันถือเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโซลทีเดียว หอคอย
ติดไฟสว่างไสวตลอดคืน นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์และสวนสาธารณะต่างๆ ห้างสรรพสินค้า และศูนย์
การค้าอื่นๆ สโมสรแจ๊ซซ์ ร้านกาแฟ สถานคาสิโน เป็นต้น ทั้งหมดนี้ ทำให้กรุงโซลเป็นสถานที่ที่ท่าน
จะพบกับความพอใจ และความเพลิดเพลินอย่างที่ท่านต้องการ
การเดินทาง
การเดินทางในกรุงโซล
ไปและกลับจากสนามบินนานาชาติอินชน
การบุกเบิกงานสร้างถนนอันยาวเหยียดระหว่างสองเกาะสนามบินนานาชาติอินชน ซึ่งตั้งอยู่ห่างไปทาง
ตะวันตก 52 กม. จากใจกลางกรุงโซลและราว 15 กม. ชายฝั่งท่าเรือของเมืองอินชนเปิดทำการตลอด
24 ชั่วโมง สนามบินนานาชาติมีรหัสอักษร คือ ICN และคำย่อคือ "IIA"

การเดินทางโดยรถโดยสารลีมูซีน เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดราคาถูก ทั้งไป และกลับ ตามสถานที่ต่างๆ รอบๆ กรุงโซล ติดต่อสอบถามและซื้อตั๋วได้ที่แถวตู้ข้อมูลการท่องเที่ยวใกล้ทางออก 2 4 9 และ 13 ชั้นผู้โดยสารขาเข้า เส้นทางเดินรถสายหลักๆ

รถแท็กซี่
ในประเทศเกาหลีมีแท็กซี่ไว้บริการมากมาย ราคาไม่แพง สะอาดปลอดภัย มีป้ายจอดสำหรับแท็กซี่อยู่ทั่วไปตามเขตเมืองที่จอแจ และท่านสามารถเรียกแท็กซี่ตามถนน นอกจากนั้น ท่านยังสามารถเรียกแท็กซี่ทางโทรศัพท์ แต่แท็กซี่ประเภทนี้ จะมีราคาค่อนข้างแพง กว่าแท็กซี่ธรรมดา มีจำนวนคนขับรถแท็กซี่ที่พอพูดภาษาอังกฤษได้บ้างเพิ่มมากขึ้น

รถแท็กซี่ธรรมดา
ระบบค่าโดยสารขึ้นอยู่กับระยะทาง และเวลาที่ได้ใช้บริการไป ท่านจะต้องเสียค่าโดยสาร 1,600 วอน สำหรับ 2 กม. แรก และเสียอีก 100 วอน ทุกระยะ 168 ม. ที่เพิ่มขึ้น ถ้าจราจรติดขัดแท็กซี่วิ่งได้น้อยกว่า 15 กม. ต่อ 1 ชม. ท่านต้องเสียค่าโดยสารเพิ่มขึ้น 100 วอน ทุกระยะเวลา 41 วินาที

รถแท็กซี่แบบหรูหรา
ในประเทศเกาหลี เรียกรถแท็กซี่แบบหรูหราว่า "โมบ็อม" รถพวกนี้มีสีดำ ป้ายสีเหลืองข้างบน และมี
คำว่า "Deluxe Taxi" เขียนอยู่ด้านข้าง รถเหล่านี้ มีที่นั่งผู้โดยสารกว้างกว่า และมีบริการมาตรฐานสูง
ท่านต้องเสียค่าโดยสาร 4,000 วอน สำหรับ 3 กม. แรก และเสียอีก 200 วอน ทุกระยะ 205 ม. ที่เพิ่ม
ขึ้น หรือทุกๆ 50 วินาที ในช่วงที่จราจรติดขัด และรถใช้ความเร็วได้ต่ำกว่า 15 กม.ต่อ 1 ชม.
ค่าโดยสารปกติ ระหว่างสนามบินคิมโพ และย่านใจกลางเมืองประมาณ 69,000 วอน รวมค่าทางด่วน
แล้ว รถแท็กซี่ประเภทนี้ จะออกใบเสร็จให้ท่าน และไม่มีการเรียกเก็บเงินเพิ่ม ในกรณีที่ใช้บริการตอน
กลางคืนดึกๆ ท่านสามารถเรียกแท็กซี่ประเภทนี้ได้ ตามป้ายจอดตามโรงแรมต่างๆ สถานีต่างๆ สถานี
ปลายทางรถโดยสาร และตามถนนในเมืองใหญ่ทั่วไป

รถแท็กซี่ขนาดใหญ่
ให้บริการรถตู้รับผู้โดยสารได้ 8 คน รถดังกล่าว ยังติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เป็นภาษาต่างประเทศ เช่น
โทรศัพท์, เครื่องออกใบเสร็จรับเงิน และบริการชำระผ่านบัตรเครดิต อัตราค่าโดยสาร จะเหมือนกับ
รถแท็กซี่แบบหรูหรา ผู้โดยสารสามารถบรรทุกกระเป๋าได้มากขึ้น เพื่อความสะดวก

รถโดยสารประจำทาง
ระบบรถโดยสารประจำทางตามเมืองต่างๆ แตกต่างกันเล็กน้อย แต่เมืองใหญ่มีรถโดยสารธรรมดา
และรถด่วน ถึงแม้รถพวกนี้จะมีเบอร์ติดอยู่ แต่ป้ายต่างๆ เป็นภาษาเกาหลี ดังนั้น นักท่องเที่ยวที่มา
เกาหลีเป็นครั้งแรก อาจรู้สึกสับสนที่จะขึ้นรถให้ถูกคัน คุณควรให้คนช่วยหาป้ายรถโดยสารและเบอร์
รถที่คุณต้องการ ท่านอาจใช้เหรียญ หรือบัตรสำหรับจ่ายค่าโดยสาร ที่สามารถหาซื้อได้ตามแผงใกล้
ป้ายรถ

รถโดยสารประจำทางท้องถิ่น
รถโดยสารประจำทางในเมือง เป็นวิธีการคมนาคมที่หาง่ายที่สุดในโซล มีรถที่ตรงต่อเวลาและไม่แพง
โซลมีเครือข่ายรถโดยสาร ให้บริการทุกเขตของเมือง ค่าโดยสารสำหรับ ผู้ใหญ่ราคา 600 วอน ไม่ว่า
จะมีระยะทางเท่าไรก็ตาม

รถโดยสารประจำทางแบบพิเศษ
ในประเทศเกาหลี เรียกรถประเภทนี้ว่า "ชวาซก" ซึ่งสะดวกสบายกว่า และติดเครื่องปรับอากาศ
รถพวกนี้แวะจอดน้อยกว่ารถโดยสารปกติ จึงวิ่งในเขตที่จราจรติดขัดได้เร็วกว่า ค่าโดยสารสำหรับ
รถโดยสารประจำทาง แบบพิเศษราคา 1,300 วอน ค่าโดยสารสำหรับรถโดยสาร ประจำทางแบบ
ด่วนใหม่ และหรูหรา ราคา 1,400 วอน

รถไฟใต้ดิน
โซล พูซาน แทกู และอินชน มีระบบรถไฟใต้ดินที่ดีเยี่ยม รถไฟใต้ดิน เป็นวิธีการเดินทางที่สะดวก
สบายและมีประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับนักเดินทางชาวต่างชาติ ที่จะใช้เดินทางท่องเที่ยวไปรอบเมือง
ต่างๆ เพราะชื่อสถานี ช่องขายตั๋ว และป้ายสำหรับเปลี่ยนรถ เขียนเป็นภาษาอังกฤษอย่างชัดเจน

แผนที่รถฟ้าใต้ดินในโซล
สาย 1 สีน้ำเงินเข้ม
สถานี Seoul Station
- Namdaemun นัมแดมุน
- Namsan Park สวนนัมซาน
- Namsan Library ห้องสมุดนัมซาน

สถานี City Hall
- Deoksugung Palace พระราชวังด็อกชูกุง
- Nanta Theater (Gangbuk)
- National Museum of Art, Deoksugung พิพิธภัณฑ์แห่งชาติด็อกชูกุง
- Seoul Museum of Art

สถานี Jonggak
- Jogyesa Temple
- Ilmin Art Museum
- Kyobo Bookstore
- Youngpoong Bookstore

สถานี Jongno 3(sam)-ga
- Jongmyo Royal Shrine
- Seoul Cinema

สถานี Dongdaemun
- Dongdaemun (East Main Gate) ประตูเมืองทิศตะวันออก
- Dongdaemun Market ตลาดดงแดมุน

สาย 2 สีเขียว
สถานี Samseong
- COEX MALL ห้าง COEX Mall
- Megabox Cineplex โรงหนัง megabox 16 โรง

สถานี City Hall
- Deoksugung Palace
- Nanta Theater (Gangbuk)
- Chongdong Cultural Art Center
- National Museum of Art, Deoksugung
- Seoul Museum of Art
- Rodin Gallery

สถานี Euljiro 1(il)-ga
- Myeong-dong มยองดง
- Myeong-dong Catholic Church โบสถ์มยองดง
- CGV Myeongdong

สถานี E-dae
- Ewha Womans University
- Ahyeon-dong Wedding Street
- International House (iHOUSE)

สถานี Jamsil
- Lotte World สวนสนุกล็อตเต้เวิลด์
- Lotte World Indoor Ice Skating Rink
- 40-1 Lotte World Rifle Range
- Lotte World Folk Museum สถานี Gangbyeon
- Techno Mart
- Paradise Walker Hill Casino
- CGV

สถานี Gangnam
- City Cinema
- City Book Store

สถานี Dongdaemun Stadium
- Dongdaemun (East Main Gate) ประตูเมืองทิศตะวันออก
- Dongdaemun Market ตลาดดงแดมุน

สาย 3 สีส้ม
สถานี Jongno 3(sam)-ga
- Jongmyo Royal Shrine
- Seoul Cinema

สถานี Gyeongbokgung
- Gyeongbokgung Palace
- National Folk Museum
- Sejong Cultural Center
- Hanbok Museum
- The Blue House

สถานี Anguk
- Changdeokgung Palace and Huwon
- Unhyeongung Palace
- Insa-dong
- Hanbok Museum
- Gyeongin Art Gallery
- Jogyesa Temple

สถานี Apgujeong
- Apgujeong Rodeo Street
- Galleria Department Store
- Hyundai Department Store
- Dosan Park

สถานี Dongnimmun
- Dongnimmun
- Seodaemun Prison History Hall

สถานี Nambu Bus Terminal
- Seoul Arts Center
- Nat'l Center for the Traditional Performing Arts
- Museum of Traditional Music

สถานี Dongguk University
- National Theater of Korea

สถานี Yangjae
- Heoninneung Royal Tomb
- Seoul Center of Education and Cultur

สาย 4 สีน้ำเงิน
สถานี Seoul Grand Park
- Seoul Land
- Seoul Land Santa Sledding Hills
- National Museum of Contemporary Art

สถานี Dongdaemun
- Dongdaemun (East Main Gate)
- Dongdaemun Market

สถานี Myeong-dong
- Myeong-dong
- Myeong-dong Catholic Church
- Lotte Department Store

สถานี Seoul Station
- Namsan Park

สถานี Chungmuro
- Namsangol Traditional Korean Village
- Korea House
- Daehan Theater

สถานี Hyehwa
- Daehakno (University Street)
- Marronnier Park
- Sungkyunkwan University
- Dongsung Art Center
- Marronnier Art Gallery
- Dongsung Cinematheque

สถานี Hoeyheon
- Sungnyemun (Namdaemun)
- Namdaemun Market
- Mesa
- Namsan Park

สาย 5 สีม่วง
สถานี Ganghwamun
- Gyeongbokgung Palace
- Sejong Cultural Center
- Seoul Museum of History
- Jogyesa Temple
- Kyobo Bookstore

สถานี Seodaemun
- Gyeonghuigung Palace
- Nanta Theater (Gangbuk)
- Chongdong Cultural Art Center

สถานี Yeouinaru
- Hangang River Ferry Cruise เฟอร์รี่แม่น้ำฮันกัง
- Yeouido Park
- 63 Building ตึก 63
- Han River Citizens Park

สถานี Yeouido
- The National Assembly Building
- Yeouido Park

สถานี Jongno 3(sam)-ga
- Changdeokgung Palace and Huwon
- Jongmyo Royal Shrine
- Seoul Cinema

สาย 6 สีเหลืองเข้ม
สถานี Seoul World Cup Stadium
- Seoul World Cup Stadium

สถานี Itaewon
- Itaewon Special Tourist Zone

สถานี Taeneung
- Taeneung Royal Tomb

สถานี Hwarangdae
- Korea Military Academy
- Taereung International Rifle Range

สถานี Korean University
- Hongneung Arboretum

สาย 7 สีเขียวมะกอก

สถานี Express Bus Terminal
- Central City
- National Library of Korea
- Youngpoong Bookstore

