Monday, May 4, 2015

วัดเซ็นโซจิ หรือ วัดอาซากุสะ เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในโตเกียว

  วัดเซ็นโซจิหรือวัดอาซากุสะคันนอน หรืออีกชื่อหนึ่งเป็นชื่อดั้งเดิมคือวัดเซ็นโซจิ สาเหตุที่เรียกชื่อนี้เพราะวัดตั้งอยู่ใน อาซากุสะ กรุงโตเกียว วัดอาซากุสะมีตำนานที่เล่าต่อๆกันมาว่ามีชายสองพี่น้องมาทอดแหในแม่น้ำสุมิดะ โยนแหไปยกขึ้นมากลับไม่ได้ปลาแต่เป็นรูปปั้นพระโพธิสัตว์หรือเทวรูปคันนอน สองพี่น้องและชาวบ้านบริเวณนั้นด้วยความศรัทธาจึงอันเชิญเทวรูปคันนอนไว้ที่วันแห่งนี้ หลังจากที่ผู้คนเริ่มรู้บริเวณนี้จึงเป็นย่านแห่งการค้าขายที่มีชื่อเสียงอีกที่หนึ่ง และยังมีอีกเรื่องเล่าอีกว่า ใกล้ๆกับเทวรูปมีภาพปรากฏของมังกรทองเลื้อยลงมาจากสวรรค์ซึ่งในสมัยนั้นมีซามูไรกับโชกุนไปสักการะกันมากไม่ว่าจะขอพรสิ่งใดก็สมปรารถนากันถ้วนหน้า ทำให้มีแต่คนเลื่อมใสและศรัทธาวัดนี้เป็นอย่างมาก เรามาดูขั้นตอนการสักการะเทพเจ้าคันนอนกันคะ ก่อนอื่นต้องชำระร่างกายจากน้ำในอ่างขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านข้างและจุดธูปไปปักไว้ในกระถางขนาดใหญ่กลางวัด เชื่อกันว่าถ้ากลิ่นธูปติดตัวเราออกมาจะทำให้โชคดีและมีความสุข ในส่วนอื่นก็เป็นการบุญบุญไหว้พระ และยังมีการโยนเหรียญลงในกล่อง ถ้าเหรียญลงกล่องโดยไม่โดนไม้ที่กั้นไว้คำอธิฐานของเราจะเป็นจริง แต่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะใช้วิธีปล่อยเหรียญลงไปแต่จะไม่โยนปล่องลงไปแล้วตบมือ2ครั้งในแบบของคนญี่ปุ่นและอธิฐาน จุดเด่นที่สำคัญของวัดอาซากุสะคันนอนอีกประการคือโคมไฟขนาดยักษ์สีแดง จะเห็นโคมไฟห้อยอยู่ตามประตูของวัด ในโคมไฟจะมีรูปปั้นของเทวบาลผู้รักษาประตู 2 ตน คือ ฟูจิน เป็นเจ้าแห่งสายลมแสงแดดและเมฆลักษณะดำมือดูน่าเกรงข้าม ห่มหนังเสือดาว มีถุงลมใหญ่พาดไหล่ทั้งสองข้าง อยู่ทางด้านขวาของประตู ส่วนด้านซ้ายคือ ไรจิน เป็นเจ้าแห่งอสุนีบาต มีกลองเป็นของคู่กายสามารถทำให้ฟ้าแลบและฟ้าผ่า และในบริเวณวัดยังมีร้านขายของที่ระลึก เครื่องรางของขลังต่างๆให้นักท่องเที่ยวที่มาทัวร์ญี่ปุ่นได้บูชากลับไป  

วัดอาซากุสะ วัดเก่าแก่ที่สุดในโตเกียว เชิญท่านขอพรจาก “องค์เจ้าแม่กวนอิม” ที่เป็นทองสัมฤทธิ์ มีขนาดเล็กเพียง 5.5 เซนติเมตร พร้อมถ่ายภาพความประทับใจกับ “โคมไฟขนาดยักษ์” ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สูง 4.5 เมตร

นักท่องเที่ยวที่มาทัวร์ญี่ปุ่นมักจะนิยมมากราบไหว้ ทำบุญ ขอพร สักการะเทวรูปกันที่วัดนี้เพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิตและวัดเซ็นโซจิยังเป็นศูนย์กลางของสรรพสิ่งที่เป็นสุนทรีย์ในโตเกียว บ่อเกิดวัฒนธรรมในสมัยโบราณอีกด้วย

No comments:

Post a Comment