Saturday, May 9, 2015

วัดพระเขี้ยวแก้ว ย่างกุ้ง ประเทศพม่า

วัดพระเขี้ยวแก้วถือได้ว่าเป็นอีกวัดหนึ่งที่มีความสำคัญกับชาวพม่าเป็นอย่างมาก จึงอยากแนะนำให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาทัวร์พม่าให้ได้รู้และทราบถึงประวัติความเป็นมาของวัดแห่งนี้

พระเขี้ยวแก้วที่ประเทศพม่านั้นได้มาจากศรีลังกาพระเจ้าธรรมปาละได้มอบพระเขี้ยวแก้วพร้อมกับธิดาให้กับกษัตริย์บุเรงนองและประดิษฐานในพระราชวังเมืองหงสาวดีเมื่อ พ.ศ.2106 บุเรงนองได้ทูตไปขอเจ้าหญิงลังกามาเป็นมเหสี บรรดาทูตมาขึ้นที่เมืองกุลุมพุนครในตอนนั้นพระเจ้าธรรมปาละได้มอบพระทันตธาตุหุ้มทองคำบรรจุในพระเจดีย์ประดับพลอยทูตนั้นก็อยากจะชื่นชมขอดูแต่อำมาตย์นั้นก็ไม่ยอมให้ชมแต่สุดท้ายแล้วก็ยอมพาไปชมในเวลากลางคืนทูตพม่าเมื่อพบเห็นก็รู้สึกเลื่อมใสมากจึงรีบสวดมนต์อย่างใหญ่โต แล้วเจรจาขอแลกด้วยทองคำสิบหมื่น อำมาตย์จึงยอมตกลงทูตพม่าจึงได้อัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาทางทะเลต่อมาเมื่อถึงท่าเมืองหงสาวดีก็ได้อันเชิญพระเขี้ยวแก้วใส่ในมณฑปผูกที่แพล่องขึ้นมาตามลำน้ำสองฝั่งแม่น้ำนั้นจะมีเสียงร้องสาธุการของชาวพม่า พระเจ้าบุเรงนองได้รีบเข้าไปที่สรงพร้อมทั้งพรมด้วยน้ำหอมแล้วแต่พระองค์ขึ้นใหม่จากนั้นก็เสด็จลงมากราบและเชิญพระธาตุ แล้วอัญเชิญมณฑปพระทันตธาตุใส่พระเศียรจากนั้นเสด็จดำเนินไปในกระบวนแห่สู่พระราชวังและได้โปรดให้สมโภชถึงสองเดือน และได้สร้างวิหารซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระทันตธาตุบูชาไว้ในพระราชฐาน มาจนถึงในยุคปัจจุบัน วัดพระเขี้ยวแก้วนั้นเป็นวัดที่มีความสวยงามเป็นอย่างมากบริเวณทางเข้าเจดีย์นั้นนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปทัวร์พม่าจะพบกับสิงห์และตัวมกรซึ่งโดดเด่นเห็นมาแต่ไกลสร้างขึ้นในแบบศิลปะของพม่า บริเวณราวบันไดเรียกว่า ตัวมกร หรือตัวสำรอกในงานศิลปะของไทย ล้านนา พม่าและเขมรมักจะคายหรือสำรอกเอาสัตว์อื่นออกมาเช่น มกรคายนาค แต่ในเทววิทยาของฮินดูตัวมกรนั้นเป็นเทพพาหนะสำหรับพระแม่คงคาซึ่งจัดเป็นสัตว์ประหลาดในทะเลชนิดหนึ่งโดยปกติมักแสดงอยู่ในรูปของสัตว์ผสมเช่น ครึ่งหน้าอาจเป็นสัตว์บกอย่างรูปช้าง จระเข้ หรือกวาง ครึ่งหลังเป็นสัตว์น้ำมักเป็นส่วนหางเช่น หางเป็นปลาหรือท่อนหลังเป็นแมวน้ำ บางครั้งอาจปรากฏส่วนหางเป็นรูปนกยูงก็ยังมี วัดพระเขี้ยวแก้วนี้พม่าใช้สถาปัตยกรรมโบราณพุกามจึงทำให้วัดแห่งนี้นี้สวยงามที่แปลกตากว่าเจดีย์อื่นๆในประเทศพม่า

วัดพระเขี้ยวแก้วนั้นถือเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของชาวพม่าเป็นอย่างมาก วัดแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาทัวร์พม่านิยมการชมความงามกันอย่างไม่ขาดสาย



No comments:

Post a Comment