สถานี Taeneung
- Taeneung Royal Tomb
- Taereung International Rifle Range

สถานี Ttukseom Yuwon District
- Han River Citizens Park

สาย 8 สีชมพู

สถานี Jamsil
- Lotte World
- Lotte World Indoor Ice Skating Rink
- 40-1 Lotte World Rifle Range
- Lotte World Folk Museum

สถานี Amsa
- Amsa-dong Prehistoric Settlement Site

สถานี Sanseong
- Namhansanseong Fortress

การใช้เครื่องขายตั๋วรถใต้ดิน
นอกจากท่านจะสามารถซื้อตั๋วได้ตามเคาน์เตอร์ขายตั๋วทั่วไปทุกสถานีแล้ว ท่านยังสามารถซื้อตั๋วได้ตาม
เครื่องขายตั๋ว ซึ่งมี 2 ประเภท ประเภทแรกใช้เฉพาะเหรียญ (10 วอน, 50 วอน, 100 วอน และ 500 วอน)
และอีกประเภท รับทั้งธนบัตร (1,000 วอน) และเหรียญ

เกาะเชจู ประเทศเกาหลี

เกาะเชจู
เชจูโด
เชจูโด หรือเกาะเชจู ซึ่งอยู่ทางใต้ของโซล เป็นหนึ่งในจังหวัดทั้งเก้าประเทศเกาหลี หากคุณเดินทาง
โดยเครื่องบินจากโซล จะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ทั้งยังมีเที่ยวบินตรงจาก โตเกียว โอซากา นาโงย่า
ฟูกูโอกะ เซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง มายังเชจู อีกด้วยหรือคุณจะเดินทางมาจาก พูซาน วานโด อินชน ยอซู
หรือ มกโพ โดยเรือเฟอร์รี่ก็ได้ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่แยกออกไปจากแผ่นดินใหญ่ และมีบรรยากาศ
โรแมนติค แบบประเทศในเขตร้อน โดยมีสี่ฤดู และอากาศอบอุ่นสบาย อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 15
องศาเซลเซียส ตลอดทั้งปี และในฤดูร้อน อุณหภูมิ โดยเฉลี่ยคือ 22-26 องศาเซลเซียส คู่บ่าวสาวที่
เพิ่งแต่งงาน และนักท่องเที่ยวจึงนิยมไปเที่ยวที่เกาะแห่งนี้

อุทยานแห่งชาติภูเขา ฮัลลาซาน
อุทยานแห่งชาติภูเขา ฮัลลาซาน ประกอบด้วยภูเขา ไฟสูงตระหง่านที่ได้ดับไปเป็นเวลานานแล้ว
และทุ่งนา ป่าเขา หมู่บ้านเล็กๆ และโรงแรมชั้นดีบนหาดทรายขาวสะอาด มีทางหลวงตัดข้ามเกาะ
5.16 และ 1,100 โรดส์ ตัดผ่านด้านที่ไม่สูงชันนักของอุทยานแห่งนี้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนบนเกาะแห่งนี้
คุณจะสามารถมองเห็นยอดเขาที่มีหิมะปกคลุมโผล่พ้นกลุ่มเมฆ ภูเขา ฮัลลาซาน มีความสูง 1,950 เมตร
จากระดับน้ำทะเล และเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศ

ปากปล่องภูเขาไฟ ซานกึมบูรี
ปากปล่องภูเขาไฟ ซานกึมบูรี เป็นหนึ่งในปากปล่องภูเขาไฟทั้งสามแห่งบนเกาะ เชจู อีกสองแห่ง
ได้แก่ ทะเลสาบเพ็งนกทัมที่ยอดเขาฮัลลาซาน และซงซานโป หรือ ยอดเขาตะวันขึ้นปากปล่องภูเขา
ไฟซานกึมบูรี มีเส้นรอบวงยาว 2 กิโลเมตร ในบริเวณนี้มีพันธุ์ไม้ต่างๆ ทั้งแบบกึ่งโซนร้อนแบบ
ภูมิอากาศอบอุ่นและแบบภูเขาทั้งหมด 420 ชนิด จนเป็นที่รู้จักในหมู่นักพฤษศาสตร์ว่า เป็นขุมสมบัติ
แห่งพรรณไม้ เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการไปเยือนปากปล่องภูเขาไฟซานกึมบูรีคือ ฤดูร้อนหรือฤดูใบไม้ร่วง

ซงซานโพ
คำนี้มีความหมายว่า เมืองท่าซึ่งเป็นป้อมปราการบนเขา แต่ในความเป็นจริงแล้ว เป็นหมู่บ้านเล็กๆ
สุดปลายด้านตะวันออกของเกาะ ซึ่งมีปล่องภูเขาไฟทรงกรวยคว่ำ เป็นภูมิประเทศที่เด่นชัดของบริเวณ
นี้ หินทรงกรวยคว่ำนี้มีชื่อเรียกว่า อิลชุลบง หรือ ยอดเขาแห่งตะวันรุ่ง เป็นหนึ่งในภูเขาไฟทั้งหมด 360
แห่ง ซึ่งกระจัดกระจายอยู่บนเกาะ ทางเดินแคบๆ จากเบื้องล่าง มุ่งไปสู่ขอบปล่องภูเขาไฟ ทางด้าน
ตะวันตกและเลยไปจนถึงยอด ถ้าคุณปีนขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดก็ได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างมหัศจรรย์
โดยเฉพาะตอนพระอาทิตย์ขึ้น

พิพิธภัณฑ์ชาโอซุลล็อค
ใกล้ๆ กับบันเจอาร์ตเบีย เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ชาโอซุลล็อค เป็นที่แสดงประวัติศาสตร์ในการ
ผลิตใบชา และวิธีการต่างๆ ในการผลิตชาเขียว ที่นี่มีห้องประชุม เพื่อการจัดสัมมนา และจะเห็น
ทัศนียภาพอันสวยงามของพื้นที่ปลูกใบชาที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี ใช้เวลา 5 นาที โดยแท๊กซี่จาก
บันเจอาร์ตเบีย

ปราสาทช็อกโกแลต
ปราสาทช็อกโกแลต ศูนย์รวมของช็อกโกแลต เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของเกาหลี ที่สร้างด้วยหิน
ภูเขาไฟแห่งเกาะเชจู ช็อกโกแลตในขนาดและรูปแบบต่างๆ รวบรวมจากทั่วโลก ช็อกโกแลตรสโสม
รสชาเขียว รสมะม่วง และรสใหม่ๆ ถูกผลิตขึ้นมาสำหรับผู้นิยมช็อกโกแลตทั้งหลาย และยังสามารถ
ชมวิธีการผลิตแบบท้องถิ่นได้โดยการมองผ่านตู้กระจก

หมู่บ้านวัฒนธรรมเชจู
หมู่บ้านวัฒนธรรมเชจู ท่านจะได้ทราบถึงชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีของ
ชาวเกาะเชจู หมู่บ้านประมง ตลาด และอื่นๆ เป็นต้น และที่สำคัญถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับคุณปู่ของชาว
เกาะเชจู "โทฮารุบัง"

น้ำตกชงจียอง
น้ำตกชงจียอง อยู่ไม่ไกลกันตั้งอยู่ในหุบเขา ท่านจะพบกับหินรูปร่างต่างๆ จุดถ่ายรูป และวิวที่สวย
มากจนคู่ฮันนีมูนเกาหลีทุกคู่ต้องมา

Yuen Yuen Institute (圆玄学院 Yuán Xuán Xué Yuàn)

Yuen Yuen Institute  (圆玄学院 Yuán Xuán Xué Yuàn)

ที่ตั้ง: บริเวณเนินเขาใกล้หมู่บ้าน Lowai บนถนน Lowai Road
เวลาทำการ:8.30-17.30 ทุกวัน
โทร +852 2492 2220

การเดินทาง:MTR สายสีแดง สถานี Tsuen Wan (สุดสายฝึ่งตะวันตก) ออก Exit “B1” จะเจอ Sai Lau kok garden   (西樓角路) ข้ามสะพานลอยข้ามถนนแล้วลงทางลงซ้าย หลังจากนั้นเลี้ยวขวาไปอีก 2 ครั้ง (ใช้เวลาเดินประมาณ 3 นาทีจากสถานี MTR) จะเจอป้าย Minibus # 81 ที่บนถนน Siu Wo  ซึ่งเป็น Franchised Minibus สำหรับนั่งไปลงหน้าวัดได้เลย ใช้เวลาไม่นานมาก หากนั่ง  taxi จาก MTR ราคาประมาณ HK$30 -35 ค่ะ

The Yuen Yuen Institute เป็นวัดขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 40,000 ตารางเมตรแห่งนี้ เป็นวัดแห่งเดียวในฮ่องกงที่บูชาทั้งศาสนาพุทธ ลัทธิเต๋า และขงจื้อ ชื่อของวัดอักษรจีน 3 ตัวแรก (圆玄学) ก็เปรียบถึงสัญลักษณ์แสดงถึงหัวใจสำคัญของคำสอนของทั้ง 3 ศาสนา คือ พุทธ เต๋า และ ขงจื้อ
圆 เปรียบถึงศาสนาพุทธ
ตัวที่สอง 玄 มาจาก คำวา 玄 教 xuán jiào ซึ่งหมายถึงลัทธิเต๋า และ
学 xué ซึ่งหมายถึงการเรียนรู้นั้น ก็เปรียบเสมือนปรัชญาหรือวิถีแบบขงจื้อ สัญลักษณ์ของการศึกษา ใฝ่หาความรู้อยู่เสมอ

จุดเด่นอยู่ที่วิหาร Great Temple of the Three Religions หรือ หอฟ้า ที่สร้างขึ้นด้วยหินธรรมชาติ เหมือนหอฟ้า Tian Tan ในปักกิ่ง ภายในมีเทพเจ้าและพระศาสดาของทั้งศาสนาพุทธ ขงจื้อ และเต๋า และเทพเจ้าตามโหราศาสตร์ดวงจีนที่สัมพันธ์กับปีนักกษัตรหรือปิเกิด หรือที่เรารู้จักในนามไทส่วยเอี๊ย Tai Sui ( 太 歲 ) เทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตาซึ่งเป็นเทพเจ้าที่เป็นที่ยอมรับนับถือกันมากที่สุดของลัทธิเต๋า  

วิหารไท้ส่วยเอี๊ยบน  (Tai Sui (太 歲 ) บนชั้น 2 ของหอฟ้า

การไหว้เทพเจ้าไท้ส่วยเอี้ยเป็นความเชื่อและประเพณีปฏิบัติอย่างหนึ่งของคนจีน เพื่อให้ท่านปกป้องคุ้มครองให้พ้นจากเคราะห์ภัยทั้งปวง ไทส่วยเอี๊ยมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละปีถึง 60 ปี

เราสามารถตรวจสอบเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยประจำปีเกิดได้ที่ป้ายด้านนอกซึ่งระบุตำแหน่งของ 60 องค์ไว้ตามปีเกิด
จากป้ายบอกรายละเอียดด้านหน้า : ตามหลักโหราศาสตร์จีน โป๊ยยี่สี่เถียว  (八字四柱) เชื่อว่า การนำพลังฟ้า 10 ราศีฟ้า (Celestial Trunks) กับ พลังจากพื้นดิน เรียกว่า 12 ราศีดิน (Earthly branches) หรือ 12 ปีนักกษัตร นำมาจับคู่กันเป็น 60 คู่ เท่ากับหนึ่งวัฏจักร เรียกว่า 60 ราศี มีเทพประจำอยู่ในแต่ละปีรวม 60 องค์ โดยในแต่ละปีจะมีเทพไท้ส่วยเอี้ยประจำตำแหน่งทั้ง 60 หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่คุ้มครองดวงชะตามนุษย์

เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละปี (คู่พลังราศีบนและล่างที่เปลี่ยนไป) ดวงชะตาของคนเกิดในปีนักกษัตรต่าง ๆ ทั้ง 12 ราศี จะมีความสัมพันธ์กับนักกษัตรปีนั้น ๆ ทั้ง ดี คือส่งเสริมกัน ที่คนจีนเรียกว่า “ฮะ” หรือ ไม่ดี คือ "ชง" กันนั่นเอง ถ้าปีใดส่งเสริมกัน ก็จะทำให้เจ้าชะตาชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง ทำอะไรก็จะประสบความสำเร็จ แต่ถ้าปีใดเป็นปีปฏิปักษ์ต่อกัน หรือ"ชง" ก็จะทำให้เจ้าชะตาชีวิตมีแต่อุปสรรค ติดขัด การดำเนินชีวิตไม่ราบรื่น

ในปี 2552 นี้ คู่ราศีบนล่างคือเรียกว่า กี้ทิ่ว - 己丑 และปีที่ถือว่า ชง ทับ และร่วมชง ไท้ส่วยเอี๊ยประจำปีนี้ ได้แก่ ปีนักกษัตร สุนัข แพะ มังกร และ ม้า (บางตำราบอกว่าเป็นปีวัว)


