Tuesday, May 5, 2015

เขต การังกาเสม (Karangasem) บาหลี

  การังกาเสม (Karangasem) เป็นอีกเขตหนึ่งที่มีชื่อเสียงในด้านของชายหาดที่งดงามเป็นอย่างมาก เขตการังกาเสมจึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์บาหลีเป็นอย่างมาก เนื่องจากชายหาดที่นี่ยังคงความงดงามของธรรมชาติและวิถีชีวิตในแบบพื้นเมืองดั้งเดิมให้เห็นในปัจจุบัน และยังเป็นที่ตั้งของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ชื่อว่า กุหนุงอากุง (Gunung Agung)ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในบาหลีด้วยความสูง 3,014 เมตร และยังเป็นภูเขาไฟที่ระเบิดครั้งสุดท้ายเมื่อ 17 มีนาคม ค.ศ.1963 ซึ่งได้สร้างความเสียหายไม่น้อย จนในปัจจุบันกุหนุงอากุงได้สงบลงแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวที่หน้าสนใจในเขตการังกาเสม

วัดปุระเบซากี (Pura Besakih) เป็นวัดที่สำคัญที่สุดของบาหลี ตั้งอยู่บนเชิงเขากุหนุงอากุงวัดแห่งนี้เป็นวัดในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในบาหลีถือเป็นตาแห่งวัดทั้งหมด ในบริเวณนี้จะประกอบไปด้วยวัดน้อยใหญ่เกือบ 30 แห่งที่กระจายอยู่เป็นชั้นๆทั้งหมด 7 ชั้นอยู่ตามไหล่เขา วัดปุระเบซากีมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ วัดเล็กๆที่กล่าวมาก็มีความสำคัญที่แตกต่างกันวัดที่มีความสำคัญมากที่สุดก็คือวัดปุระ เปนาตารันอากุง(Pura Penataran Agung)ซึ่งเป็นศูนย์กลางของวัดเบซากิ ในทุกๆวันจะมีชาวบาหลีนั้นเดินทางมาประกอบพิธีทางศาสนาจึงทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่นักท่องเที่ยวที่มาทัวร์บาหลีได้เห็นถึงธรรมเนียมและประเพณี การแต่งกายแบบพื้นเมืองทั้งหญิงและชายของชาวบาหลีรวมไปจนถึงการแบกทูนของบูชาบนศีรษะตามแบบดั้งเดิมของบาหลี และหากนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะปีนเขากุหนุงอากุงสามารถมาได้ในช่วงเดือนกรกฎาคมจนถึงเดือนตุลาคมแต่จะต้องได้รับการอนุญาตจากทางวัดเสียก่อนเพราะทางวัดจะไม่อนุญาตให้ปีนขึ้นไปสูงกว่าวัดในขณะที่มีการทำพิธีกรรมทางศาสนาอยู่ ที่วัดแห่งนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวที่มาทัวร์บาหลีเข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 3,300 รูเปียห์

                อัมลาปุระ (Amlapura) เป็นเมืองหลวงของเขตการังกาเสมซึ่งจะอยู่ใกล้ๆกับหมู่บ้านเทงกะนันที่เป็นที่ตั้งของวัดปุระอากุงการังกาเสม (Pura Agung Karangasem)เป็นวังในสมัยที่รายาแห่งการังกาเสมได้ปกครองบาหลี เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวันเวลา 08.00-18.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 1,100 รูเปียห์

                ในเขตการังกาเสม (Karangasem)นั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมายที่อยากแนะนำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาทัวร์บาหลีได้ลิ้มลองไปสัมผัสความสวยงามและเสน่ห์ของแต่ละสถานที่กันดู เนื่องจากในแต่ละที่นั้นมีประวัติศาสตร์และความเป็นมาแตกต่างกัน และมีความงดงามทางภูมิทัศน์ที่ต่างกัน

ในเขตนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว และในแต่ละสถานที่นั้นก็ให้อารมณ์และบรรยากาศที่แตกต่างกัน  

                วังเตียร์ตากังกาอยู่ไม่ไกลจากอัมลาปุระประมาณ 6 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาทัวร์บาหลีจะได้พบกับวังเตียร์ตากังกา (Tirta Gangga Water Palace)วังแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1974 สร้างโดยพระรายาอัมลาปุระ ซึ่งทรงโปรดน้ำเป็นอย่างมากและบริเวณวังได้ถูกออกแบบอย่างงดงามทั้งสระน้ำและสระว่ายน้ำที่เชื่อมต่อกันกับน้ำพุตามธรรมชาติ และยังรายล้อมไปด้วยทัศนียภาพของนาขั้นบันไดที่มีสีเขียวขจี

                เทมปักเซริงและเตียร์ตาอัมปีล (Tempak Siring Tirta Ampul)เป็นเขตหมู่บ้านที่เป็นแหล่งผลิตไม้แกะสลักและยังมีสถานที่สำคัญคือบ้านพักของอดีตประธานาธิบดีซูการ์โน ซึ่งมารดาของท่านั้นเป็นคนบาหลี และในบริเวณใกล้ๆก็จะมีวัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ศิทธิ์เตียร์ตาอัมปีลซึ่งชาวบาหลีนิยมมาอาบน้ำปัดเป่าโชคร้าย ชำระร่างกายและปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บ และบริเวณหน้าวัดจะมีร้านขายของฝากที่มีชื่อเสียงมากในหมู่ของนักท่องเที่ยวชาวไทยก็คือ ตลาดปราบเซียน

                กุหนุงกาวี (Gunung Gawi)สถานที่แห่งนี้เป็นที่ฝั่งพระศพเหล่ามเหสีของรายาเมื่อ 800-900 ปีก่อน ทำขึ้นโดยการแกะสลักหินมีประติมากรรมแบบนูนสูงให้เป็นรูปร่างแบบเจดีย์ขนาดสูง 7 เมตร จำนวน 10 องค์

                ท่าเรือปาดังไบบาหลี (Padang Bai Bali)ท่าเรือเฟอร์รี่ที่เปิดไว้บริการนักท่องเที่ยวเพื่อไปยังเกาะล็อมบ็อก(Lombok)ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียง ในปัจจุบันบริเวณนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาทัวร์บาหลีเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นเนื่องจากเป็นเขตที่มีธรรมชาติแบบดั้งเดิมทั้งสายน้ำ ป่าเขา และหมู่บ้านต่างๆบริเวณข้างทางก็ยังมีอากาศที่บริสุทธิ์ และจึงเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่จัดทัวร์แบบออฟโรส

        และสถานที่สุดท้ายก็คือ เทงกะนัน (Tenganan) เขตนี้เป็นเขตทางด้านประวัติศาสตร์ เนื่องจากหมู่บ้านต่อต้านการรุกรานของมัชปาหิตในปี ค.ศ.1343 ซึ่งไม่ยอมรับวัฒนธรรมสมัยใหม่ในครั้งนั้น ณ ตอนนั้นได้ยึดการนับถือผีและความเชื่อแบบโบราณจนถูกเรียกว่า บาหลีโบราณ นั้นเอง นอกจากนี้บริเวณส่วนหนึ่งของหมู่บ้านโบราณในปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่มีบ้านในแบบโบราณมีอายุเกือบพันปี และที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านเดียวในอินโดนีเซียที่มีการทอผ้าเกริงชิงหรืออิกัตแบบทอ 2 ชั้นแต่ราคานั้นแพงมาก และยังมีการสานตะกร้าแบบแทงกะนันที่กำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์บาหลีซึ่งจะซื้อไปตกแต่งบ้าน ที่นี่ไม่เสียค่าเข้าชมแต่อย่างใดแต่ก็ควรบริจาคเพื่อเป็นค่าบำรุงรักษา

No comments:

Post a Comment