การสักการะไท้ส่วยเอี๊ยตามที่ทางวัดนี้แนะนำไว้

• ไหว้ องค์โต่วหมู่หยวนจุน (Dou Mu Yuan Jun, 斗 母 元 君) Goddess of the Northern Star ซึ่งเป็นเทพมารดาขององค์ไท้ส่วยทั้ง 60 องค์ ชาวจีนในไทยนิยมเรียกท่านว่า องค์เต้าบ้อ
• ไหว้องค์ไท้ส่วยประจำปี คือ ปี 2552 ปีวัว กี้-ทิ่ว - 己丑 ในตำแหน่งองค์ที่ 26 นามว่า ท่วงอิ๋วไท้ส่วยเอี้ย  (ถวนอิ้ว)
หากเป็นปีหน้า 2553 ซึ่งเป็นปีขาล แก-เอี้ยง 庚寅ตำแหน่งองค์ไท้ส่วยจะเปลี่ยนเป็นองค์ที่ 27 นามว่าอูฮ้วง (จีนกลาง: อูฮวาน) 

• ไหว้องค์ไท้ส่วยประจำปีเกิด โดยตรวจสอบจากป้ายด้านหน้าทางเข้าให้เราเอ่ยชื่อ-สกุล วัน เดือน ปี เกิด จุดธูป 3 ดอก อธิษฐานให้ท่านไท้ส่วยเอี้ย (เอ่ยนามของท่าน) ช่วยคุ้มครองดวงชะตาชีวิต (เนื่องจากภายในอารามนี้ไม่ให้จุดธูป เราเลยใช้วิธีอธิษฐาน แล้วนำธูปมาจุด ปักไว้ด้านนอกแทน)

รายนามของไท้ส้วยเอี้ยประจำปีเกิดทั้ง 60 องค์เช็คได้จากกระทู้นี้ ด้านล่าง ๆ นะค่ะ
http://www.hongkongfanclub.com/index.php?topic=5031.0


สายการบิน นกแอร์ (ประเทศไทย)

สายการบิน นกแอร์ (ประเทศไทย)

KOREA FESTIVAL เทศกาลประจำปีประเทศเกาหลี

KOREA FESTIVAL
เทศกาลเครื่องดื่ม และขนมพื้นบ้านแห่งเกาหลี (Korean Traditional Drink and Cake Festival)
เทศกาลอาหารพื้นบ้านเกาหลีนี้จัดขึ้นที่เคียงจู, จังหวัดเคียงซางบุก-โด ผู้มาเยือน จะพบกับขั้นตอนการทำเครื่องดื่ม และขนมข้าว พื้นบ้านชั้นครู และลองชิมฟรี รวมถึงขนมพื้นบ้านรับประทานคู่กับเครื่องดื่ม และขนมข้าวทั้งหมด ทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการครัว และขายในราคาลดพิเศษ เทศกาลเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของจีนและญี่ปุ่น ก็จะดื่มเคียงคู่ไปกับขนมข้าว งานด้านการครัวต่างๆ เปิดให้สำหรับทุกคนเข้าร่วม รวมถึงการแสดงนิทรรศการเครื่องดื่ม ขนมข้าว และเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ในการทำ วิธีการทำขนมข้าว การสาธิตการแต่งงานแบบดั้งเดิม และงานรื่นเริงที่จัดมาหลายชั่วอายุ การเรียนรู้มารยาทและขั้นตอนการดื่ม การแสดงดนตรีแบบดั้งเดิม ตามสมัยอาณาจักรชิลลา (Silla Kingdom) (57 ปี ก่อน ค.ศ. - ค.ศ. 935) และอื่นๆ

เทศกาลวัฒนธรรมวังอิน (Wang In Cultural Festival)
วังอินเป็นปราชญ์ในช่วงศตวรรษที่ห้าในสมัยอาณาจักรแพ็กเจ (Baekje Kingdom) (18 ปีก่อน ค.ศ. -
ค.ศ. 660) ท่านได้เดินทางไปญี่ปุ่น โดยคำเชิญของจักพรรดิญี่ปุ่น และได้เผยแพร่คำสอนของท่านขงจื๊อ
ตำราชนจามุน (Cheonjamun) (อักขระจีนพันตัว) และทักษะการทำกระดาษ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ช่วยอุปถัมภ์
วัฒนธรรมอาสุกะของญี่ปุ่น เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณประโยชน์ของท่าน

เทศกาลวัฒนธรรมวังอินได้มีการจัดขึ้นทุกปีที่บ้านเกิดของท่าน ที่ยองอัม-กุน จังหวัด ชลลานัม-โด มีการ
จัดพิธีการพิเศษอันหลากหลาย รวมถึงการให้บริการเพื่อเป็นการรำลึก และการจัดแสดงพิธีกรรมโบราณ
ที่อารามวังอินที่ซึ่งโต๊ะและรูปเขียนของท่านถูกยกย่องว่า "การเดินทะเลสู่ญี่ปุ่น" ที่ซึ่งผู้คนจะแต่งกาย
ในแบบแพ็กเจ 300 คน จะเดินตามรอยเท้าท่าน จากอารามไปยังท่าเรือซังแดโพ (Sangdaepo Ferry)
อันเป็นที่ที่ท่านออกเดินทาง และพิธีการอื่นๆ อีก เรือสไตล์แบกเช และข้าวของโบราณต่างๆ จะนำท่าน
ผู้มาเยือนกลับไปยังช่วงเวลาแห่งยุคแบกเช สิ่งที่ต้องชมอีกอย่างคือ การเดินพาเหรดโคมอักขระจีนพันตัวซึ่งนักเรียนหนึ่งพันคนจะออกเดินจากอาราม ไปยังท่าเรือในยามเย็น โดยแต่ละคนจะถือโคมที่มีตัวอักขระจีนสมัยขงจื๊อในแต่ละดวง

เทศกาลวัฒนธรรมออนยาง (Onyang Cultural Festival)
เทศกาลวัฒนธรรมออนยางจัดขึ้นในช่วงคล้ายวันเกิดท่านนายพลเรือยีซุน-ชิน (Admiral Yi Sun-shin)
เพื่อเป็นแรงบันดาลให้เกิดความรักชาติ ในการรำลึกถึงท่านผู้เป็นวีรบุรุษแห่งชาติผู้ต่อสู้กับการรุกรานของฮิเดโยชิแห่งญี่ปุ่น ในปี 1592 มีพิธีการหลากหลาย เพื่อแสดงการสรรเสริญต่อท่านนายพลยี เมื่อสี่ร้อยปีที่แล้ว และเป็นแรงบันดาลให้ผู้คนรู้สึกใกล้ชิดกับวีรบุรุษในประวัติศาสตร์

สถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว บริเวณใกล้เคียงได้แก่ อารามฮยองชุงซา (Hyeongchungsa Shrine) ซึ่งเป็น
ที่ประดิษฐานของอนุทินสงครามต่างๆ ที่เขียนขึ้นโดยท่านนายพล โคบุคซอน (Geobukseon) หรือ เรือเต่าซึ่งเป็นเรือรบหุ้มเกราะลำแรก และดาบยาว ที่ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติแห่งชาติ รวมถึงบ่อน้ำร้อนออนยางและอาซาน เหตุการณ์สำคัญได้แก่อาทิ เกมการรบทางทะเลของเรือเต่า การแข่งขันชักว่าว การแข่งขันมาราธอนของวีรบุรุษ การสาธิตการทดสอบการรับราชการทหาร และอื่นๆ

เทศกาลชินโด ยองดึง (Jindo Yeongdeung Festival)
ทะเลช่วงเกาะชินโด และเกาะโมโดห่างจากฝั่งโฮดอง-ริ (Hoedong-ri) ในจังหวัดชลลานัม-โด นั้นเป็นส่วนที่มีกระแสน้ำต่ำสุดในเดือนที่สามทางจันทรคติ ซึ่งน้ำลดจะเกิดถนนใต้ทะเลกว้าง 40 เมตร ยาว 2.8
กิโลเมตร ซึ่งเป็นที่รู้จักแก่โลกเป็นครั้งแรกในปี 1975 โดยท่านปีแอร์ รังดี (Pierre Randy) ท่านอัครราช
ทูตฝรั่งเศสประจำเกาหลี ได้รายงานปรากฏการณ์ประหลาดนี้ในสื่อของฝรั่งเศสว่า เป็นราวกับ "ปาฏิหารย์
ของโมเสส" ในรูปแบบเกาหลี ตำนานของปรากฏการณ์นี้มีอยู่ว่า ในอดีตกาลชาวเกาะได้รับความเดือดร้อนจากบรรดาเสือ ในปีหนึ่งการรุกรานของเสือถึงขึ้นร้ายแรงมากจนทำให้ชาวเกาะทั้งหมดต้องพลักพรากจากบ้านหนีไปยังเกาะโมโด เว้นแต่เพียงหญิงชราผู้หนึ่งชื่อยาย ป้อง ซึ่งสวดภาวนาด้วยแรงศรัทธาทุกวันว่าจะได้เห็นหน้าครอบครัวอีกครั้ง และแล้วเทวดาก็ช่วยยายด้วยการแบ่งทะเลออก

เทศกาลชินโด ยองดึง แสดงให้เห็นถึงการเฉลิมฉลองอันน่าปิติยินดี ด้วยพิธีสักการะบูชาต่อยายป้อง
(Grandma Ppong) เทศกาลจัดแสดง ตามตำนานด้วยการล่องทะเลด้วยแพท่อนซุง การสักการะของ
ชาวประมงต่อเทพแห่งทะเล และการชุมนุมของกุ้งหอยบนถนนทะเล การร้องเพลงเวลาทำงานของชาว
เกาะชินโด เพลงของพวกหามหีบศพ งานรื่นรมย์ของบบรรดาผู้ไว้ทุกข์ และการแสดงพื้นบ้าน ต่างที่เป็น
ลักษณะเฉพาะของเกาะชินโด จัดขึ้นที่สิ่งหลงเหลือจากประวัติศาสตร์ อาทิ ที่ ยองจางซันซอง
(Yongjangsanseong) (ป้อมภูเขา) และนัมโดซกซอง (Namdoseokseong) (ป้อมศิลา) ซึ่งถูกสร้าง
ในสมัยราชวงศ์โคเรียว (Goryeo Dynasty) (ค.ศ. 918-1392) และอุลลิมซานบัง (Ullimsanbang)
ห้องทำงานของโฮวยู (Heo Yu) จิตรกรผู้มีชื่อเสียงในปลายราชวงศ์ โชซอน (Joseon Dynasty)

เทศกาลชุนยาง (Chunhyang Festival)
เทศกาลชุนยาง ซึ่งเป็นเทศกาลยอดนิยมตลอดกาลในประเทศเกาหลี จัดขึ้นทุกปี ที่นัมวอนจังหวัด
ชลลาบุก-โด ชุนยางเป็นวีรสตรีผู้ซื่อสัตย์ ในชุนยางจอน (Chunhyangjeon) ซึ่งเป็นวรรณกรรมที่มีผู้อ่าน
อย่างกว้างขวาง ในช่วงกลางของราชวงศ์โชซอน เรื่องมีอยู่ว่า ชุนยาง ซึ่งเป็นลูกสาวของนักแสดง
เกษียณอายุหญิงคนหนึ่ง ได้ตกหลุมรักกับ ยีมอง-ยอง (Yi Mong-nyong) บุตรแห่งผู้ปกครองนัมวอน และ
ให้คำปฏิญาณว่าจะแต่งงานกัน มอง-ยองจะต้องไปอยู่เมืองหลวงฮานยาง (กรุงโซลในปัจจุบัน) ซึ่งพ่อของเขาถูกย้ายไปประจำที่นั่น รวมถึงต้องเตรียมตัวสอบเป็นจองหงวน ผู้ปกครองที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่นามว่าเบียน ต้องตาต้องใจในความงามของชุนยาง และทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะใจเธอให้ได้ ทว่าชุนยางปฏิเสธเขา ด้วยเธอภักดีต่อมอง-ยอง จนทำให้ผู้ปกครองซึ่งโกรธแค้นเธอ จับเธอใส่ตะรางและทุบตี ในงานวันเกิดของเบียน เขาเอาแอกไม้หนักๆ มาล่ามคอเธอ ยีปรากฏกายขึ้นในบันดล ด้วยตำแหน่งผู้ตรวจการลัดของหลวง ซึ่งได้รับมอบหมายให้มาสืบหาเจ้าหน้าที่ผู้ทุจริต เขาลงโทษ เบียน และช่วยชีวิตชุนยางได้ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้ใช้ชีวิตอย่างผาสุกมานับแต่นั้น

เทศกาลนี้ มุ่งประเด็นไปที่คุณธรรมแห่งความภักดีที่ไม่มีวันตาย กิจกรรมต่างๆ รวมถึงการเข้าเยี่ยมคารวะ
สุสานของชุนยาง พิธีการแสดงความเคารพชุนยางที่สวนกวางฮัลลูวอน ซึ่งผู้ประกอบพิธี 42 คน แสดงการคารวะ และนักดนตรี 30 คน จากศูนย์แสดงศิลปพื้นบ้านแห่งชาติเป็นผู้เล่นเพลง

การประกวดเพลงดั้งเดิมชุนยาง เป็นการแข่งขันดนตรีดั้งเดิมระดับชาติ และการแสดงต่างๆถูกนำเสนอใน
เทศกาลนี้ เพิ่มเติมด้วยเทศกาล หัตถกรรมไม้นัมวอนที่จัดขึ้นที่ เลิฟ พลาซ่า ใน โอฮยอน-ดอง (Eohyeon-dong) ซึ่งแสดงวิจิตรศิลป์แห่งหัตถกรรมจากไม้ หนึ่งในสิ่งพิเศษอันน่าภาคภูมิของนัมวอน ซีรึม(Ssireum) มวยปล้ำโบราณ และชิงช้าคีเนตุยกี (geunettwigi) (สำหรับผู้หญิงเล่น) มีขึ้นที่ริมลำธารโยชอน

สกู๊ต (ประเทศสิงค์โปร์)

สกู๊ต (ประเทศสิงค์โปร์)

Western Monastery (西方寺 : xī fāng sì)

Western Monastery (西方寺 : xī fāng sì)
ที่ตั้ง:อยู่ติดกันกับ Yuen Yuen Institute Temple ทางด้านซ้ายมือของวัด
การเดินทางไป Yuen Yuen : MTR สายสีแดง สถานี Tsuen Wan (สุดสายฝึ่งตะวันตก) ออก Exit “B1” จะเจอ Sai Lau kok garden (西樓角路) ข้ามสะพานลอยข้ามถนนแล้วลงทางลงซ้าย หลังจากนั้นเลี้ยวขวาไปอีก 2 ครั้ง (ใช้เวลาเดินประมาณ 3 นาทีจากสถานี MTR) จะเจอป้าย Minibus # 81 ที่บนถนน Siu Wo ซึ่งเป็น Franchised Minibus สำหรับนั่งไปลงหน้าวัดได้เลย ใช้เวลาไม่นานมาก หากนั่ง taxi จาก MTR ราคาประมาณ HK$30 -35
เวลาทำการ:8.30-18.00 ทุกวัน

Western Monastery นี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1964 และมีการพัฒนาเรื่อยมาตลอด 30 ปี จนกลายเป็นเขตเมืองใหม่ ด้านในวัดมี หอพระคัมภีร์ เจดีย์สูง 9 ชั้น ภายในบรรจุพระพุทธรูปองค์เล็ก 10,000 องค์ และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธเจ้าทั้ง 5 รวมทั้งพระศรีอาริยเมตไตร (พระสังกัจจายน์โพธิสัตว์) ภายในมีภาพวาดเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า อีกทั้งมีสวนพระโพธิสัตว์กวนอิม และอารามอันสวยงาม ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ต้องชมให้ได้เมื่อมาเยือนค่ะ

ตรงประตูทางเข้าด้านหน้า จะเหมือนกันทุกวัดเลยค่ะ คือพอผ่านเข้าไป เป็นที่ประทับของ

    พระศรีอาริยเมตไตรย 彌勒菩薩 (Mílè Púsa) หรือองค์พระสังกัจจายน์

    ด้านหลังของพระรูปเคารพของพระศรีอาริยเมตตรัย จะเป็นเทวรูปพระเวทโพธิสัตว์ หรือ พระสกันทโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นเทวรูปทรงเครื่องแบบนักรบ หน้าตางดงาม ทรงชุดขุนพลจีนโบราณ ยืนเอาด้านหลังพิงด้านหลังของพระศรีอาริยเมตตรัย โดยหันหน้าไปทางที่ตั้งของพระอุโบสถ

(สององค์นี้หลังพิงกันโดยพระศรีอาริยเมตตรัยหันหน้าไปออกไปทางประตูหน้าวัด ส่วนพระเวทโพธิสัตว์ หันหน้าเข้าหาโบสถ์)

ทางด้านในมีทางเดินไปขึ้นเจดีย์ 9 ชั้นค่ะ ระหว่างบันไดทางเดินขึ้นมีดอกไม้สีสวยสดอยู่โดยรอบเลยค่ะ

วิหารแห่งแรกบนเจดีย์นี้เป็นทีประดิษฐานพระธยานิพุทธะและพระโพธิสัตว์กัจจายนะ

ในพระพุทธศาสนามหายาน นั้น พระธยานิพุทธะโดยทั่วไปมี 5 พระองค์ อันได้แก่

พระอมิตภะพุทธะ (ประทับด้านหน้า) ประจำทิศตะวันตก
พระอโฆสิทธิพุทธะ ทางด้านซ้าย (วนตามเข็มนาฬิกา) ประจำทิศเหนือ
พระอักโษภยะพุทธะ ทางด้านหลัง (วนตามเข็มนาฬิกา) ประจำทิศตะวันออก
พระรัตนสัมภวะพุทธะ ทางด้านขวา (วนตามเข็มนาฬิกา) ประจำทิศใต้ และ
พระไวโรจนะพุทธะ (ประทับองค์กลาง ด้านบน) อยู่ประจำศูนย์กลาง

ซึ่ง ถือว่า อดีตพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงมีคุณานุภาพเท่ากัน เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงตรัสรู้นั้น เนื้อหาแห่งพุทธะเหมือนกันทั้งหมด

ด้านหน้าเป็นที่ประดิษฐานองค์พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์
พระเมตไตรยโพธิสัตว์ 彌勒菩薩 (Mílè Púsa) ชาวจีนเรียกว่า “มี่ ไต่ ฮุก” พุทธศาสนิกชนเชื่อกันมาแต่โบราณว่า พระศรีอริยเมตไตรยหรือพระศรีอาริย์ เป็น พระโพธิสัตว์สถิตอยู่สวรรค์ชั้นดุสิตบำเพ็ญบารมีเพื่อที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าต่อจากองค์สมณโคดม สมัยพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า นั้น บ้านเมืองจะสงบร่มเย็นประชาชนจะมีความสุขทุกประการ ถ้าหมั่นทำบุญทำทาน การกุศล แล้วจะได้ไปเกิดในสมัยนั้น บรรดาชาวพุทธทั้งหลายจึงมัก ตั้งจิต ปรารถนา ให้ได้พบพระศรีอริยเมตไตรย

เมตตานะ ศรีอริยะเมตโต พุทธานะมะ สันติเกโล อะนาคามิ สาธุ สาธุ สาธุ


ชั้นบนสุดเป็นโถงใหญ่ ซึ่งวันนี้มีการประกอบพิธีทางสงฆ์จีน เราจึงไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ มองเห็นด้านในลาง ๆ
โถงแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธเจ้าทั้ง ๗ พระองค์ ที่พุทธศาสนิกชนชาวจีนนิยมนับถือ

๑. พระวิชัยโลกมนจรพุทธเจ้า 最勝世界運意通證如來
๒. พระศรีรัตนโลกประภาโมษอิศวรพุทธเจ้า 妙寶世界光音自在如來
๓. พระเวปุลลรัตนโลกวรรณสิทธิพุทธเจ้า 圓珠世界金色成就如來
๔. พระพระอโศกโลกวิชัยมงคลพุทธเจ้า 無憂世界最勝吉祥如來
๕. พระวิสุทธิอาศรมโลกเวปุลลปรัชญาวิภาคพุทธเจ้า 淨住世界廣逹智慧如來
๖. พระธรรมมติธรรมสาครโลกมโนพุทธเจ้า 法意世界法海游戲如來
๗. พระเวปุลลจันทรโภคไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาพุทธเจ้า 滿月世界藥師琉璃光如來


    พระแม่กวนอิมปางพันเนตรพันกร เป็นปางหนึ่ง ซึ่งแต่ละพระหัตถ์มีพระเนตรอยู่กลางฝ่าพระหัตถ์ อันเป็นสัญลักษณ์แสดงถึง ความเอื้ออาทรที่จะโปรดสัตว์ผู้อยู่ในห้วงทุกข์อันหาขอบเขตมิได้

    พวกชาวประมงที่จับปลาก็จะไหว้ พระแม่กวนอิมปางที่ถือตะกร้าปลา

    ปางยืนประทานพรหงายมือหลั่งน้ำ มีลักษณะเป็นองค์ยืนกรข้างขวาถือแจกันและหงายกรเหมือนเทน้ำจากแจกัน กรข้างซ้ายยกขึ้นแค่หน้าอก



Tin Hua Temple @ Stanley Market

Tin Hua Temple @ Stanley Market

ที่ตั้ง:บริเวณระหว่าง Stanley Plaza และ Murray House

การเดินทาง: จาก Repulse Bay นั่ง bus สาย 6, 6x, 66, 260 ลงสุดป้าย ข้ามไปตรงตลาด เดินลัดเลาะไปตามเส้นทางตลาด Stanley ผ่านชายหาด ซึ่งมีร้านอาหารยุโรปแนวบูติก แบบบาร์เบียร์ตั้งอยู่เรียงราย เต็มไปด้วยนักท่องเทียวฝรั่ง ใช้เวลาเดินสัก 10 นาที จะถึง Stanley Plaza ผ่านร้าน MC Café ถัดไปจะเจอ Tin Hua Temple

คำว่า Tin Hau (จีนกลางอ่านว่า Tian Hou) หมายถึง "Empress of Heaven / Goddess of the Sea" เทพธิดาแห่งสรวงสวรรค์ / เทพีแห่งท้องทะเล หรือที่คนไทยเรียกท่านว่า "เจ้าแม่ทับทิม" นั่นเอง คนฮ่องกงนั้นให้ศรัทธาในเจ้าแม่ทับทิมเป็นอย่างมาก และมีวัดที่ชื่อ Tim Hau Temple อยู่มากมายหลายแห่งทั่วฮ่องกง โดยใช้ชื่อเดียวกันซึ่งจะแตกต่างจากบ้านเราที่แต่ละวัดจะมีชื่อแตกต่างกันออกไป


เทพธิดาแห่งสรวงสวรรค์ พระนามสกุลเดิม "Lin" เป็นชาวฟูโจว เป็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษเหนือธรรมชาติ สามารถป้องกันชาวประมงให้รอดพ้นจากอันตรายของพายุและความหายนะทางทะเล จีงได้รับการยกย่องจนเป็นที่สักการะบูชา เปรียบดัง เทพของชาวเรือใน ฮ่องกง ซึ่งเป็นเมืองแห่งเกาะที่มักต้องอาศัยท้องทะเลเพื่อการดำรงชีวิตอยู่เสมอๆ ด้วยเหตุผลนี้ ชาวฮ่องกงจึงมักนิยมสร้างศาลเทพ Tin Hau ตามหมู่บ้านและย่านต่างๆ โดยเฉพาะในบริเวณที่อยู่ใกล้หรือติดกับทะเล เมื่อเวลาจะออกเรือก็จะมีการไหว้บูชาท่านเพื่อเป็นสิริมงคลต่อตัวชาวเรือเอง ถ้าเห็นศาลเจ้าขนาดเล็กๆ ก็พอจะเดาได้เมื่อแรกเห็นว่าน่าจะเป็นศาลเทพ Tin Hau ซึ่งมีอยู่ถึงกว่า 100 แห่งในฮ่องกงและมาเก๊า

จากป้ายด้านหน้าระบุถึงปาฏิหารย์ของวัดแห่งนี้ไว้ว่าเมื่อคราวเกิดสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งญี่ปุ่นบุกมาที่ Stanley แห่งนี้ แม้ว่าวัดจะถูกระเบิดถึงสองลูก แต่ลูกระเบิดกลับไม่ระเบิดอย่างน่าหัศจรรย์ใจ ทำให้ผู้คนที่หนีเข้ามาหลบภัยในวัดแห่งนี้ปลอดภัยจากสงครามครั้งนั้น ทุก ๆ วันที่ 23 เดือน 3 ของจีน จะมีงานฉลองวันคล้ายวันเกิดของเจ้าแม่ทับทิมในแต่ละปี ซึ่งมีผู้คนเข้ามาสักการะเจ้าแม่อย่างล้นหลามเลยทีเดียว


การบูชาเจ้าแม่ทับทิม ไม่มีบทสวดสำหรับบูชาท่านโดยตรง แต่จะใช้ บทสวดของพระโพธิสัตว์กวนอิม บทไต่ปุ่ยจิว (มหากรุณาธารณีสูตร) หรือ พระคาถาพระแม่กวนอิมโพธิสัตว์ ที่ขึ้นต้นด้วย นำโม ไต๋ชื้อ ไต๋ปุย ก็ได้ แต่ถ้าท่องไม่ได้ก็ไม่เป็นไรสามารถกระทำได้อย่างง่าย โดย

• ทำจิตใจให้สะอาด มีความเชื่อหรือความศรัทธาในเจ้าแม่ทับทิมจริง ๆ
• จากนั้นท่องนะโม 3 จบ แล้วเอ่ยพระนามของเจ้าแม่ทับทิม เพียงคร้งเดียวพอ ที่วัดแห่งนี้เขียนนามท่านไว้ด้านบน [b]天 后 聖 母, Tian Hou Sheng Mu “เทียนโหวเซี้ยบ้อ” [/b] หากไปที่อื่น ก็เรียกพระนามตามแต่ละศาล บางแห่งอาจจะใช้นาม “จุ้ยบ้วยเซี้ยเนี้ย”
• จากนั้นมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอะไร ก็เล่าให้เจ้าแม่ทับทิมฟัง
• หากจะอธิษฐานขอพรให้ท่านช่วยเรื่องอะไรก็ขอท่านไป

ของไหว้ : ผลไม้ต่าง ๆ หรือจะถวายสร้อยไข่มุกด้วยก็ได้



Kwun Yum Temple @ Stanley market

Kwun Yum Temple @ Stanley market

ที่ตั้ง:บริเวณ Cape Road
การเดินทาง:
     1. จากวัด Tin Hua ใช้เวลาเดินไปประมาณ7 นาที ตามเส้นทางเดินขึ้นเขา หรือ
     2. นั่ง City bus สาย 6, 6X หรือ First bus สาย 63, 65, 66 มาลงที่ Lung Tak Court แล้วเดินข้ามแยกไปตรงป้ายนี้จะสะดวกกว่าค่ะ

ด้านในมีรูปหล่อ องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมปางพันมือองค์ใหญ่ พระหัตถ์คู่หนึ่งพนมมือภาวนา คู่หนึ่งวางซ้อนกันทำสมาธิ และอีกคู่หนึ่งยกบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระหัตถ์อื่น ๆ ถือของวิเศษและอาวุธต่าง ๆ

พระโพธิสัตว์กวนอิมปางพันเนตรพันกรเป็นปางหนึ่ง ซึ่งแต่ละพระหัตถ์มีพระเนตรอยู่กลางฝ่าพระหัตถ์ อันเป็นสัญลักษณ์แสดงถึง ความเอื้ออาทรที่จะโปรดสัตว์ผู้อยู่ในห้วงทุกข์อันหาขอบเขตมิได้

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ทำหนังสือเดินทางสูญหายที่ประเทศญี่ปุ่น (Passport Lose in Japan)

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ทำหนังสือเดินทางสูญหายที่ประเทศญี่ปุ่น
สามารถนำเอกสารดังต่อไปนี้ มาติดต่อที่สถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อขอออกเอกสารแทนได้เลยค่ะ

1. สำเนาเอกสารแสดงตัวบุคคลของไทย เช่น สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านไทย

2.ใบแจ้งความหรือฟุนชิทสีโชเมโชซึ่งระบุรายละเอียดการหาย ออกโดยสถานีตำรวจญี่ปุ่น (เอกสารที่ออกโดยป้อมตำรวจไม่สามารถใช้งานได้)

3. รูปถ่ายสี ขนาด 4×4 ซ.ม. จำนวน 3 รูป

ดังนั้นอย่าลืมพกสำเนาเอกสารสำคัญติดตัวไปด้วยเมื่อเดินทางไปท่องเที่ยงที่ต่างประเทศนะคะ แล้วแยกเก็บไว้ต่างหาก เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินก็อุ่นใจขึ้นมาแล้วค่ะ

Credit : http://www.thaiembassy.jp/

Tuesday, December 15, 2015

ถนนคนเดินหวงซิง

ถนนคนเดินหวงซิง ถนนสายนี้ถือเป็นศูนย์รวมของการช้อปปิ้ง แหล่งรวมสิ้นค้าแบรนด์เนมมากมาย จนกระทั้งสิ้นค้าราคาประหยัดมีให้ได้เลือกซื้อ เลือกชม ถนนคนเดินนี้ยาวประมาณ  1,218 เมตร

ผ้าไหมของจีน

ผ้าไหมของจีน ชมวิธีการนำเส้นไหมออกมาผลิตเป็นสินค้าทั้งใช้เครื่องจักร และแรงงานคน ชมการดึงใยไหมรังแฝด(แปลกแต่จริง)เพื่อมาทำใส้นวมผ้าห่มไหมเหมาะกับการซื้อเป็นทั้งของฝากและใช้เอง

ถ้ำเทียนเหมิน หรือเรียกว่า ถ้ำประตูสวรรค์

ถ้ำเทียนเหมิน หรือเรียกว่า ถ้ำประตูสวรรค์  เป็น 1 ใน 4 ของภูเขาที่สวยของประเทศจีน ประตูสวรรค์นี้นี้มีความสูง 131.5 เมตร ความกว้าง 57 เมตร ความลึก 60 เมตร เมื่อท่านมาถึงถ้ำประตูสวรรค์ ท่านจะได้ขึ้นขั้นบันได 999 ขั้น สู่ ภูเขาประตูสวรรค์

ระเบียงแก้ว

ระเบียงแก้ว ซึ่งเป็นสะพานกระจก มีระยะทางอันหวาดผวาอยู่ที่ 60 เมตร ล้อมรอบผาสูงชัน ความกว้างของ สะพานกระจก วัดจากขอบผาได้ 3 ฟุต มีความหนา 2.5 นิ้ว ถือเป็นการท้าทายนักท่องเที่ยวที่อยากมาสัมผัสทิวทัศน์อันงดงามบนเขาเทียนเหมินซาน

นั่งกระเช้ากอนโดล่า

 นั่งกระเช้ากอนโดล่า  ที่มีความยาว 7.5 กิโลเมตร ขึ้นสู่จุดสูงสุด “เซี่ยจ้าน” ชมความงามของภูผานับร้อยนับพันยอด

เทียนเหมินซาน

เทียนเหมินซาน โดยนั่งกระเช้าขึ้น+ลงบันไดเลื่อน (หมายเหตุ : รายการนี้ไกด์จะดูความเหมาะสมของเวลา โดยการเลือกนั่งกระเช้าขึ้นและลงบันไดเลื่อนหรือเลือกขึ้นบันไดเลื่อนและลงกระเช้า กระเช้ามีความยาวถึง 7.5 กิโลเมตร )

หยกแท้

 หยกแท้ ของเมืองจีนพร้อมทั้งให้ท่านได้รับคำแนะนำและวิธีการดูหยกและให้ท่านเลือกชมและเลือกซื้อหยกไว้เป็นของฝากล้ำค่า

ล่องเรือทะเลสาบเป่าเฟิงหู (Baofeng Lake)

ล่องเรือทะเลสาบเป่าเฟิงหู (Baofeng Lake) เป็นทะเลสาบบนช่องเข้าสูง โดยที่ทะเลสาบจะถูกรายล้อมด้วยยอดเขา และน้ำก็ใสมาก การเที่ยวชมอาศัยการล่องเรือ โดยระหว่างทางก็จะพบแพและมีคนใส่ชุดพื้นเมืองอยู่

ทะเลสาบเป่าเฟิ่งหู นำท่านนั่งรถVIP ของอุทยานฯ สู่จุดล่องเรือ

ทะเลสาบเป่าเฟิ่งหู  นำท่านนั่งรถVIP ของอุทยานฯ สู่จุดล่องเรือ 

JIN HUA HOTEL

JIN  HUA  HOTEL

MEILIXIANGXI (เหมยลี่เซียงซี)

MEILIXIANGXI (เหมยลี่เซียงซี)  ซึ่งจัดแสดงอยู่ภายในโรงละคร เป็นการแสดงถึงประเพณีวัฒนธรรม วิถีชีวิตของชนเผ่าต่างๆ ที่อยู่ในจางเจียเจี้ย ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อลังการสวยงามด้วย แสง สี เสียง

ร้านใบชา

ร้านใบชา  เชิญชิมชาก้อน ภาษาจีนเรียกว่า Puer Cha เป็นชาที่ขึ้นชื่อของประเทศจีน ตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง ประมาณ 500 ปีที่แล้ว

ลำธารจินเปียนซี หรือลำธารแส้ทอง

ลำธารจินเปียนซี หรือลำธารแส้ทอง ซึ่งเป็นลำธารที่ไหลวนไปตามช่องเขา และชะง่อนผาสูงชันเข้าไปกลางภูเขาวงกต ลำธารจินเปียนซี มีน้ำในลำธารมีสีเขียวใสปราศจากมลภาวะ

จุดทิวทัศน์ หยวนเจียเจี้ย

จุดทิวทัศน์ หยวนเจียเจี้ย

เทียนเสี้ยตี้อี้เฉียว (สะพานอันดับ 1 แห่งใต้หล้า)

เทียนเสี้ยตี้อี้เฉียว (สะพานอันดับ 1 แห่งใต้หล้า) ซึ่งมีทัศนียภาพที่สวยงามรายล้อมด้วยหมู่ขุนเขา ซึ่งภาพยนตร์ชื่อดัง อวตาร ได้นำมาเป็นฉากในการถ่ายทำ ท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันสวยงามแสนประทับใจมิรู้ลืม

เขาเทียนจื่อซาน (เขาจักรพรรดิ์)

 เขาเทียนจื่อซาน (เขาจักรพรรดิ์) ซึ่งอยู่ใน เขตอุทยานเอี๋ยนเจียเจี้ย นำท่านขึ้นเขาและลงเขาด้วยลิฟท์แก้วไป่หลง สูง 326 เมตร  พร้อมกับชมทิวทัศน์อันสวยงามที่สุดแสนประทับใจมิรู้ลืม  ท่านจะได้ตื่นตาตื่นใจกับยอดเขาสูงสุดวัดได้ถึง 1,250 เมตร

จางเจียเจี้ย

จางเจียเจี้ย โดยรถบัสปรับอากาศใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง พื้นที่ที่มีลักษณะพิเศษและมีทัศนียภาพที่งดงามจางเจียเจี้ยได้ถูกประกาศให้ เป็นเขตอนุรักษ์วนอุทยานแห่งชาติในปี ค.ศ.1982 ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วน

CHANG DE HUA TIAN HOTEL

CHANG  DE  HUA  TIAN   HOTEL

สะพานแก้ว

สะพานแก้ว ซึ่งมีโครงสร้างของสะพานทอดยาว 300 เมตร ขึงระหว่างยอดเขาหนึ่งไปยังอีกยอดเขาหนึ่ง สูงจากพื้น180 เมตร นอกจากเห็นวิวด้านล่างแล้ว ตัวสะพานยังแกว่งไกวตามแรงลมอีกด้วย

อุทยานสือหนิวจ้าย

อุทยานสือหนิวจ้าย เป็นอุทยานที่ตั้งของ สะพานแก้ว แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ชวนหวาดเสียวที่เขตเมืองผิงเจียง มณฑลหูหนานทางใต้ของประเทศ

JINYA HOTEL

JINYA  HOTEL

ถนนคนเดินเจียงฮั่น อู่ฮั่น

ถนนคนเดินเจียงฮั่น อู่ฮั่น  มีถนนคนเดินให้คุณเดินเล่นจับจ่ายซื้อของอยู่มากมาย แต่ถนนคนเดินสายใหม่ล่าสุดเส้นนี้เหมาะที่สุดหากคุณ ต้องการเดินเล่นแบบสบายๆ หลีกหนีความวุ่นวายจากโลกภายนอก

วัดกุยหยวน

วัดกุยหยวน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุราว  300 กว่าปี อีกทั้งยังเป็นอารามเก่าแก่ 1 ใน 4 ของเมืองอู่ฮั่น ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมและ          พระอรหันต์ 500 องค์ที่ปั้นจากดินเหนียวฉาบด้วยสีทอง

หอนกกระเรียนเหลือง (หวงเฮ่อโหลว)

 หอนกกระเรียนเหลือง (หวงเฮ่อโหลว) เป็นหอ 1 ใน 3 ที่มีชื่อเสียงของจีนมีชื่อเสียงพอๆกับหอเอี้ยหยางของมณฑลหูหนาน และหอเถิงหวังเก๋อของเมืองหนานชางมณฑลเจียงซี เดิมปี ค.ศ.223 หอแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เหมืองหูเป่ยอู่ชางเสอซัน

หอนกกระเรียนเหลือง หรือ หอหวงเห่อโหลว  สร้างเมื่อปี ค.ศ.223 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำฉางเจียง ภายหลังก๊กอู๋ยึดได้เมืองจิงโจวหรือเกงจิ๋ว โดยก๊กอู๋สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นหอสังเกตการณ์ ป้องกันการโจมตีจากก๊กสูของเล่าปี่ หอนกกระเรียนเหลืองตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองอู่ชัง หอกระเรียนเหลืองในปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่เขาเสอซัน เขตอู่ชางเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย สร้างขึ้นด้วยปูนและเหล็กเลียนแบบโครงสร้างแบบไม้ที่เป็นของเดิม เป็นหอห้าชั้น สูง 51 เมตร ระหว่างชั้นยังมีชั้นแทรก รวมทั้งสิ้นเป็นสิบชั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองอู่ฮั่น

ในยุคสมัยสามก๊ก เชื่อกันว่าผู้สร้างคือซุนกวงซึ่งอยู่ในช่วงยังไม่ได้สถาปนาเป็นกษัตริย์แห่งง่อก๊ก เพื่อใช้เป็นหอสังเกตการณ์ดูข้าศึก จากนั้นก็มีการบูรณะซ่อมแซมความเสื่อมโทรมของหอเรื่อยมา มีการสร้างใหม่นับครั้งไม่ถ้วน ได้รับการบูรณะอย่างจริงจังถึง 4 ครั้ง ปัจจุบันเป็นหอที่สร้างใหม่ในลักษณะอาคารแบบดั้งเดิม เป็น 1 ใน 3 หอสวย ที่มีชื่อของจีน (หอเอี้ยหยาง มณฑลหูหนาน หอเถิงหวังเก๋อ มณฑลเจียงซี) จัดเป็นหอแสดงงานเขียนอักษรจีนและจิตรกรรม และยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำแยงซีเกียงของชาวเมืองอีกด้วย ในปี 1957 เนื่องจากได้มีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีที่ผากระเรียนเหลือง ณ ที่ตั้งเดิมของหอกระเรียนเหลืองไปแล้ว ดังนั้น ในปี 1984 เมื่อรัฐบาลจีนใหม่ประจำอู่ฮั่น มีโครงการสร้างหอกระเรียนเหลืองขึ้นใหม่ เนื่องในโอกาสครบรอบร้อยปีที่หอกระเรียนเหลืองถูกเผาทำลายไป เมื่อครั้งสมัยจักรพรรดิกวงสูแห่งราชวงศ์ชิง จึงต้องย้ายหอกระเรียนเหลืองไปปลูกสร้างยังที่ตั้งใหม่บนยอดเขาเสอซัน

ตำนานของหอนกกระเรียนเหลือง
เรื่องเล่าขานเกี่ยวกับที่มาของหอกระเรียนเหลืองซึ่งเป็นที่แพร่หลาย กล่าวกันว่าสถานที่ตั้งเดิมของหอกระเรียนเหลืองเป็นร้านเหล้าเล็ก ๆ ที่เปิดเป็นที่พักคนแรมทาง ครั้งหนึ่งเจ้าของร้านได้ให้อาหารและที่พักแก่นักพรตที่แต่งกายซ่อมซ่อท่าน หนึ่งโดยไม่คิดเงิน นักพรตนั้นจึงใช้เปลือกส้มวาดเป็นรูปกระเรียนสีเหลืองที่ผนังร้าน เมื่อปรบมือขึ้นครั้งหนึ่ง ภาพกระเรียนบนฝาผนังก็จะออกมาร่ายรำอย่างงดงาม นักพรตได้มอบกระเรียนเหลืองนี้ไว้เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจเจ้าของร้าน นับแต่นั้นก็มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนทางร้านกันคับคั่ง เพื่อมาดูการแสดงของกระเรียนเหลือง กิจการของร้านเฟื่องฟูร่ำรวยขึ้น สิบปีต่อมานักพรตนั้นกลับมาอีกครั้ง และเมื่อกระเรียนเหลืองออกมาจากผนัง นักพรตก็ขึ้นขี่กระเรียนบินจากไป เจ้าของร้านจึงสร้างหอกระเรียนเหลืองขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงบุญคุณของนักพรตนั้น

หอนกกระเรียนเหลือง เป็นแหล่งรวมของบรรดาปราชญ์กวีและปัญญาชนจากทั่วทุกสารทิศ ซึ่งก็ได้ฝากผลงานบทกวีที่มีชื่อไว้ไม่น้อย ในจำนวนนี้มีผลงานของชุยเฮ่า ปราชญ์สมัยถัง ได้แต่งบทกวีเกี่ยวกับความงามสง่าของหอแห่งนี้ รวมทั้งคำเล่าขานของหอกระเรียนเหลืองนี้เอาไว้อย่างละเอียด จนกลายเป็นต้นแบบให้กวีในรุ่นหลังได้ศึกษาต่อมา จวบจนปี 1884 รัชสมัยจักรพรรดิกวงสูแห่งราชวงศ์ชิง เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ หอกระเรียนเหลืองถูกเผาทำลายลงในปี 1957 เนื่องจากได้มีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีที่ผากระเรียนเหลือง ณ ที่ตั้งเดิมของหอกระเรียนเหลืองไปแล้ว ดังนั้น ในปี 1984 เมื่อรัฐบาลจีนใหม่ประจำ อู่ฮั่น มีโครงการสร้างหอกระเรียนเหลืองขึ้นใหม่ เนื่องในโอกาสครบรอบร้อยปีที่หอกระเรียนเหลืองถูกเผาทำลายไปเมื่อครั้งสมัยจักรพรรดิกวงสูแห่งราชวงศ์ชิง จึงต้องย้ายหอกระเรียนเหลืองไปปลูกสร้างยังที่ตั้งใหม่บนยอดเขาเสอซัน



EURASIA INTERNATIONAL HOTEL

EURASIA  INTERNATIONAL   HOTEL

อู่ฮั่น

นั่งรถไฟความเร็วสูงไป อู่ฮั่น  โดยใช้เวลา  4 ชั่วโมง เมืองอู่ฮั่นตั้งอยู่ตอนกลางของแม่น้ำแยงซีเกียงในมณฑลหูเป่ย มีพื้นที่ประมาณ 8,467 ตร.กม.  อาณาเขตอยู่ในพื้นที่ของแม่น้ำ  2 สาย มีประชากรกว่า  8 ล้านคนและมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3,500 ปี

“แหล่งโบราณสถานชนเผ่าถู่ซือ” หรือ ถู่ซือ เมืองโบราณ

“แหล่งโบราณสถานชนเผ่าถู่ซือ”  หรือ ถู่ซือ เมืองโบราณ หนึ่งในโบราณสถานอันทรงคุณค่าของประเทศจีน ก็ยัง ได้รับเลือกจาก “ยูเนสโก” (UNESCO) ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ประจำปี 2558 ซึ่งนับเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่ 48 ของประเทศจีน จนทำให้ดินแดนแห่งมังกรกลายเป็นเจ้าแหล่งมรดกโลกอันดับ 2 รองจากประเทศอิตาลี  

แม่น้ำมังกรเมฆ (หยุ่นหลงเหอ)

แม่น้ำมังกรเมฆ  (หยุ่นหลงเหอ) ซึ่งมีการจิตนาการของลักษณะบริเวณนี้ว่าเป็น รอยแยกของปฐพี  สำหรับวิวทิวทัศน์ในส่วนนี้ จะเป็นทัศนียภาพของแม่น้ำ “แม่น้ำมังกรเมฆ” ที่ไหลเซาะแนวหินเบื้องล่างของขุนเขาจี้กง จนเกิดเป็นโตรกเขาลึกอันงดงามที่มีพรรณไม้นานาพันธุ์ขึ้นงอกงามริมผาห้อยเป็นระย้า

เอินซรือ แกรนด์แคนยอน ตั้งอยู่ที่ภูเขาจี้กง แห่งเมืองเอินซรือ

 เอินซรือ แกรนด์แคนยอน ตั้งอยู่ที่ภูเขาจี้กง แห่งเมืองเอินซรือ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลหู่เป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นจุดที่ ขุนเขา แม่น้ำ ป่าเขา และมวลเมฆ มาบรรจบกัน จนกลายเป็นวิวทิวทัศน์อันตระการตา

LANGMAN INTERNATIONAL HOTEL ENSHI

LANGMAN INTERNATIONAL  HOTEL ENSHI

เมือง อี๋ชาง หรือเรียกย่อๆว่า เมืองอี๋

เมือง อี๋ชาง หรือเรียกย่อๆว่า เมืองอี๋ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของมณฑลหูเป่ย และอยู่ปากช่องแคบซีหลิงเสียของแม่น้ำแยงซีเกียงทางทิศตะวันออก มีพื้นที่ประมาณ 21,600 ตร.กม ประชากรส่วนใหญ่จะเป็นชนเผ่ากลุ่มน้อยที่มาอาศัยอยู่ร่วมกันประมาณ 20 กว่าเผ่า

เขื่อนยักษ์ อภิมหาโปรเจ็คระดับกินเนสบุ๊ค “ซานเสียต้าป้า”

เขื่อนยักษ์ อภิมหาโปรเจ็คระดับกินเนสบุ๊ค “ซานเสียต้าป้า” เป็นโครงการที่ใหญ่โตที่สุดอีกอย่างหนึ่งของจีน นับตั้งแต่การสร้างกำแพงเมืองจีน มีความยาวทั้งหมด 3,035 เมตร ช่องระบายน้ำยาว 483 เมตร ซึ่งสามารถเก็บกักน้ำได้ถึง 39.3 ล้านลูกบาศก์เมตร

ล่องเรือแล่นผ่าน ประตูน้ำ 5 ชั้น

ล่องเรือแล่นผ่าน ประตูน้ำ 5 ชั้น ท่านจะได้ชมการระบายน้ำเมตรต่อเมตร ของแต่ละขั้นประตู อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

ช่องแคบซีหลิงเสีย

 ช่องแคบซีหลิงเสีย ซึ่ง  เป็นช่องแคบที่ยาวที่สุด คือมีความยาวถึง 76 ก.ม. ที่เด่นเป็นพิเศษคือมีหาดมากมายและน้ำไหลเชี่ยวกราก

ธารน้ำเสินหนงซี ที่อำเภอปาตง แห่งมณฑลหูเป่ย

ธารน้ำเสินหนงซี ที่อำเภอปาตง  แห่งมณฑลหูเป่ย มีต้นน้ำอยู่ที่ป่าเขาดึกดำบรรพ์และเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่เรียกว่าเสินหนงเจี้ย มีความยาวรวม 60 ก.ม.

ช่องแคบฉวีถังเสีย

ช่องแคบฉวีถังเสีย มีความยาวสั้น ที่สุดยาวเพียง 8 ก.ม. เท่านั้น แต่เป็นช่องแคบที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวพอสมควร โดยเฉพาะช่วงด้านตะวันตก  ของช่องแคบที่มีชื่อว่า ประตูขุยเหมิน กระแสน้ำจะเชี่ยวกรากมาก เรือสำราญต้องฝ่าด่านอันแข็งแกร่งนี้ไปด้วยความทรนง

เมืองโบราณไป๋ตี้เฉิงหรือเรียกอีกชื่อว่า เมืองจักรพรรดิขาว

เมืองโบราณไป๋ตี้เฉิงหรือเรียกอีกชื่อว่า เมืองจักรพรรดิขาว อยู่ในเขตอำเภอเฟิ่งเจีย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของปากช่องแคบฉวีถังเสีย บนยอดเขาสูงกว่า 750 เมตร

เจดีย์สือเป่าไจ้

เจดีย์สือเป่าไจ้ ตั้งอยู่ติดขนาบเขาหวี้อิ้น ทางทิศเหนือของแม่น้ำแยงซีเกียง สร้างขึ้นในยุคราชวงศ์หมิง สมัยปีว่านลี่ โครงสร้างลักษณะสถาปัตยกรรมคล้ายเจดีย์ ทำจากไม้และเชื่อมต่อกันโดยไม่ได้ใช้ตะปูเลย มี 12 ชั้น สูงประมาณ 56 เมตร

เมืองเฟิงตู (เมืองผี)

เมืองเฟิงตู (เมืองผี) เล่าว่าเป็นเมืองขนาดกลางตั้งอยู่อำเภอหวั่นเซี่ยน ซึ่งเป็นเมืองนรกจำลอง เกี่ยวกับบาปบุญคุณโทษ สร้างตามความเชื่อของชาวจีนในสมัยราชวงศ์หมิง จากลัทธิเต๋าและพุทธ ผสมผสานกัน มีประวัติความเป็นมายาวนานถึง 400 กว่าปี  

CENTURY PARAGON

CENTURY  PARAGON  

ถนนคนเดินเจี่ยฟางเป่ย

ถนนคนเดินเจี่ยฟางเป่ย เพื่อเลือกซื้อสินค้าราคาถูกมากมาย หรือซื้อเป็นของฝากสำหรับคนที่รักทางบ้าน

หงหยาต้ง เป็นอาคารคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่สูง 16 ชั้น ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจียหลิง

หงหยาต้ง เป็นอาคารคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่สูง 16 ชั้น ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจียหลิง อาคารในรูปแบบสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่ออกแบบให้โดดเด่นตระหง่านเป็นเอกลักษณ์ของเมือง

เมืองฉงชิ่ง

มหานครฉงชิ่ง
ฉงชิ่ง มีพื้นที่ 82,300 ก.ม.ติดกับมณฑลหูเป่ย์ หูหนัน กุ้ยโจว เสชวนและฉ่านซี ภายในตัวเมืองมีแม่น้ำไหลพาดผ่านหลายสายเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 8 ของจีน

ภูมิประเทศ
ตั้งอยู่ทางตอนบนของแม่น้ำแยงซีเกียง ที่ตั้งและอาณาเขต ฉงชิ่งมีพื้นที่ติดต่อดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับ มณฑลฉ่านซี ประเทศจีน
ทิศใต้ ติดต่อกับ มณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน
ทิศตะวันออก ติดต่อกับ มณฑลหูเป่ย์ และมณฑลหูหนาน ประเทศจีน
ทิศตะวันตก ติดต่อกับ มณฑลเสฉวน ประเทศจีน

ภูมิอากาศ

  • เมืองฉงชิ่ง มีอุณหภูมิระหว่าง 24-25 องศาเซลเซียส สำหรับอุณหภูมิสูงสุดโดย เฉลี่ย 29-29.7 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดโดยเฉลี่ย 20.6-21 องศาเซลเซียส
  • มหาศาลาประชาคม (ต้าหลี่ถัง) ซึ่งนายเฮดหลงแห่งกองทัพคอมมิวนิสต์ริเริ่มสร้างขึ้นภายหลังการปฏิวัติสำเร็จ ในปี 2494 โดยจำลองแบบมาจากหอฟ้าเทียนถานเมืองปักกิ่ง ในปัจจุบันใช้เป็นที่ประชุมสภาผู้แทนและโรงละครของประชาชนสามารถจุคนได้กว่า 4,000 คน


เมืองฉงชิ่ง มหานครครแห่งสาวงาม ด้วยอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปีและเมืองที่แทบไม่โดนแสงแดดแผดเผา ทำให้สาวๆเมืองฉงชิ่งมีผิวขาวสวยงาม การแต่งตัวก็ทันสมัย แทบจะบอกว่าเป็นเมืองแห่งสาวสวยของเมืองจีนก็ว่าได้

เมืองฉงชิ่ง มหานครที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน
ครั้งแรกที่มาเที่ยวเมืองฉงชิ่ง นั่นคือการก่อร่างสร้างเมืองและขยายผังเมืองอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยสภาพเมืองที่อยู่กลางหุบเขาและมีภูเขามากมายทำให้เมืองฉงชิ่งไม่มีรถจักรยานและรถจักรยายยนต์ให้เห็นเลย นั้นก็คือการที่รัฐบาลกลางสั่งห้ามเพื่อความปลอดภัยของผู้คนในเมืองนี้

 รู้จักมหานครฉงชิ่ง
ฉงชิ่ง หรือ จุงกิง ตั้งอยู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของรัฐบาลจีนพรรคก๊กมินตั๋ง ในสมัยที่ญี่ปุ่นรุกรานประเทศจีน แต่เดิมนั้นฉงชิ่งเป็นเมืองเอกที่ขึ้นกับมณฑลเสฉวน ต่อมาเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1997 ทางรัฐบาลกลางของจีนได้ประกาศให้ฉงชิ่งเป็นเขตปกครองพิเศษ แยกออกมาเป็นมหานครฉงชิ่งขึ้นตรงกับรัฐบาลกลาง จึงทำให้ฉงชิ่งเป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีนและเป็นศูนย์กลางของการคมนาคมทางบก ทางน้ำและทางอากาศที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

ศูนย์กลางบริหารโครงการเขื่อนยักษ์ของโลก
หลังจากที่รัฐบาลจีนเปิดโครงการอภิมหาอมตะข้ามศตวรรษกับโครงการเขื่อนยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก (ระหว่าปี ค.ศ. 1994 - 2009) นั่นคือ เขื่อนซานเสียต้าป้า ที่สร้างกั้นกลางแม่น้ำแยงซีเกียงกับเงินลงทุนมากถึง 203,400 ล้านดอลลาร์ โครงการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำและโครงการป้องกันอุบัติภัยธรรมชาติ ทำให้เมืองฉงชิ่งเป็นศูนย์กลางการบริหารโครงการเขื่อนซานเสียต้าป้า


source: http://www.oceansmile.com

Sunday, December 6, 2015

วัดพระหยกขาว

วัดพระหยกขาว ตั้งอยู่บนถนนอานเหยี่ยนในเขตผู่ถอ เมืองเซี่ยงไฮ้ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธในเซี่ยงไฮ้และเป็นวัดที่นักท่องเที่ยวเข้านมัสการเป็นจำนวนมากที่สุดของเซี่ยงไฮ้

SHANGHAI HOLIDAY INN EXPRESS

 SHANGHAI  HOLIDAY INN EXPRESS

รถไฟความเร็วสูง มุ่งหน้าสู่ เซี่ยงไฮ้โดย รถไฟความเร็วสูง

 รถไฟความเร็วสูง มุ่งหน้าสู่ เซี่ยงไฮ้โดย รถไฟความเร็วสูง  มีความยาวทั้งสิ้น 1,318 กิโลเมตร โดยใช้เงินทุนก่อสร้างเป็นเงินทั้งสิ้น 220,900 ล้านหยวน วิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ย 300 กม. / ชม.

นวดฝ่าเท้า เป็นการแช่เท้าด้วยยาสมุนไพรจีน

 นวดฝ่าเท้า เป็นการแช่เท้าด้วยยาสมุนไพรจีน และนวดผ่อนคลายที่ ศูนย์วิจัยทางการแพทย์แผนโบราณ ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับการแพทย์โบราณตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

หอบวงสรวงเทวดา เทียนถาน หอฟ้าเทียนถาน

หอบวงสรวงเทวดา เทียนถาน หอฟ้าเทียนถานนี้ จะเป็นจุดที่ใช้ใน พิธีกรรมบูชา ฟ้า ดิน ตั้งอยู่บน ลานหินอ่อนซ้อนกัน 3 ชั้น ซึ่งจะหมายถึง โลกของ มนุษย์ สวรรค์ และ โลกอมตะ

QIAO BO INTERNATIONAL CENTER HOTEL

QIAO BO INTERNATIONAL  CENTER  HOTEL

ลานสกีอินดอร์ (Qiao Bo Ice & Snow World)

ลานสกีอินดอร์ (Qiao Bo Ice & Snow World)    
เป็นลานสกีในร่มเพียงที่เดียวและใหญ่ที่สุดของปักกิ่งและของประเทศจีนที่สามารถเล่นสกีได้ตลอดปี ด้วยพื้นที่กว่า 30 ไร่


ศูนย์การค้าหวังฟู่จิ่ง (Wangfujing)

ศูนย์การค้าหวังฟู่จิ่ง (Wangfujing) ซึ่งเป็นที่ช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในเมืองปักกิ่ง เป็นถนนเส้นยาวๆ สำหรับคนเดินห้ามรถทุกชนิดวิ่งผ่าน มีห้างสรรพสินค้า พลาซ่า และร้านค้าน้อยใหญ่เรียงรายสองข้างถนน รวมทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านหนังสือ ครบครัน

โรงงานผ้าไหม

โรงงานผ้าไหม  ซึ่งจีนมี ชื่อเสียงทางการผลิตและส่งออกของโลก เพราะจีนเป็นประเทศแรกที่รู้จักการเลี้ยงไหมและพัฒนาคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

BEIJING YETEL HOTEL

  BEIJING YETEL  HOTEL

เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน

เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน

สาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ People's Republic of China (PRC) ข้อมูลทั่วไป

สาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ People's Republic of China (PRC) หรือที่เราๆเรียกกันว่าประเทศจีน เป็นประเทศที่มีผู้อยู่อาศัยมากที่สุดในโลก (1.3 พันล้านคน) ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่มีพื้นที่ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 หรือ 4 ของโลก (หรือทัดเทียมกับอเมริกา เพราะว่าหรัฐนับเพียง 50 รัฐเท่านั้น จึงถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 4 โดยตัวเลขนี้นำมาจากหน่วยข่าวกรอง CIA ของสหรัฐอเมริกา)

ประเทศจีนมีพื้นที่ส่วนบนบกมากที่สุดเป็นอันดับของโลก และมีความหนาแน่นของประชากรต่อพื้นที่เป็นอันดับ 35 ของโลก (139.3 คน/ตารางกิโลเมตร)

ประเทศจีนมีพื้นที่อยู่ในเขตตะวันออกของเอเชีย ปกครองโดยพรรคเดียวคือพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งประเทศจีนแบ่งออกเป็น 23 มณฑล 5 เขตปกครองตนเอง 4 เทศบาลนคร (ปักกิ่ง เทียนซิน เซี่ยงไฮ้ ฮงชิ่ง) รวมทั้งเขตบริหารแบบพิเศษ 2 เขต ก็คือ ฮ่องกงและมาเก๊า และเมืองหลวงของประเทศจีนนั้นก็คือปักกิ่งนั่นเอง

ลักษณะภูมิประเทศของจีน
ภูมิศาสตร์ของจีนนั้นมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก มีตั้งแต่ป่าแบบลุ่มดอนจนไปถึงทะเลทรายกว้างใหญ่ (อยู่ในแทบตอนเหนือของประเทศจีนติดกันกับมองโกเลียและไซบีเรียของประเทศรัสเซีย ( แถมยังมีป่าทึบแบบ Tropical ทางตอนใต้ชายแดนติดกับประเทศเวียดนาม ลาว และพม่า ในทางตะวันตกของประเทศเป็นพื้นที่ขรุขระและที่ราบสูงซะส่วนใหญ่ มีเทือกเขาหิมาลัยและเทือกเขาเทียนซานเป็นกำแพงกั้นพรมแดนตามธรรมชาติกับประเทศอินเดีย เนปาล และประเทศในเอเชียกลาง ในทางกลับกัน ทางด้านตะวันออกของประเทศจีนเป็นที่ราบต่ำ มีแนวฝั่งยาวถึง 14,500 กิโลเมตร ซึ่งถือว่ายาวเป็นอันดับ 11 ของโลกเลยทีเดียว) ที่แนวชายฝั่งนี้ติดกับทะเลจีนใต้ทางใต้ ทะเลจีนตะวันออก โดยประเทศจีนนั้นมีประเทศเกาะอยู่ใกล้เคียง คือ เกาหลี และ ญี่ปุ่น
อารยธรรมของประเทศจีน

อารยธรรมจีนถือเป็นอารยธรรมโบราณยุคแรกเริ่มของโลกเลยก็ว่าได้ และได้เติบโตพร้อมกับความเจริญรุ่งเรืองเรื่อยมาของประเทศจีน ในเขตลุ่มแม่น้ำเหลืองที่ไหนผ่านที่ราบลุ่มของจีนตอนเหนือเป็นเวลานานกว่า 6,000 ปี ระบบการเมืองของจีนตั้งอยู่บนการปกครองแบบราชาธิปไตย จีนรวมกันเป็นปึกแผ่นครั้งแรกในสมัยราชวงศ์ฉินเมื่อ 221 ปีก่อนคริสตกาล ส่วนราชวงศ์สุดท้าย ราชวงศ์ชิง โดยสิ้นสุดราชวงศ์ในปี 1911 และได้มีการสถาปนาสาธารรัฐจีนขึ้นมาใหม่ โดยพรรค ก๊กมิมตั้ง พรรคชาตินิยมประเทศจีน ซึ่งในครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 20 นั้น เป็นยุคสมัยแห่งความแตกแยกและสงครามกลางเมืองซึ่งแบ่งประเทศออกเป็นค่ายการเมืองสองค่ายหลัก คือ ก๊กมินตั๋งและคอมมิวนิสต์ ความขัดแย้งและความไม่สงบรวมถึงสงครามกลางเมืองส่วนใหญ่สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1949 เมื่อฝ่ายคอมมิวนิสต์ชนะสงครามกลางเมืองและสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นใน จีนแผ่นดินใหญ่ ส่วนไต้หวัน ซึ่งอยู่ภายใต้การนำของก๊กมินตั๋งนั้น ได้ย้ายเมืองหลวงไปยังไทเปบนเกาะไต้หวัน นับแต่นั้นมา สาธารณรัฐประชาชนจีนได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งทางการเมืองกับ สาธารณรัฐจีนเหนือปัญหาอธิปไตยและสถานะทางการเมืองของไต้หวัน
เศรษฐกิจ - เที่ยวจีน

เมื่อได้มีการปฏิรูปครั้งใหญ่ทางเศรษฐกิจและทางการเมืองของจีนเมื่อปี ค.ศ. 1978 ประเทศจีนจึงกลายมาเป็นประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็วที่สุดในโลก กลายเป็นผู้ส่งออกสินค้ารายใหญ่อันดับหนึ่งของโลก เนื่องจากค่าแรงราคาถูก และเนื่องจากมีจำนวนประชากรมีจำนวนมากทำให้มีความต้องการของสินค้าเป็นจำนวนมากและนำเข้าสินค้าเป็นรายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก จนในปัจจุบันเศรษฐกิจของจีนมีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลกลองจากอเมริกาในเรื่องของ GDP และยังเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งประเทศจีนนั้นได้รับการจัดให้เป็นรัฐที่มีอำนาจการใช้อาวุธนิวเคลียร์และมีกองทัพที่ยิงใหญ่ที่สุดในโลกเป็นอันดับสองของโลก ในปัจจุบันมีแนวโน้มสูงที่ประเทศจีนจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของโลกทั้งในด้านเศรษฐกิจและทางทหาร - เที่ยวจีน ทัวร์จีน
ประชากร - ทัวร์จีน

จีนเป็นประเทศเอกภาพที่มีหลายชนชาติ รัฐบาลจีนดำเนินนโยบายทางชนชาติที่ให้ ชนชาติต่าง ๆ มีความเสมอภาค สมานสามัคคีและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เคารพและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาและขนบธรรมเนียมของชนชาติส่วน น้อยระบบปกครองตนเองในเขตชนชาติส่วนน้อยเป็นระบบการเมืองอันสำคัญอย่างหนึ่ง ของจีน คือ ให้ท้องที่ที่มีชนชาติส่วนน้อยต่าง ๆ อยู่รวม ๆ กันใช้ระบบปกครองตนเอง ตั้งองค์กรปกครองตนเองและใช้สิทธิอำนาจปกครองตนเอง ภายใต้การนำที่เป็นเอกภาพ ของรัฐ รัฐประกันให้ท้องที่ที่ปกครองตนเองปฏิบัติตามกฎหมายและนโยบายของรัฐตามสภาพ ที่เป็นจริงในท้องถิ่นของตน ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ระดับต่าง ๆ บุคลากรทางวิชาการและ กรรมกรทางเทคนิคชนิดต่าง ๆ ของชนชาติส่วนน้อยเป็นจำนวนมาก ประชาชน ชนชาติต่าง ๆ ในท้องที่ที่ปกครองตนเองกับประชาชนทั่วปแระเทศรวมศูนย์กำลังดำเนิน การสร้างสรรค์สังคมนิยมที่ทันสมัย เร่งพัฒนาเศรษฐกิจและวัฒนธรรมในท้องที่ที่ ปก ครองตนเองให้เร็วขึ้นและสร้างสรรค์ท้องที่ที่ปกครองตนเองของชนชาติส่วนน้อย ที่สมานสามัคคีกันและเจริญรุ่งเรือง ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน


สัมผัสบรรยากาศเมืองลั่วหยาง (Luoyang Shi) - จีน

ลั่วหยางตั้งอยู่ภาคตะวันตกของมณฑลเหอหนานซึ่งอยู่ในภาคกลางของจีน ได้ชื่อว่าเป็น ศูนย์กลางของทั้งเก้าทวีป

ลั่วหยางเป็นแหล่งกำเนิดทางอารยธรรมที่สำคัญของประชาชาติจีนในสมัยโบราณเมืองหนึ่ง

เนื่องจางลั่วหยางตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแม่น้ำลั่วเหอ ดังนั้นจึงได้ชื่อว่าเมืองลั่วหยาง

ลั่วหยาง มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและเป็นเมืองที่รัฐบาลจีนประกาศเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์เป็นชุดแรก

เป็นเมืองหลวงโบราณ 1 ใน 7 ของจีนที่คุณไม่ควรพลาดการเดินทางไปท่องเที่ยวที่นี่

พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง ชมประวัติศาสตร์ความเป็นมาของจีนในยุคราชวงศ์หมิง

พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง ชมประวัติศาสตร์ความเป็นมาของจีนในยุคราชวงศ์หมิง

กำแพงเมืองจีนด่านจวียงกวน

กำแพงเมืองจีนด่านจวียงกวน
“ กำแพงเมืองจีน” ด่านจวียงกวน 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก มีความยาวถึง 12,700 ลี้ (ประมาณ 6,000 กิโลเมตร) จากความยาวมากดังกล่าวนี้เอง กำแพงนี้จึงได้รับการขนานนาม อีกด้วยว่า “ กำแพงหมื่นลี้ ”

โรงงานผลิตหยก

โรงงานผลิตหยก ที่ขึ้นชื่อของชาวจีน ที่มีความเชื่อว่า มีหยกไว้เป็นสิ่งที่ให้ความคุ้มครอง

กายกรรมปักกิ่ง

กายกรรมปักกิ่ง ท่านจะได้ชมกายกรรมต้นฉบับดั่งเดิมแบบจีน แสนอลังการทั้งแสงสี ตระการตา

พระราชวังฤดูร้อน “อี้เหอหยวน” ของพระนางซูสีไทเฮา ประเทศจีน

พระราชวังฤดูร้อน จึงเปรียบเสมือนเป็นศูนย์บัญชาการของพระนาง ทั้งยังเป็นคุกคุมขังพระจักรพรรดิกวางสู

พระราชวังฤดูร้อน “อี้เหอหยวน”  ของพระนางซูสีไทเฮา อุทยานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน พระราชวังฤดูร้อนอี๋เหอหยวนในปัจจุบันนี้ มีประวัติศาสตร์มาเกือบพันปีแล้ว ย้อนหลังไปราวคริสต์ศักราชที่ 11 สมัยราชวงศ์จิน (ค.ศ. 1115-1234) พื้นที่ในเขตไห่เตี้ยนนอกกรุงปักกิ่ง มีภูมิประเทศของขุนเขางดงาม ประดุจภาพวาด อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การพักผ่อน



ศูนย์วิจัยทางการแพทย์แผนโบราณ

ศูนย์วิจัยทางการแพทย์แผนโบราณ ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับการแพทย์โบราณตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันการส่งเสริมการใช้สมุนไพรจีนที่มีมานานนับพันปีพร้อมรับฟังการวินิจฉัยโรคโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเลือกซื้อ ยาสมุนไพรและครีมยาที่มีชื่อเสียงที่สุดของรัฐบาลจีน

พระราชวังต้องห้าม THE FORBIDDEN CITY

พระราชวังต้องห้าม THE FORBIDDEN CITY 
พระราชวังต้องห้าม THE FORBIDDEN CITY สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง เป็นทั้งบ้านและชีวิตของจักรพรรดิในราชวงศ์หมิงและชิงรวมทั้งสิ้น 24 พระองค์ พระราชวังเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 500 ปี มีชื่อในภาษาจีนว่า ‘กู้กง’ 


จัตุรัสเทียนอันเหมิน (ความหมายประตูของสันติภาพอย่างสวรรค์)

จัตุรัสเทียนอันเหมิน (ความหมายประตูของสันติภาพอย่างสวรรค์)
จัตุรัสเทียนอันเหมิน  เป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีความยาวตั้งแต่ทิศเหนือจรดทิศใต้ 880 เมตร ทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตก 500 เมตร  พื้นที่ทั้งสิ้น 440,000 ตารางเมตร สามารถจุประชากรได้ถึง 1,000,000 คน

APPLE HOTEL

APPLE HOTEL

แม่น้ำซงฮัวเจียง

แม่น้ำซงฮัวเจียง แม่น้ำสายใหญ่ที่สุดของมณฑลเฮยหลงเจียง ซึ่งไหลผ่านกลางเมืองฮาร์บิ้น ชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำที่เป็นน้ำแข็ง

โบสถ์เซนต์โซเฟีย (ถ่ายรูปจากด้านนอก)

 โบสถ์เซนต์โซเฟีย (ถ่ายรูปจากด้านนอก) เป็น 1 ในโบสถ์คริสต์ 17 แห่ง ซึ่งแสดงถึงวัฒนธรรมรัสเซียที่ได้เข้ามามีอิทธิพลในฮาร์บิ้น

อนุสาวรีย์ฝั่งหง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งแม่น้ำซงฮัว

อนุสาวรีย์ฝั่งหง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งแม่น้ำซงฮัว เป็นอนุสรณ์ระลึกถึงความพยายามของชาวเมืองฮาร์บินที่พยายามต่อสู้กับอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปี ค.ศ.1957

“ซื่อต้าหลินกงหยวน” หรือ สวนสตาลิน

“ซื่อต้าหลินกงหยวน” หรือ สวนสตาลิน ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1953 เพื่อป็นหลักฐานถึงสัมพันธภาพอันดีต่อกันในขณะนั้นระหว่างสองชาติมหาอำนาจแห่งโลกคอมมิวนิสต์

ถนนจงหยาง

ถนนจงหยาง ซึ่งเป็นถนนสายธุรกิจความยาวประมาณ 1.4 กิโลเมตร บริเวณสองฝั่งถนนสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรป

เทศกาลโคมไฟน้ำแข็งใหญ่ Harbin Ice and Snow Festival

เทศกาลโคมไฟน้ำแข็งใหญ่ Harbin Ice and Snow Festival “ปิงเซี่ยวะต้าซรื่อเจี้ย”  หรือหรือเทศกาลโคมน้ำแข็งซึ่งเป็นเทศกาลประจำปีที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก    สภาพอากาศเย็นจัดทำให้แม่น้ำซงฮัวกลายเป็นลานน้ำแข็งที่ทั้งหนาและกว้างใหญ่

สวนเสือไซบีเรีย

สวนเสือไซบีเรีย (สัตว์อนุรักษ์ที่มีค่าชนิดหนึ่งของประเทศจีน) สวนเสือตั้งอยู่ทางเหนือของแม่น้ำซงฮัว

ลานสกีเอ้อร์หลงซาน

ลานสกีเอ้อร์หลงซาน ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองฮาร์บินไปประมาณ 56 กม. ในเขตเทือกเขาเอ้อหลงซาน

WEIJING HOTEL

WEIJING HOTEL

ไท่หยางต่าว ( เกาะพระอาทิตย์ )

ไท่หยางต่าว ( เกาะพระอาทิตย์ ) เกาะขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของ แม่น้ำซงฮัว มีเนื้อที่ประมาณ 3,800 เฮคเตอร์

ฮาร์บิน ประเทศจีน

ฮาร์บิน เป็นคำในภาษาแมนจู มีความหมายว่า 'สถานที่ตากแหจับปลา'เมืองฮาร์บินเป็นเมืองเอกของมณฑลเฮยหลงเจียง

สายการบิน HAINAN AIRLINES

 สายการบิน HAINAN AIRLINES

วัดโพธินาถ ประเทศเนปาล

วัดโพธินาถ ซึ่งเป็นวัดทางพุทธศาสนา และเป็นวัดที่มี เจดีย์มหาโพธินาถ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเนปาล

ย่านทาเมล

 ย่านทาเมลซึ่งเป็นถนนคนเดินที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมกันมากที่สุด

กาฐมณฑป

กาฐมณฑป อาคารไม้ที่เก่าแก่ที่สุดเป็นต้นกำเนิดของชื่อเมืองกาฐมาณฑุ

บ้านกุมารี

 บ้านกุมารี ซึ่งเป็นที่พำนักของเทพธิดามีชีวิตของชาวเนปาล

หนุมานโธกา

 หนุมานโธกา โดยรูปปั้นหนุมานนี้ตั้งบนแท่นสูงทำหน้าที่เป็นทวารบาล เพื่อรักษาประตูทางเข้าพระราชวัง

จตุรัสกาฐมาณฑุดูร์บาร์ หรือ พระราชวังหนุมานโดก้า

จตุรัสกาฐมาณฑุดูร์บาร์ หรือ พระราชวังหนุมานโดก้า ซึ่งเป็นอาคารแบบยุโรปสีขาว มีหอสูง 9 ชั้น เรียกว่า หอพสันตปุร์

เจดีย์พระสวยัมภูวนารถ หรือที่ชาวเนปาลเรียกว่า วัดลิง

เจดีย์พระสวยัมภูวนารถ หรือที่ชาวเนปาลเรียกว่า วัดลิง เป็นวัดที่มีความสำคัญวัดหนึ่งขของประเทศเนปาล

วัดพุธนิลกัณฑะ

วัดพุธนิลกัณฑะ ซึ่งมีรูปแกะสลักพระนารายณ์บรรทมสินธุ์

กุมเภสวอร์ วัดของพระศิวะ

กุมเภสวอร์ วัดของพระศิวะ ที่มีหลังคา 5 ชั้น ลดหลั่นกัน สร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์ชัยฐิติ มัลละ

กฤษณะมัณฑีร์

กฤษณะมัณฑีร์ ซึ่งเป็นวัดแห่งองค์พระกฤษณะถือว่าเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมแบบศิขะระของเนปาล


จัตุรัสปาทัน ดูบาร์สแควร์

จัตุรัสปาทัน ดูบาร์สแควร์ ที่ตั้งอยู่กลางใจเมืองที่เต็มไปด้วยโบราณสถานมากมาย และยังเป็นสถาปัตยกรรมหิน

เมืองปาทัน ซึ่งเป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำบัคมาติ

 เมืองปาทัน ซึ่งเป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำบัคมาติ


วัดฮินดู“ปศุปตินาถ” (Pashupatinath Temple- The Great Hindu Temple of the World)

วัดฮินดู“ปศุปตินาถ” (Pashupatinath Temple- The Great Hindu Temple of the World) หรือวัดหลังคาทองคำและประตูเงินสลักลวดลายวิจิตรเป็น วัดฮินดูคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญที่สุดของชาวเนปาล